รู้จัก SCGJWD แชมป์โลจิสติกส์ไทย เบื้องหลังความสำเร็จธุรกิจในอาเซียน
2 ก.ย. 2024
SCGJWD x BrandCase
ความผันผวนของตลาดการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ธุรกิจจำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะในแวดวงโลจิสติกส์ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายมากกว่าที่เคยเป็นมา เช่น นโยบายการกีดกันทางการค้า การปรับเปลี่ยนโหมดขนส่งเพื่อรองรับสถานการณ์เฉพาะหน้า เช่น สงคราม หรือ โรคระบาด เป็นต้น
SCGJWD กลายเป็นชื่อที่หลายคนในธุรกิจนำเข้า-ส่งออกให้ความสนใจและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เมื่อต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอาเซียน
การรวมกิจการของสองบริษัทโลจิสติกส์ใหญ่สัญชาติไทยอย่าง SCG Logistics และ JWD InfoLogistics ในปี 2023 เสมือนจิ๊กซอว์ที่ลงตัว สร้างความแข็งแกร่งส่งผลให้บริษัทฯ กลายเป็น “ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน”
มีเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการในไทยอีกหลายเจ้าที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดใหม่ อย่างตลาดต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน แต่ก็ต้องยอมรับว่า การจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก มักต้องเผชิญกับข้อกำหนดด้านกฎหมาย นโยบายการค้าที่ซับซ้อน ยุ่งยากและแตกต่างในแต่ละประเทศ
จุดนี้น่าสนใจตรงที่ในบ้านเรามีผู้ให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในต่างประเทศ ที่เป็นสัญชาติไทยและสามารถให้บริการอย่างครบวงจรเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น ที่สามารถออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างครบ จบ ในที่เดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถโฟกัสที่การพัฒนาธุรกิจหลักของตนได้อย่างเต็มที่
หลายคนมองว่า SCGJWD สามารถช่วยให้ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก บริหารสต๊อกในต่างแดน รวมทั้งการขนส่งทั้งทาง บก ราง เรือ อากาศ ได้ครบในที่เดียว ทุกขั้นตอนถูกดูแลอย่างรอบคอบ บริหารจัดการได้ง่ายและไร้รอยต่อ
แล้ว SCGJWD มีข้อได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ที่จะช่วยธุรกิจได้อย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ...
SCGJWD ถือเป็นผู้เล่นหลักในตลาดโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่าย Strategic Partners ที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมทั้ง 9 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมทั้งจีนตอนใต้
พร้อมโซลูชันแบบครบวงจร (End-to-End Solutions) ที่สามารถจัดการแทนเราได้ทุกขั้นตอนอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่รวบรวมสินค้าจากต้นทาง การจัดเก็บในคลังที่ได้มาตรฐาน การขนส่ง ไปจนกระจายสินค้าไปยังประเทศปลายทาง
รวมถึงบริการจัดทำเอกสาร การดำเนินพิธีการศุลกากร การยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ และการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับภาษีนำเข้า-ส่งออก โดยให้บริการในทุกจุดของซัพพลายเชนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ อย่างถูกต้องและตรวจสอบได้
ด้วยการใช้เครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนและความซับซ้อนในการดำเนินงาน ทั้งยังเพิ่มความเร็วในการจัดการคลังและขนส่งได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SCGJWD ถูกมองว่าเป็นผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้ในธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า B2B
หนึ่งในข้อได้เปรียบของ SCGJWD คือความเชี่ยวชาญในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น…
สินค้าควบคุมอุณหภูมิ, สินค้ามีความซับซ้อน เช่น สินค้าอันตราย เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ EV, สินค้าขนาดใหญ่พิเศษ (Project Cargo), หรือสินค้าทั่วไป เช่น วัสดุก่อสร้าง สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์
SCGJWD มีที่มาจากการรวมตัวของ 2 ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ สัญชาติไทย SCG Logistics ให้บริการสินค้าในเครือ SCG เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นวอลุ่มใหญ่และมั่นคง ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีเครือข่ายรถขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ในขณะที่ฝั่งของ JWD InfoLogistics เชี่ยวชาญโลจิสติกส์สำหรับสินค้าที่ต้องการความชำนาญพิเศษ สามารถพัฒนาต่อยอดโลจิสติกส์โซลูชันใหม่ ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามโจทย์และความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
ด้วย Synergy จากการรวมกิจการนี้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ เกิดเป็นโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รองรับทุกโหมดการขนส่ง มีศักยภาพพร้อมรองรับทุกอุตสาหกรรม ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันในตลาดโลก ที่ท้าทายมากขึ้นทุกวัน
ยกตัวอย่าง โมเดลการบริหารจัดการแบบ End-to-End โลจิสติกส์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
SCGJWD สามารถให้บริการตั้งแต่ การนำเข้าอะไหล่, ส่วนประกอบรถยนต์ และรถยนต์สำเร็จรูป ที่มาจากต่างประเทศ นำมาจัดเก็บและบริหารจัดการคลังสินค้าอะไหล่ (autopart management) ที่ประเทศไทย รวมถึงส่งอะไหล่เหล่านี้ เข้าไปยังโรงงานผลิตรถยนต์ของลูกค้า เมื่อผลิตรถยนต์เสร็จ ก็มีบริการลานจอดพักรถยนต์รองรับ (yard management) ซึ่งก่อนส่งมอบ มีบริการเสริมเพื่อช่วยตรวจสอบรถยนต์ขั้นตอนสุดท้าย (pre-delivery inspection) เช่น การตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า ระบบเครื่องปรับอากาศ หรือบริการซ่อมบำรุงเบื้องต้น ส่วนกระบวนการขนส่งมีฟลีทรถขนส่งไปยังดีลเลอร์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมบริการ aftersale service เพื่อกระจายอะไหล่สำหรับเปลี่ยนและซ่อมแซมรถยนต์ให้แก่อู่ซ่อมรถยนต์ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการให้บริการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง อย่างแท้จริง
อีกหนึ่งตัวอย่างของ การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
โดยได้พัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อรองรับการขยายการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เช่น X-Series Platform ที่เป็นระบบช่วยสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติการ ของธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ตั้งแต่การทำ Freight Booking & Bidding, License & Permit, Tax Refund เป็นต้น โดยระบบ Customs-x จะเชื่อมต่อระหว่าง ERP ของผู้ส่งออก เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังกรมศุลกากร ช่วยเพิ่มความถูกต้อง แม่นยำ ลดการคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน
ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในภูมิภาค SCGJWD ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการโลจิสติกส์ ใช้เทคโนโลยี IoT และ AI ในการจัดการคลังสินค้าและการขนส่ง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาด ถือเป็น หัวใจสำคัญในการพัฒนาและส่งมอบการบริการที่เหนือกว่า
ท้ายที่สุด SCGJWD ยึดถือหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยวางเป้ามุ่งสู่ Net Zero Carbon ในปี 2593 ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ๆ ดังนี้ การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ การบริหารรอบรถบรรทุกสินค้าเที่ยวไปและกลับ การใช้รถขนส่งเชื้อเพลิงทางเลือก การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การใช้เทคโนโลยีจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS)
อ่านมาถึงจุดนี้คงพอเห็นแล้วว่า SCGJWD ถือเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการได้ไม่ยาก เพราะวางตัวเองเป็นมากกว่าแค่บริษัทขนส่ง แต่เป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจไทยในอาเซียน ที่เชื่อว่าการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นทุกวันนี้
Website : https://info.scgjwd.com/Cs8lrK
Line : https://lin.ee/5qUr5MC
Tel : 02-710-4000 | 02-586-1979
Line : https://lin.ee/5qUr5MC
Tel : 02-710-4000 | 02-586-1979