สรุปเรื่อง INCOTERMS เรื่องสำคัญ ของคนทำธุรกิจ ค้าขายระหว่างประเทศ
2 ธ.ค. 2023
สรุปเรื่อง INCOTERMS เรื่องสำคัญ ของคนทำธุรกิจ ค้าขายระหว่างประเทศ | BrandCase
หากเราต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
เราก็ต้องดีลกับผู้ขาย ซึ่งก็อาจจะเป็นร้านค้าส่ง หรือโรงงานผลิตที่อยู่ในต่างประเทศ
เราก็ต้องดีลกับผู้ขาย ซึ่งก็อาจจะเป็นร้านค้าส่ง หรือโรงงานผลิตที่อยู่ในต่างประเทศ
เมื่อเราดีลเรื่องชนิดสินค้า สเป็ก หรือปริมาณ ที่ต้องการสั่งได้แล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ซื้อ กับผู้ขายจะต้องคุยรายละเอียดกันให้ลงตัว ก็คือ
อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ซื้อ กับผู้ขายจะต้องคุยรายละเอียดกันให้ลงตัว ก็คือ
“ใคร จะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่าย ระหว่างการขนส่งสินค้า ?”
ตั้งแต่ค่าขนส่งสินค้า ค่าประกันสินค้า ไปจนถึงภาษีในรูปแบบต่าง ๆ
ตั้งแต่ค่าขนส่งสินค้า ค่าประกันสินค้า ไปจนถึงภาษีในรูปแบบต่าง ๆ
เรื่องพวกนี้ เป็นรายละเอียดของคำว่า “INCOTERMS”
ซึ่ง BrandCase จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ซึ่ง BrandCase จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
สมมติว่าเรานำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อย่างเช่น ประเทศจีน เข้ามาในประเทศไทย ก็จะมีขั้นตอนต่าง ๆ คือ
สินค้าจะถูกส่งจากโรงงาน หรือร้านค้าส่งในประเทศจีน
ไปยังจุดส่งออกสินค้า คือ ท่าเรือหรือสนามบิน ของประเทศจีนนั่นเองสินค้านั้น จะผ่านด่านศุลกากรของประเทศจีน ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกมาในประเทศไทยสินค้านั้น จะถูกขนส่งผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น ทางเรือ หรือทางเครื่องบินเมื่อสินค้ามาถึงฝั่งท่าเรือหรือสนามบิน แล้วผ่านด่านศุลกากรของประเทศไทยสินค้านั้นจะถูกจัดส่งจากท่าเรือหรือสนามบิน ไปยังผู้สั่งซื้อสินค้า
ไปยังจุดส่งออกสินค้า คือ ท่าเรือหรือสนามบิน ของประเทศจีนนั่นเองสินค้านั้น จะผ่านด่านศุลกากรของประเทศจีน ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งออกมาในประเทศไทยสินค้านั้น จะถูกขนส่งผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น ทางเรือ หรือทางเครื่องบินเมื่อสินค้ามาถึงฝั่งท่าเรือหรือสนามบิน แล้วผ่านด่านศุลกากรของประเทศไทยสินค้านั้นจะถูกจัดส่งจากท่าเรือหรือสนามบิน ไปยังผู้สั่งซื้อสินค้า
ซึ่งในระหว่างการขนส่งสินค้า ก็จะมีเรื่องประกันการขนส่ง
และภาษีศุลกากร ซึ่งก็คือ ภาษีนำเข้าและภาษีส่งออก
และภาษีศุลกากร ซึ่งก็คือ ภาษีนำเข้าและภาษีส่งออก
คำถามคือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายในระหว่างที่สินค้า กำลังเดินทางมาจนถึงประเทศไทย ?
สำหรับเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อกับผู้ขายต้องดีลกัน เพื่อทำสัญญาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า
โดยสัญญาดังกล่าว เราจะเรียกว่า INCOTERMS
INCOTERMS ย่อมาจาก International Commercial Terms คือเงื่อนไขข้อตกลง ระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ระหว่างประเทศ
ซึ่งตามปกติแล้ว ข้อกำหนดของ INCOTERMS มีอยู่ทั้งหมด 11 รูปแบบด้วยกัน
ซึ่งถ้าเราอยากทราบรายละเอียดของ INCOTERMS ทั้งหมด 11 รูปแบบ สามารถกดลิงก์ด้านล่างเข้าไปดูได้เลย
https://fastship.co/incoterms-for-e-commerce/
https://fastship.co/incoterms-for-e-commerce/
แต่เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ทาง BrandCase ขอยกตัวอย่าง INCOTERMS ที่ใช้กันบ่อย ๆ ทั้งหมด 4 รูปแบบ
ผ่านตัวอย่าง การสั่ง “รองเท้า” ผ่านร้านค้าส่งจากประเทศจีน มาขายในไทย
ผ่านตัวอย่าง การสั่ง “รองเท้า” ผ่านร้านค้าส่งจากประเทศจีน มาขายในไทย
สั่งซื้อแบบ Ex Works หรือ EXW
กรณีแบบนี้ ผู้ขายจากจีน จะขายรองเท้าให้เพียงอย่างเดียว
และภาระของผู้ขายจะจบที่หน้าร้าน คือจะไม่รับผิดชอบขนส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ
และภาระของผู้ขายจะจบที่หน้าร้าน คือจะไม่รับผิดชอบขนส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ
ซึ่งการสั่งซื้อแบบนี้ ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าดำเนินการต่าง ๆ อย่างค่าขนส่ง ค่าประกัน และภาษีนำเข้าเองทั้งหมด
สั่งซื้อแบบ Free on Board หรือ FOB
กรณีแบบนี้ ผู้ขายจากจีนจะขายรองเท้า และจะดำเนินการส่งสินค้าให้ถึงท่าเรือ
โดยความรับผิดชอบของผู้ขาย จะจบที่ท่าเรือของประเทศต้นทางอย่างประเทศจีน
โดยความรับผิดชอบของผู้ขาย จะจบที่ท่าเรือของประเทศต้นทางอย่างประเทศจีน
ส่วนผู้ซื้อจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือ ตั้งแต่ค่าขนส่งรองเท้าทางเรือ จากประเทศจีน
และภาษีนำเข้ามายังจุดหมายปลายทาง ของประเทศไทย
และภาษีนำเข้ามายังจุดหมายปลายทาง ของประเทศไทย
สั่งซื้อแบบ Cost, Insurance & Freight หรือ CIF
กรณีแบบนี้ ผู้ขายจากจีนจะช่วยดูแลการส่งสินค้าให้แบบครบวงจร จนกระทั่งสินค้านั้นถึงท่าเรือของประเทศไทย
การสั่งซื้อแบบนี้ ผู้ขายจะช่วยรับประกันตัวสินค้า ระหว่างการขนส่งข้ามประเทศด้วย
สั่งซื้อแบบ Delivered Duty Paid หรือ DDP
กรณีแบบนี้ จะสะดวกสบายสำหรับผู้ซื้อสินค้ามากที่สุด
เพราะผู้ซื้อจะรับผิดชอบเพียงแค่สั่งซื้อสินค้า และจะรอให้รองเท้ามาส่งถึงหน้าร้านเพียงอย่างเดียว
เพราะผู้ซื้อจะรับผิดชอบเพียงแค่สั่งซื้อสินค้า และจะรอให้รองเท้ามาส่งถึงหน้าร้านเพียงอย่างเดียว
การสั่งซื้อแบบนี้ ภาระต่าง ๆ จะตกอยู่ที่ผู้ขายสินค้า
คือจะรับผิดชอบค่าขนส่ง ค่าประกันสินค้า ไปจนถึงเรื่องภาษีนำเข้าและส่งออกทั้งหมดแบบครบวงจร
คือจะรับผิดชอบค่าขนส่ง ค่าประกันสินค้า ไปจนถึงเรื่องภาษีนำเข้าและส่งออกทั้งหมดแบบครบวงจร
ทีนี้ก็พอจะเห็นเงื่อนไขการนำเข้าสินค้า หรือ INCOTERMS หลัก ๆ ทั้ง 4 แบบแล้ว
ถ้าถามว่า พ่อค้าแม่ค้าควรจะเลือกวิธีการนำเข้าสินค้า ในรูปแบบไหนดีนั้น ?
เรื่องหลัก ๆ ที่ต้องคำนึงถึงก็คือ จะทำอย่างไรให้สามารถนำเข้าสินค้ามาได้ โดยมีต้นทุนถูกที่สุด
เรื่องหลัก ๆ ที่ต้องคำนึงถึงก็คือ จะทำอย่างไรให้สามารถนำเข้าสินค้ามาได้ โดยมีต้นทุนถูกที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น
หากเราสามารถดีลกับบริษัทขนส่งจากต้นทางได้เอง ในราคาที่ถูกกว่า และคุ้มค่ากับต้นทุนสินค้าที่เราสั่ง
เราก็อาจใช้วิธีการสั่งซื้อแบบ EXW คือเราจะเป็นคนรับผิดชอบค่าขนส่งทั้งหมดถ้าหากเรา ไม่สามารถดีลกับบริษัทขนส่งได้เอง เราก็อาจใช้วิธีการจัดซื้อแบบ DDP
เราก็อาจใช้วิธีการสั่งซื้อแบบ EXW คือเราจะเป็นคนรับผิดชอบค่าขนส่งทั้งหมดถ้าหากเรา ไม่สามารถดีลกับบริษัทขนส่งได้เอง เราก็อาจใช้วิธีการจัดซื้อแบบ DDP
คือเพียงแค่เราสั่งสินค้าจากต่างประเทศมา และรอให้สินค้ามาส่งถึงที่เลย แต่วิธีการจัดซื้อแบบนี้ ก็อาจมีต้นทุนค่าสินค้าที่สูง
นอกจากนี้ เราสามารถใช้บริการผ่านบริษัทชิปปิง
ที่ให้บริการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งทางรถ ทางเรือ และทางอากาศได้ ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากนำเข้าสินค้ามาขาย
ที่ให้บริการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งทางรถ ทางเรือ และทางอากาศได้ ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากนำเข้าสินค้ามาขาย
ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่า เวลาเรานำเข้าสินค้า จะถูกคิดภาษีศุลกากรอย่างไร ?
ก็ต้องบอกว่า เวลานำเข้าสินค้าจากประเทศไหนก็ตาม ภาษีศุลกากร ก็จะมีทั้ง 2 ขา คือ
“ภาษีส่งออกจากประเทศต้นทาง” และ “ภาษีนำเข้า”
“ภาษีส่งออกจากประเทศต้นทาง” และ “ภาษีนำเข้า”
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรานำเข้าสินค้าจากจีน ภาษีศุลกากรก็จะมี
ภาษีส่งออกสินค้าจากประเทศจีนภาษีนำเข้าสินค้ามายังประเทศไทย
สำหรับภาษีส่งออก หลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศจีนและไทย จะไม่นิยมนำมาคิดกับสินค้าขั้นสุดท้ายที่ถูกส่งออกทั่ว ๆ ไป
แต่ภาษีส่งออก จะถูกคิดกับสินค้า ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
อย่างเช่น แร่ธาตุ พันธุ์ไม้ หรือของป่าหายากต่าง ๆ
อย่างเช่น แร่ธาตุ พันธุ์ไม้ หรือของป่าหายากต่าง ๆ
ส่วนภาษีนำเข้า แทบทุกประเทศ จะต้องคิดภาษีศุลกากรเวลานำเข้าสินค้าทุกครั้ง
อย่างเช่น ถ้าเรานำเข้าสินค้าจากจีนมายังประเทศไทย ก็จะต้องคิดภาษีศุลกากรของประเทศไทยด้วย
อย่างเช่น ถ้าเรานำเข้าสินค้าจากจีนมายังประเทศไทย ก็จะต้องคิดภาษีศุลกากรของประเทศไทยด้วย
ซึ่งไม่ว่าเราจะสั่งสินค้า ด้วย INCOTERMS ในรูปแบบไหนก็ตาม
ฐานภาษีที่จะนำมาคิดเป็นภาษีนำเข้า ก็จะคิดจาก
ราคาสินค้า + ค่าประกันสินค้า + ค่าขนส่งสินค้าถึงท่าเรือหรือสนามบิน ซึ่งก็คือราคา CIF นั่นเอง
ราคาสินค้า + ค่าประกันสินค้า + ค่าขนส่งสินค้าถึงท่าเรือหรือสนามบิน ซึ่งก็คือราคา CIF นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราสั่งซื้อสินค้าแบบ FOB คือเราเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งสินค้าทางเรือเอง
เราก็จะต้องปรับราคาสินค้าที่เราสั่งซื้อมา ให้เป็นรูปแบบ CIF
เราก็จะต้องปรับราคาสินค้าที่เราสั่งซื้อมา ให้เป็นรูปแบบ CIF
คือจะต้องมีราคาสินค้า + ค่าประกันสินค้า + ค่าขนส่งสินค้าถึงท่าเรือหรือสนามบิน
โดยอัตราภาษีนำเข้าก็มีหลายอัตรา ขึ้นอยู่กับสินค้าชนิดนั้น ๆ (โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5-30%)
ซึ่งเราจะเรียกอัตราภาษีนำเข้านี้ว่า “พิกัดภาษีศุลกากร”
ซึ่งเราจะเรียกอัตราภาษีนำเข้านี้ว่า “พิกัดภาษีศุลกากร”
ทีนี้จะขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ผ่านการสั่งรองเท้าจากจีนมาขาย
โดยสมมติว่าเรานำเข้ารองเท้ามาขายสัก 1,000 คู่ ในราคาคู่ละ 250 บาท และมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คือ
ค่าขนส่งทางรถ 10,000 บาทค่าประกันสินค้า 10,000 บาทค่าระวางเรือ 30,000 บาท
เราก็พอจะคิดราคา CIF ได้เท่ากับ
(1,000 คู่ x 250 บาท) + 10,000 บาท + 10,000 บาท + 30,000 บาท ซึ่งจะเท่ากับ 300,000 บาท
(1,000 คู่ x 250 บาท) + 10,000 บาท + 10,000 บาท + 30,000 บาท ซึ่งจะเท่ากับ 300,000 บาท
แล้วสมมติว่ารองเท้าที่นำเข้าจากจีน ถูกคิดพิกัดภาษีศุลกากร หรือก็คือภาษีนำเข้าในอัตรา 10%
ภาษีนำเข้า ก็จะเท่ากับ 300,000 x 10% เท่ากับ 30,000 บาท
เมื่อเราคิดภาษีนำเข้าได้แล้ว เราก็จะเอาราคา CIF ไปรวมกับภาษีนำเข้า
แล้วนำยอดทั้งหมด ไปคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อีกต่อหนึ่ง ซึ่งตามกฎหมายไทย คือ VAT = 7%
แล้วนำยอดทั้งหมด ไปคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อีกต่อหนึ่ง ซึ่งตามกฎหมายไทย คือ VAT = 7%
เมื่อรวมกันแล้ว เราก็พอจะได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น (300,000 บาท + 30,000 บาท) x 7%
เท่ากับว่า ถ้าเรานำเข้ารองเท้ามาขาย เราก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ 23,100 บาท
สรุปก็คือว่า จากรองเท้าที่สั่งมาทั้งหมด 1,000 คู่ ในราคาคู่ละ 250 บาท
ค่ารองเท้าทั้งหมดที่เราต้องจ่ายคือ 250,000 บาท
ค่ารองเท้าทั้งหมดที่เราต้องจ่ายคือ 250,000 บาท
แต่พอลองคิดค่าขนส่ง ค่าประกันสินค้า และภาษีต่าง ๆ แล้ว
เราต้องจ่ายเงินรวมทั้งหมดเท่ากับ 300,000 บาท + 30,000 บาท + 23,100 บาท
ซึ่งจะเท่ากับ 353,100 บาท นั่นเอง
เราต้องจ่ายเงินรวมทั้งหมดเท่ากับ 300,000 บาท + 30,000 บาท + 23,100 บาท
ซึ่งจะเท่ากับ 353,100 บาท นั่นเอง
ด้วยราคาต้นทุนเท่านี้ ทำให้ต้นทุนราคารองเท้า จากเดิมอยู่ที่ 250 บาท กลายมาเป็น 353 บาทต่อคู่
แต่ก็ต้องบอกว่า สำหรับคู่ค้าบางประเทศ ก็ยังมีข้อตกลงหนึ่งที่ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้า
ซึ่งข้อตกลงนั้นเราเรียกว่า FTA หรือที่เรียกว่า Free Trade Agreement
ซึ่งข้อตกลงนั้นเราเรียกว่า FTA หรือที่เรียกว่า Free Trade Agreement
ซึ่งข้อตกลง FTA ก็เป็นข้อตกลงระหว่างกันของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะขอยกเว้นภาษีนำเข้า สำหรับสินค้าบางชนิด
ซึ่งก็ต้องบอกว่าปัจจุบัน ไทยกับจีนก็มีข้อตกลง FTA ที่ยกเว้นภาษีนำเข้าของผัก ผลไม้ และอาหารทะเลต่าง ๆ
แล้วถ้าสมมติว่า สินค้าที่เรานำเข้าจากจีน อย่างรองเท้า เป็นสินค้าที่ไทยกับจีนมี FTA ระหว่างกัน
เราจะมีค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าเท่าไร ?
เราจะมีค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าเท่าไร ?
เราก็จะคิดจากค่าใช้จ่าย ที่เรานำเข้าสินค้า บวกรวมกับค่าขนส่ง ค่าประกันต่าง ๆ
ที่ยอด 300,000 บาท มาคิดบวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ได้เลย
ที่ยอด 300,000 บาท มาคิดบวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ได้เลย
ซึ่งก็จะได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ 300,000 บาท x VAT 7% เท่ากับ 21,000 บาท
นั่นเท่ากับว่า เราต้องจ่ายเงินรวมทั้งหมดเท่ากับ 300,000 บาท + 21,000 บาท
ซึ่งจะเท่ากับ 321,000 บาท
ซึ่งจะเท่ากับ 321,000 บาท
ทำให้ต้นทุนราคานำเข้ารองเท้าทั้งหมด 1,000 คู่ อยู่ที่ 321 บาทต่อคู่ นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ ของการคำนวณต้นทุนราคาสินค้า ว่าเราต้องคำนึงถึง ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
และควรจะใช้วิธีการนำเข้า หรือ INCOTERMS ในรูปแบบไหนดี ที่จะทำให้เราประหยัดต้นทุนค่าขนส่งได้มากที่สุด
ซึ่งถ้าใครหลายคน ที่สนใจอยากเริ่มนำเข้าสินค้าต่าง ๆ มาขาย
บทความนี้ ก็คงจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจหลาย ๆ คนได้..
บทความนี้ ก็คงจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจหลาย ๆ คนได้..
References
-https://fastship.co/incoterms-for-e-commerce/
-https://inflowaccount.co.th/export-import-duty/
-https://www.scbtradenet.com/tradenet/th/scbtrade-home_update.html
-https://nextlogistics.co.th/
-https://www.unionsourcechina.com/import-export-taxes-and-duties-in-china/
-https://www.china-briefing.com/news/import-export-taxes-and-duties-in-china-2022/
-https://www.customs.go.th/
-YouTube เศรษฐกิจติดบ้าน|เริ่มต้นอย่างไรเมื่ออยากนำเข้าสินค้า
-https://fastship.co/incoterms-for-e-commerce/
-https://inflowaccount.co.th/export-import-duty/
-https://www.scbtradenet.com/tradenet/th/scbtrade-home_update.html
-https://nextlogistics.co.th/
-https://www.unionsourcechina.com/import-export-taxes-and-duties-in-china/
-https://www.china-briefing.com/news/import-export-taxes-and-duties-in-china-2022/
-https://www.customs.go.th/
-YouTube เศรษฐกิจติดบ้าน|เริ่มต้นอย่างไรเมื่ออยากนำเข้าสินค้า