อธิบายกลยุทธ์ Win-Win จากเคส SCG ร่วมทุน บุญถาวร

อธิบายกลยุทธ์ Win-Win จากเคส SCG ร่วมทุน บุญถาวร

7 เม.ย. 2024
อธิบายกลยุทธ์ Win-Win จากเคส SCG ร่วมทุน บุญถาวร | BrandCase
SCG ผู้นำด้านวัสดุก่อสร้างในไทย
ร่วมทุนกับบุญถาวร เพื่อขยายสินค้าตกแต่งบ้านบุญถาวร อยากขยายขึ้นห้างและเพิ่มช่องทางการขาย
จึงร่วมมือกับ SCG เพื่อสเกลธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น
นี่ก็เป็นอีกเคส ของกลยุทธ์การร่วมทุนแบบ Win-Win
ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ธุรกิจทั้ง 2 เติบโต
แล้วทำไมการร่วมทุน ระหว่าง SCG และ บุญถาวร ถึงมีความน่าสนใจ ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ดีลนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2563 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน
หลังจากที่ “เอสซีจี รีเทล โฮลดิ้ง” บริษัทลูกของ SCG ประกาศร่วมทุนกับ “บุญถาวร”
โดยเปิดบริษัทใหม่ชื่อ “เอสซีจี-บุญถาวร โฮลดิ้ง จำกัด”
เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านในภูมิภาคอาเซียน
โดยทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมทุนกัน เพื่อเปิดห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
และสินค้าตกแต่งบ้านในรูปแบบแฟรนไชส์
โดยใช้ชื่อว่า “SCG Home” และ “SCG Home บุญถาวร”
ซึ่งในปัจจุบัน SCG Home และ SCG Home บุญถาวร มีจำนวนสาขาทั้งหมด 36 สาขา
เป็นสาขาในประเทศไทย 34 สาขา
และเป็นสาขาในต่างประเทศ 2 สาขา โดยจะอยู่ในกัมพูชาและเวียดนาม
โดย SCG Home และ SCG Home บุญถาวร
จะมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกกว่า 90,000 SKUs
สำหรับการร่วมมือกันระหว่างกลุ่ม SCG และบุญถาวร ก็เป็นการผสมผสานจุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์
ระหว่างแบรนด์ที่โดดเด่น ในธุรกิจวัสดุก่อสร้างอย่าง SCG
กับแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านสินค้าของตกแต่งบ้านอย่างบุญถาวร
แล้วกลุ่ม SCG และบุญถาวร จะได้ประโยชน์อะไร จากดีลร่วมทุนในครั้งนี้ ?
สำหรับกลุ่ม SCG
ก็จะได้ประโยชน์ จากการขยายฐานลูกค้า เข้าไปในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านมากขึ้น
โดย SCG จะสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของบุญถาวร
ซึ่งบุญถาวรนั้น เป็นห้างรวมของตกแต่งบ้านอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
ที่มีฐานลูกค้าใหญ่และแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง
ที่น่าสนใจคือปีที่ผ่านมา ตลาดสินค้าของตกแต่งบ้าน มีมูลค่าสูงถึง 380,000 ล้านบาท
และในอนาคตก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งแน่นอนว่า SCG ในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง
ก็ต้องหันมาสนใจในตลาดของตกแต่งบ้าน เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดสินค้าตกแต่งบ้าน
จากคู่แข่งรายอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น HomePro, Index Living Mall และ IKEA
เพิ่มช่องทางการขาย ให้กับสินค้าแบรนด์ตัวเอง
นอกจากที่กลุ่ม SCG จะได้ขยายตลาด ไปยังของตกแต่งบ้านมากขึ้นแล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่กลุ่ม SCG ได้ประโยชน์ คือสามารถนำสินค้าแบรนด์ของตัวเองไปจำหน่าย
ภายในห้างที่ร่วมทุนกับบุญถาวร
อย่างเช่น กระเบื้อง และชุดสุขภัณฑ์แบรนด์ COTTO
ที่สามารถนำไปวางขายบนโชว์รูมของห้าง SCG Home และ SCG Home บุญถาวร
ซึ่งการที่ร่วมทุนกับบุญถาวร ก็เพื่อเพิ่มโอกาสให้กลุ่ม SCG
สามารถเพิ่มยอดขายของกระเบื้องและชุดสุขภัณฑ์ จากการใช้หน้าร้านของ
SCG Home และ SCG Home บุญถาวร เป็นช่องทางการขายมากขึ้น
สำหรับส่วนของบุญถาวร
สามารถขยายธุรกิจได้ไวมากขึ้น
การที่จับมือร่วมทุนกับกลุ่ม SCG นั้น
ทำให้บุญถาวรสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้ไวยิ่งขึ้น
โดยเราจะเห็นจาก จำนวนสาขาของห้างบุญถาวรในปี 2561 ที่มีเพียง 13 สาขา
แต่หลังจากมีการร่วมทุนกับกลุ่ม SCG แล้ว
บุญถาวรมีสาขามากถึง 51 สาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งรูปแบบเป็น
ห้างบุญถาวร จำนวน 11 สาขา โดยเน้นสาขาในต่างจังหวัดโครงการ Design Village 4 สาขา โดยเน้นสาขาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลห้างค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ SCG Home และ SCG Home บุญถาวร จำนวน 36 สาขา
และในอนาคตจะมีธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอีกด้วย
เพิ่มมูลค่าแบรนด์ให้มีมูลค่ามากขึ้น
โดยกลุ่ม SCG ถือว่าเป็นแบรนด์ค้าวัสดุก่อสร้างยักษ์ใหญ่
ที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งการที่บุญถาวร ได้ร่วมทุนกับกลุ่ม SCG
จะสามารถช่วยทำให้ห้างขายของตกแต่งบ้านอย่างบุญถาวร ดูแข็งแกร่งและมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น
สรุปแล้วการร่วมทุนระหว่าง SCG - บุญถาวร เมื่อ 4 ปีก่อนนั้น
ก็ถือว่า "Win-Win" สำหรับทุกฝ่าย
โดย SCG ก็จะได้ประโยชน์จากการขยายกลุ่มลูกค้า และเข้าไปแย่งส่วนแบ่งในตลาดสินค้าตกแต่งบ้าน
ส่วนบุญถาวรก็จะได้ประโยชน์จากจากการขยายธุรกิจ และเสริมสร้างแบรนด์ให้มีมูลค่ามากขึ้น..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ปัจจุบัน “บุญถาวร” กำลังอยู่ในขั้นตอนขอยื่นจดทะเบียน
เพื่อเตรียม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย..
References
-แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ของ บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-https://www.reic.or.th/News/RealEstate/467581
-https://www.brandage.com/article/7980
-https://www.thansettakij.com/business/446338#google_vignette
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.