รู้จัก ร้านซ่อม-ปรับแต่งเสื้อผ้า ของ Uniqlo ที่ช่วยยืดอายุเสื้อผ้า ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
31 พ.ค. 2024
รู้หรือไม่ ? ข้อมูลจาก Greenpeace ระบุว่า ใน 1 ปี อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 1,200 ล้านตัน
หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8-10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก
และการผลิตเสื้อผ้าเพียง 1 กิโลกรัม ต้องใช้น้ำมากถึง 10,000-20,000 ลิตร
ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการดื่มน้ำของคนคนหนึ่งเป็นเวลาถึง 10 ปี
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าธุรกิจเสื้อผ้าถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าแบบ Fast Fashion ที่เน้นออกคอลเล็กชันใหม่บ่อย ๆ
และอีกหนึ่งแบรนด์เสื้อผ้า ที่กำลังให้ความสำคัญในเรื่องนี้ก็คือแบรนด์อย่าง Uniqlo
ที่ได้ออกแคมเปญที่ชื่อว่า RE.UNIQLO STUDIO หรือสตูดิโอซ่อมแซมและรีไซเคิลเสื้อผ้า ที่ตอนนี้มีอยู่หลายสาขาในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
แล้วสตูดิโอนี้ของ Uniqlo น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของ RE.UNIQLO STUDIO เกิดขึ้นมาจากการจัดกิจกรรมเล็ก ๆ ของ Uniqlo ในกรุงเบอร์ลิน เมื่อปี 2015
โดย Uniqlo ได้ร่วมมือกับ Berliner Stadtmission องค์กรสาธารณประโยชน์ ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมเสื้อผ้ามือสองจากร้าน Uniqlo แล้วคัดแยกเสื้อผ้าที่ยังสามารถใช้งานได้ออกจากเสื้อผ้าที่ต้องนำไปรีไซเคิล เพื่อส่งต่อเสื้อผ้าใช้แล้วที่ยังอยู่ในสภาพดีให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส
จากการร่วมมือกันในครั้งนั้น ทำให้เกิดเป็นสตูดิโอซ่อมแซมและรีไซเคิลเสื้อผ้าขึ้นที่ Uniqlo สาขา Tauentzienstrasse ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนสิงหาคม 2021
สิ่งที่น่าสนใจคือ สตูดิโอแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการให้บริการซ่อมแซมเสื้อผ้าธรรมดา แต่เป็นโอกาสให้พนักงานยูนิโคล่และลูกค้าได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ จากเสื้อผ้าเก่า
ซึ่งไอเดียนี้ก็ต่อยอดออกมาเป็นร้าน RE.UNIQLO STUDIO โดยเริ่มต้นที่สาขา Soho ในลอนดอน เมื่อ เดือนมกราคม 2022 เป็นที่แรก
ก่อนที่จะขยายไปยังสาขาอื่น ๆ ทั่วโลก เช่น นิวยอร์ก, สิงคโปร์, มาเลเซีย และไต้หวัน กว่า 35 สาขา ใน 16 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ในประเทศไทยด้วย (อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2023)
โดยมีแนวคิดหลักคือ การช่วยยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้าของลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าได้สวมใส่เสื้อผ้าได้นานขึ้น
ซึ่งภายใน RE.UNIQLO STUDIO จะมีบริการทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่
1. Repair
บริการซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุด เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
เช่น เสื้อยืด เย็บรู ราคาเริ่มต้น 80 บาท หรือกางเกงยีน / กางเกง ปะรู เริ่มต้น 100 บาท
2. Remake
บริการปรับแต่งหรือตกแต่งเสื้อผ้าเก่าให้กลายเป็นชิ้นใหม่ ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ
- แบบ Embroidery ปรับแต่งหรือตกแต่งเสื้อผ้าเก่าให้กลายเป็นชิ้นใหม่ สามารถเลือกลายได้มากกว่า 100 แบบ
เช่น
ลายตัวอักษร ซึ่งสามารถปักได้ทั้งตัวอักษรที่เป็นภาษาไทย, อังกฤษ, และญี่ปุ่น
ลายสถานที่, สัตว์, ดอกไม้, อาหาร, และสัญลักษณ์ซิกเนเชอร์ทั้งของประเทศไทยและญี่ปุ่น ในราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท
- แบบ SASHIKO บริการปักลาย “ซาชิโกะ” ที่เป็นลวดลายทางเรขาคณิต แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เพื่อเพิ่มความคงทนและดิไซน์ให้กับเสื้อผ้า
เช่น ลายพื้นฐาน (ลายเส้นประ, กากบาท) ราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท และ ลวดลายที่เลือก (ลายเมล็ดข้าว, ลายกังหันลม, ลายแหดักปลา) ราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท
3. Reuse
บริการรวบรวมเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้ว และส่งต่อให้กับผู้คนในชุมชนที่ขาดแคลนเสื้อผ้า
4. Recycle
บริการนำเสื้อผ้าที่ใช้ไม่ได้แล้ว กลับมารีไซเคิลเป็นวัสดุทำเสื้อผ้าใหม่หรือแหล่งพลังงาน
โดยในปี 2022 Uniqlo ได้บอกไว้ใน รายงานความยั่งยืนประจำปีว่า มีเสื้อผ้าที่รวบรวมผ่านกิจกรรม Reuse และ Recycle ของแบรนด์ในเครือบริษัทรวมกันมากถึง 46.19 ล้านชิ้น จาก 76 ประเทศทั่วโลก
ทั้งหมดนี้ก็คืออีกหนึ่งแคมเปญของ Uniqlo ที่ช่วยให้เสื้อผ้าทุกตัวของแบรนด์นั้น มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ นั่นเอง
References