กรณีศึกษา Alibaba กำลังกินรวบค้าปลีก ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ในประเทศจีน
3 ธ.ค. 2021
กรณีศึกษา Alibaba กำลังกินรวบค้าปลีก ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ในประเทศจีน | THE BRIEFCASE
หนึ่งในร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นั่นก็คือ “Sun Art Retail Group” ที่มีแบรนด์ภายใต้
อย่าง RT-Mart และ RT-Super ที่ใครเคยไปเที่ยวจีนน่าจะเคยเห็นหรือเข้าไปช็อปปิงกันมาบ้าง
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัท Alibaba ได้ทำการซื้อธุรกิจร้านค้าปลีกที่มีชื่อว่า “Sun Art Retail Group” ด้วยมูลค่าดีลมากกว่า 120,000 ล้านบาท
คำถามคือ ทำไมธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Alibaba ถึงสนใจลงทุนในธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์แบบ Sun Art ?
หนึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากยุทธศาสตร์ที่ Jack Ma ได้วาดไว้ให้กับบริษัท Alibaba ก่อนที่ตัวเองจะลงจากตำแหน่ง CEO ของบริษัท
โดยในปี 2016 Jack Ma ได้กล่าวไว้ว่า “New Retail คืออุตสาหกรรมค้าปลีกแห่งอนาคต ที่จะควบรวมระหว่างค้าปลีกออนไลน์ และค้าปลีกออฟไลน์ ด้วยความช่วยเหลือจากการพัฒนาของเทคโนโลยี”
ด้วยเหตุนี้ New Retail จึงกลายเป็น 1 ใน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญของ Alibaba ที่ Jack Ma เคยวางแผนไว้
นอกจากนี้ ก็ยังจะมี New Finance, New Manufacturing, New Technology และ New Energy อีกด้วย
แล้ว New Retail คืออะไร ?
ในมุมมองของ Alibaba มองว่า ค้าปลีกยุคใหม่ คือการเอาเทคโนโลยีมาเสริมพลังให้กับร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า
พูดง่าย ๆ คือการเชื่อมต่อประสบการณ์ระหว่างการช็อปปิงออนไลน์กับออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ นั่นเอง
ทีนี้ เราลองมาดู 3 รูปแบบบริการที่จะเกิดขึ้นใน New Retail ตามมุมมองของ Alibaba กันบ้าง
1. ค้าปลีกไร้เงินสด (Cash-Free Retail)
ในปี 2020 คนจีนมากกว่า 970 ล้านคน เข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ตโฟน
การจ่ายเงินแบบ QR Code หรือบาร์โคด จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนจีน
ความน่าสนใจคือ Alibaba ได้พัฒนาการจ่ายเงินด้วยใบหน้า หรือ Face Payment เป็นที่เรียบร้อย
ส่งผลให้ ลูกค้าสามารถเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ และซื้อของโดยไม่ต้องเสียเวลาจ่ายเงินที่แคชเชียร์
พอเป็นเเบบนี้ ก็เท่ากับว่า จากเดิมที่ร้านค้าปลีกธรรมดาต้องลงทุน หรือจ้างคนเพื่อมาเป็นแคชเชียร์
เมื่อปรับเปลี่ยนให้เป็น New Retail นอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากรได้แล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่แคชเชียร์ และปรับให้เป็นพื้นที่วางสินค้าขายได้มากขึ้นอีกด้วย
2. ป้ายราคาสินค้าแบบดิจิทัล
ปัจจุบัน ผู้บริโภคหลาย ๆ คนคงเคยมีปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์กันมาบ้าง ยิ่งหากเป็นสินค้าพวกอาหารสด ผัก หรือผลไม้ ที่มีข้อมูลวันผลิตหรือวันหมดอายุอาจจะไม่ได้ชัดเจนมากนัก
แต่สำหรับ New Retail ไม่ว่าจะเป็น สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ก็จะมีบาร์โคดอัจฉริยะ ทำให้ลูกค้าสามารถสแกนบาร์โคด เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น วันที่ผลิต วันหมดอายุ หรือแม้กระทั่งโรงงานที่ผลิต
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เวลามีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ร้านค้าปลีกที่เป็น New Retail ก็สามารถอัปเดตราคาผ่านระบบ บาร์โคดได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ ระบบยังจัดเก็บทุกข้อมูลในคลาวด์เซอร์วิส ทำให้ผู้ให้บริการร้านค้าปลีกสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ทันทีและลดความผิดพลาดได้อีกด้วย
3. ระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร
Alibaba ได้นำการพัฒนาของระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มาต่อยอดกับการบริการในร้านค้าปลีกเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้าที่ร้านค้าในเครือของ Alibaba ได้อย่างสะดวกสบาย
ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคสามารถไปเลือกซื้อของที่ร้าน แล้วกดสั่งเพื่อให้ไปส่งของที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องถือของหนัก ๆ หรือกังวลว่าสินค้าจะหมดสต็อกแต่อย่างใด
นอกจากนี้ หากบ้านผู้บริโภคห่างจากร้านค้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร สินค้าจะถูกส่งไปยังบ้านของผู้บริโภคไม่เกิน 30 นาที อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ค้าปลีกแบบ New Retail กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฝั่งผู้ประกอบการอีกด้วย
คำถามต่อมาก็คือ แล้ว Alibaba จริงจังกับ New Retail มากแค่ไหน ?
เดิมที Alibaba นั้นมีกิจการค้าปลีกออฟไลน์อยู่แล้ว ภายใต้แบรนด์ “Freshippo”
ซึ่งในปี 2019 Freshippo นั้นมียอดขายที่สูงเป็นอันดับ 6 ของตลาดค้าปลีกในจีน
ขณะเดียวกัน สำหรับ Sun Art ที่ Alibaba เข้าซื้อกิจการมาไม่นานนี้
จะเป็นธุรกิจค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต, ซูเปอร์สโตร์ และมินิสโตร์ ภายใต้แบรนด์ RT-Mart, RT-Super และ RT-Mini
จากข้อมูลของ S&P Global พบว่า
ในปี 2019 RT-Mart นั้นมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาดค้าปลีกทั้งหมดในประเทศจีน
เป็นรองเพียงแค่บริษัท China Resources Vanguard ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ค้าปลีก
อย่างเช่น CR Vanguard, Suguo และ Ole
ซึ่งการซื้อกิจการบริษัท Sun Art Retail Group ของ Alibaba ในครั้งนี้ ส่งผลให้ Alibaba ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันสำหรับโลกการค้าออนไลน์ ในปี 2021 Alibaba ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอีคอมเมิร์ซ
ในจีน 51%
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Alibaba กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงสุดในอุตสาหกรรมค้าปลีกออฟไลน์ และค้าปลีกออนไลน์ประเทศจีน นั่นเอง
สรุปได้ว่า การเข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์ของ Alibaba ก็คือหนึ่งจิกซอว์สำคัญของเป้าหมายด้าน New Retail ของ Alibaba ที่หวังจะควบรวมธุรกิจค้าปลีกออนไลน์และค้าปลีกออฟไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมต่อสำคัญ ตามที่ Jack Ma เคยวางแผนไว้
ทีนี้ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า New Retail จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแค่ไหน
แล้ว Jack Ma กำลังเดินมาถูกทาง สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกแห่งอนาคตนี้ หรือไม่..
References
-https://www.spglobal.com/marketintelligence/en/news-insights/latest-news-headlines/alibaba-looks-to-dominate-grocery-retail-on-all-fronts-with-sun-art-deal-60812209
-https://techwireasia.com/2021/11/alibaba-risks-dominance-in-china-as-shoppers-evolve/
-https://www.businessplus.co.th/Activities/
-https://techwireasia.com/2020/10/whats-behind-alibabas-new-retail-strategy/
-https://en.crc.com.cn/whatwedo/otherbussiness/
-https://www.statista.com/statistics/467160/forecast-of-smartphone-users-in-china/
-https://www.alibabagroup.com/en/news/press_pdf/p210202.pdf
หนึ่งในร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นั่นก็คือ “Sun Art Retail Group” ที่มีแบรนด์ภายใต้
อย่าง RT-Mart และ RT-Super ที่ใครเคยไปเที่ยวจีนน่าจะเคยเห็นหรือเข้าไปช็อปปิงกันมาบ้าง
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัท Alibaba ได้ทำการซื้อธุรกิจร้านค้าปลีกที่มีชื่อว่า “Sun Art Retail Group” ด้วยมูลค่าดีลมากกว่า 120,000 ล้านบาท
คำถามคือ ทำไมธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Alibaba ถึงสนใจลงทุนในธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์แบบ Sun Art ?
หนึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากยุทธศาสตร์ที่ Jack Ma ได้วาดไว้ให้กับบริษัท Alibaba ก่อนที่ตัวเองจะลงจากตำแหน่ง CEO ของบริษัท
โดยในปี 2016 Jack Ma ได้กล่าวไว้ว่า “New Retail คืออุตสาหกรรมค้าปลีกแห่งอนาคต ที่จะควบรวมระหว่างค้าปลีกออนไลน์ และค้าปลีกออฟไลน์ ด้วยความช่วยเหลือจากการพัฒนาของเทคโนโลยี”
ด้วยเหตุนี้ New Retail จึงกลายเป็น 1 ใน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญของ Alibaba ที่ Jack Ma เคยวางแผนไว้
นอกจากนี้ ก็ยังจะมี New Finance, New Manufacturing, New Technology และ New Energy อีกด้วย
แล้ว New Retail คืออะไร ?
ในมุมมองของ Alibaba มองว่า ค้าปลีกยุคใหม่ คือการเอาเทคโนโลยีมาเสริมพลังให้กับร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า
พูดง่าย ๆ คือการเชื่อมต่อประสบการณ์ระหว่างการช็อปปิงออนไลน์กับออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ นั่นเอง
ทีนี้ เราลองมาดู 3 รูปแบบบริการที่จะเกิดขึ้นใน New Retail ตามมุมมองของ Alibaba กันบ้าง
1. ค้าปลีกไร้เงินสด (Cash-Free Retail)
ในปี 2020 คนจีนมากกว่า 970 ล้านคน เข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ตโฟน
การจ่ายเงินแบบ QR Code หรือบาร์โคด จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนจีน
ความน่าสนใจคือ Alibaba ได้พัฒนาการจ่ายเงินด้วยใบหน้า หรือ Face Payment เป็นที่เรียบร้อย
ส่งผลให้ ลูกค้าสามารถเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ และซื้อของโดยไม่ต้องเสียเวลาจ่ายเงินที่แคชเชียร์
พอเป็นเเบบนี้ ก็เท่ากับว่า จากเดิมที่ร้านค้าปลีกธรรมดาต้องลงทุน หรือจ้างคนเพื่อมาเป็นแคชเชียร์
เมื่อปรับเปลี่ยนให้เป็น New Retail นอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากรได้แล้ว ยังช่วยประหยัดพื้นที่แคชเชียร์ และปรับให้เป็นพื้นที่วางสินค้าขายได้มากขึ้นอีกด้วย
2. ป้ายราคาสินค้าแบบดิจิทัล
ปัจจุบัน ผู้บริโภคหลาย ๆ คนคงเคยมีปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์กันมาบ้าง ยิ่งหากเป็นสินค้าพวกอาหารสด ผัก หรือผลไม้ ที่มีข้อมูลวันผลิตหรือวันหมดอายุอาจจะไม่ได้ชัดเจนมากนัก
แต่สำหรับ New Retail ไม่ว่าจะเป็น สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ก็จะมีบาร์โคดอัจฉริยะ ทำให้ลูกค้าสามารถสแกนบาร์โคด เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น วันที่ผลิต วันหมดอายุ หรือแม้กระทั่งโรงงานที่ผลิต
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เวลามีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ร้านค้าปลีกที่เป็น New Retail ก็สามารถอัปเดตราคาผ่านระบบ บาร์โคดได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ ระบบยังจัดเก็บทุกข้อมูลในคลาวด์เซอร์วิส ทำให้ผู้ให้บริการร้านค้าปลีกสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ทันทีและลดความผิดพลาดได้อีกด้วย
3. ระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร
Alibaba ได้นำการพัฒนาของระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มาต่อยอดกับการบริการในร้านค้าปลีกเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้าที่ร้านค้าในเครือของ Alibaba ได้อย่างสะดวกสบาย
ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคสามารถไปเลือกซื้อของที่ร้าน แล้วกดสั่งเพื่อให้ไปส่งของที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องถือของหนัก ๆ หรือกังวลว่าสินค้าจะหมดสต็อกแต่อย่างใด
นอกจากนี้ หากบ้านผู้บริโภคห่างจากร้านค้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร สินค้าจะถูกส่งไปยังบ้านของผู้บริโภคไม่เกิน 30 นาที อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ค้าปลีกแบบ New Retail กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฝั่งผู้ประกอบการอีกด้วย
คำถามต่อมาก็คือ แล้ว Alibaba จริงจังกับ New Retail มากแค่ไหน ?
เดิมที Alibaba นั้นมีกิจการค้าปลีกออฟไลน์อยู่แล้ว ภายใต้แบรนด์ “Freshippo”
ซึ่งในปี 2019 Freshippo นั้นมียอดขายที่สูงเป็นอันดับ 6 ของตลาดค้าปลีกในจีน
ขณะเดียวกัน สำหรับ Sun Art ที่ Alibaba เข้าซื้อกิจการมาไม่นานนี้
จะเป็นธุรกิจค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต, ซูเปอร์สโตร์ และมินิสโตร์ ภายใต้แบรนด์ RT-Mart, RT-Super และ RT-Mini
จากข้อมูลของ S&P Global พบว่า
ในปี 2019 RT-Mart นั้นมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาดค้าปลีกทั้งหมดในประเทศจีน
เป็นรองเพียงแค่บริษัท China Resources Vanguard ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ค้าปลีก
อย่างเช่น CR Vanguard, Suguo และ Ole
ซึ่งการซื้อกิจการบริษัท Sun Art Retail Group ของ Alibaba ในครั้งนี้ ส่งผลให้ Alibaba ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันสำหรับโลกการค้าออนไลน์ ในปี 2021 Alibaba ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอีคอมเมิร์ซ
ในจีน 51%
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Alibaba กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงสุดในอุตสาหกรรมค้าปลีกออฟไลน์ และค้าปลีกออนไลน์ประเทศจีน นั่นเอง
สรุปได้ว่า การเข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์ของ Alibaba ก็คือหนึ่งจิกซอว์สำคัญของเป้าหมายด้าน New Retail ของ Alibaba ที่หวังจะควบรวมธุรกิจค้าปลีกออนไลน์และค้าปลีกออฟไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมต่อสำคัญ ตามที่ Jack Ma เคยวางแผนไว้
ทีนี้ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า New Retail จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแค่ไหน
แล้ว Jack Ma กำลังเดินมาถูกทาง สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกแห่งอนาคตนี้ หรือไม่..
References
-https://www.spglobal.com/marketintelligence/en/news-insights/latest-news-headlines/alibaba-looks-to-dominate-grocery-retail-on-all-fronts-with-sun-art-deal-60812209
-https://techwireasia.com/2021/11/alibaba-risks-dominance-in-china-as-shoppers-evolve/
-https://www.businessplus.co.th/Activities/
-https://techwireasia.com/2020/10/whats-behind-alibabas-new-retail-strategy/
-https://en.crc.com.cn/whatwedo/otherbussiness/
-https://www.statista.com/statistics/467160/forecast-of-smartphone-users-in-china/
-https://www.alibabagroup.com/en/news/press_pdf/p210202.pdf