กรณีศึกษา Qin Yinglin มหาเศรษฐีจีน ทำฟาร์มหมู จนรวยแสนล้าน

กรณีศึกษา Qin Yinglin มหาเศรษฐีจีน ทำฟาร์มหมู จนรวยแสนล้าน

12 ม.ค. 2022
กรณีศึกษา Qin Yinglin มหาเศรษฐีจีน ทำฟาร์มหมู จนรวยแสนล้าน | THE BRIEFCASE
หากพูดถึงสิ่งที่เป็นกระแสบนโลกโซเชียลในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่พากันขึ้นราคา จนหลายคนต้องออกมาเรียกร้องจำนวนมาก
หนึ่งในนั้นก็คือราคาเนื้อหมู ที่มีเกณฑ์ราคาอิงจากกรมปศุสัตว์สูงขึ้นมาถึง 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยังไม่นับรวมราคาหน้าเขียงที่ต้องบวกเพิ่มขึ้นไปอีก
ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่กำลังแพร่กระจายไปตามฟาร์มหมูทั่วประเทศไทยตอนนี้ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องสูญเสียทรัพยากรหลักอย่างหมูในการทำมาหากินไป
ในวันนี้เราไม่ได้มาเล่าเรื่องหมูแพง..
แต่จะพาไปรู้จักบริษัทเจ้าของฟาร์มหมู และขายเนื้อหมูรายใหญ่ในจีน
ซึ่งเจ้าของอย่างคุณ Qin Yinglin ตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีระดับต้น ๆ ในจีน
ที่น่าสนใจคือ เขาเองก็เคยประสบกับวิกฤติโรคระบาดเช่นเดียวกับตอนนี้มาถึงสองครั้ง
แล้วคุณ Qin Yinglin ทำอย่างไร จนกลายเป็นเจ้าของฟาร์มหมู และบริษัทขายเนื้อหมู รายใหญ่ของจีนอย่างทุกวันนี้
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
ชีวิตของคุณ Qin Yinglin
ผู้ก่อตั้ง Muyuan Foods นั้น ถือว่าไม่ง่ายเหมือนคนอื่น ๆ
เขาและภรรยา เริ่มต้นธุรกิจฟาร์มหมูครั้งแรกในปี 1992
โดยเริ่มต้นเลี้ยงหมูในฟาร์มทั้งหมด 22 ตัว
แต่วิกฤติครั้งแรกก็เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องมาเจอกับโรคระบาดในหมู
โดยการระบาดในครั้งนี้ ทำให้หมูในฟาร์มของเขาล้มตายจำนวนมาก
ซึ่งบทเรียนในครั้งนั้นก็ทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ และใส่ใจรายละเอียดในการทำฟาร์มมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมขึ้นอีกในการระบาดครั้งต่อ ๆ ไป
คุณ Qin Yinglin ตัดสินใจว่า หากเขายังคงพึ่งพาเพียงการเลี้ยงหมูอย่างเดียว จะทำให้ธุรกิจของเขาพึ่งพารายได้หลักจากช่องทางเดียวมากเกินไป และไม่มีการกระจายความเสี่ยงมากพอ
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะขยายธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพียงฟาร์มหมูอีกต่อไป แต่เป็นการขยายตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้มีความครบวงจรมากขึ้น โดยจัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Muyuan Farming ในปี 2000
Muyuan Farming ทำธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่
- การผลิตอาหารหมูเอง เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าอาหาร
- เพิ่มธุรกิจโรงเชือดหมู เพื่อให้สามารถควบคุม จัดการ และคัดแยกเนื้อหมู ที่ได้มาตรฐานเอง
- จัดตั้งบริษัทแผนกวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์หมู เพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยถือครองสิทธิบัตรหมูสายพันธุ์ดีนั้นไว้เอง
- ซื้อกิจการฟาร์มหมูทั่วประเทศ รวมถึงสร้างเครือข่าย Muyuan Farming ด้วยการชักชวนเกษตรกรให้มาเลี้ยงหมูสายพันธุ์ในเครือ
จากโมเดลที่ประสบความสำเร็จนี้ ทำให้ต่อมา Muyuan Farming ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Muyuan Foods”
และสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น ได้สำเร็จในปี 2014
ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี จนกระทั่งเขาต้องมาเจอกับวิกฤติอีกครั้ง
เมื่อโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ระบาดขึ้นในปี 2019 แต่แทนที่เขาจะสูญเสียทุกอย่างเหมือนในอดีตที่ผ่านมา วิกฤติในครั้งนี้กลับทำให้ ธุรกิจของเขานั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สาเหตุก็เป็นเพราะว่า การระบาดในครั้งนี้นั้นกระทบในประเทศ อย่างเช่น ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม รวมถึงประเทศจีนด้วย
แต่ในประเทศจีนจะกระทบหนักในฟาร์มขนาดเล็กที่ยังไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากฟาร์มไหนที่ไม่ได้มาตรฐานตามรัฐกำหนด ก็จะถูกสั่งปิดจากภาครัฐ
ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลให้ธุรกิจฟาร์มหมูรายใหญ่อย่าง Muyuan นั้นได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ
นอกจากนี้ จากการระบาดที่เกิดขึ้นก็ส่งผลให้เนื้อหมูขาดแคลน ทำให้ราคาเนื้อหมูในตลาดนั้นเพิ่มขึ้นถึง 50% จนเป็นเหตุให้ Muyuan นั้นเติบโตอย่างรวดเร็วนั่นเอง
สิ่งที่เห็นคือ การที่คุณ Qin Yinglin ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง และให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรฐาน ก็ทำให้ปัจจุบัน Muyuan กลายเป็นฟาร์มหมูที่มีอิทธิพลไม่ใช่แค่ในประเทศจีน แต่ขึ้นไปอยู่ในระดับโลก และได้จดสิทธิบัตรหมูสายพันธุ์ดีมากกว่า 430 สายพันธุ์
ผลประกอบการของ Muyuan Foods ปี 2020
รายได้ 2.9 แสนล้านบาท
กำไร 1.4 แสนล้านบาท
โดยปัจจุบัน Muyuan Foods มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท
และคุณ Qin Yinglin และครอบครัว ก็ถูกจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes เป็นบุคคลที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 8 ของจีน และอันดับ 61 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 8.7 แสนล้านบาท..
References
-https://www.longtunman.com/27209
-https://finance.yahoo.com/quote/002714.SZ/
-https://www.forbes.com/real-time-billionaires/
-https://www.thairath.co.th/business/economics/2286013
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.