สรุป 3 กลยุทธ์ ของผู้บริหาร Mo-Mo-Paradise ร้านชาบู ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก
30 ต.ค. 2021
สรุป 3 กลยุทธ์ ของผู้บริหาร Mo-Mo-Paradise ร้านชาบู ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก | THE BRIEFCASE
ถ้าพูดถึงร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นในดวงใจ หลายคนก็คงจะนึกถึง Mo-Mo-Paradise กันเป็นอันดับแรก ๆ
เพราะกระแสความฮอตฮิตของร้านชาบูเจ้านี้ก็ไม่เคยแผ่ว แถมยังมาแรงแซงโควิดอีกด้วย
ถึงขั้นที่ว่า หลังจากมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ คิวหน้าร้าน Mo-Mo-Paradise ก็ยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว
แล้ว Mo-Mo-Paradise มีกลยุทธ์อะไร ที่ทำให้มีคนติดใจและหลงรัก กันมากมายขนาดนี้ ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
กลยุทธ์ที่ คุณสุรเวช เตลาน เจ้าของ Mo-Mo-Paradise ใช้ในการทำธุรกิจ ก็คือ “กลยุทธ์ 3 คุณภาพ”
- คุณภาพแรก คือ “คุณภาพอาหาร”
หลายครั้งที่เรามักจะเห็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ มีรายการอาหารให้เลือกยาวเหยียด
แต่ Mo-Mo-Paradise กลับเลือกทำร้านบุฟเฟต์ที่มีรายการอาหารให้เลือกไม่กี่อย่าง
และหันไปโฟกัสที่คุณภาพอาหารไม่กี่อย่างของตัวเองนั้นให้ดีที่สุด
หรือการไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบ แต่เพิ่มสิ่งที่ดี ๆ ให้ลูกค้า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ อาหารของ Mo-Mo-Paradise ได้คุณภาพ
เช่น จากที่เคยใช้เนื้อวัวธรรมดา ก็เพิ่มเป็นเนื้อโคขุนออสเตรเลีย หรือเนื้อหมู ก็เปลี่ยนจากเนื้อหมูธรรมดา ไปใช้เนื้อหมูคูโรบูตะแทน ซึ่งถึงแม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ แทนการผลักภาระไปให้ฝั่งลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ Mo-Mo-Paradise ให้ความสำคัญ
เช่น ผักปวยเล้ง ที่มีราคาสูง ถ้าจัดเก็บไม่ดี จะทำให้ปลายของผักเหี่ยว ช่วงหนึ่งทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะตัดผักชนิดนี้ออกจากเมนู
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เอาออก เพราะลูกค้าชอบ และทางร้านได้หันมาเน้นเรื่องการทำระบบและบริหารจัดการแทน เพื่อควบคุมการสูญเสีย และเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพขึ้น
- คุณภาพด้านต่อมา คือ “คุณภาพการบริการ”
คุณสุรเวช มองว่า ร้านอาหารไม่ได้ขายอาหารอย่างเดียว แต่เราขายการบริการด้วย
ลูกค้าจ่ายเงินเท่าไร เราต้องบริการให้ดีที่สุด ให้เกินความคาดหวังของเขา
ทำให้เวลาลูกค้ามาทานอาหาร นอกจากจะประทับใจรสชาติแล้ว
ยังมีความสุขที่ได้จากการบริการของทางร้านอีกด้วย
- คุณภาพด้านสุดท้าย คือ “คุณภาพทำเล”
ถ้าร้านอาหารอร่อย แต่เดินทางลำบาก หรือไม่มีที่จอดรถ ก็อาจทำให้คนไม่อยากเดินทางไปรับประทาน หรือถ้าไป ก็คงไปได้ไม่บ่อยนัก
ดังนั้น Mo-Mo-Paradise จึงเน้นการขยายสาขาภายในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก ที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า และมีที่จอดรถรองรับ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
ด้วยกลยุทธ์ทั้ง 3 นี้เองที่ทำให้ Mo-Mo-Paradise กลายเป็นชาบูขวัญใจมหาชน
อย่างในปี 2020 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเจอพิษโควิดเล่นงาน ลูกค้าไม่สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้
แต่ผลประกอบการของ Mo-Mo-Paradise กลับโตสวนกระแส
พิสูจน์ได้จาก ผลประกอบการ บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย ที่ยังเติบโตได้ทั้งรายได้และกำไร แม้ในปีโควิด
ปี 2019 รายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 782 ล้านบาท กำไร 85 ล้านบาท
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงจะพอเห็นภาพแล้วว่า Mo-Mo-Paradise ใช้กลยุทธ์อะไร
ที่ทำให้ธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้
และยังครองใจหลาย ๆ คน ได้อีกด้วย..
References
-https://amarinacademy.com/1449/highlight/mo-mo-paradise/
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ถ้าพูดถึงร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นในดวงใจ หลายคนก็คงจะนึกถึง Mo-Mo-Paradise กันเป็นอันดับแรก ๆ
เพราะกระแสความฮอตฮิตของร้านชาบูเจ้านี้ก็ไม่เคยแผ่ว แถมยังมาแรงแซงโควิดอีกด้วย
ถึงขั้นที่ว่า หลังจากมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ คิวหน้าร้าน Mo-Mo-Paradise ก็ยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว
แล้ว Mo-Mo-Paradise มีกลยุทธ์อะไร ที่ทำให้มีคนติดใจและหลงรัก กันมากมายขนาดนี้ ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
กลยุทธ์ที่ คุณสุรเวช เตลาน เจ้าของ Mo-Mo-Paradise ใช้ในการทำธุรกิจ ก็คือ “กลยุทธ์ 3 คุณภาพ”
- คุณภาพแรก คือ “คุณภาพอาหาร”
หลายครั้งที่เรามักจะเห็นร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ มีรายการอาหารให้เลือกยาวเหยียด
แต่ Mo-Mo-Paradise กลับเลือกทำร้านบุฟเฟต์ที่มีรายการอาหารให้เลือกไม่กี่อย่าง
และหันไปโฟกัสที่คุณภาพอาหารไม่กี่อย่างของตัวเองนั้นให้ดีที่สุด
หรือการไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบ แต่เพิ่มสิ่งที่ดี ๆ ให้ลูกค้า ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ อาหารของ Mo-Mo-Paradise ได้คุณภาพ
เช่น จากที่เคยใช้เนื้อวัวธรรมดา ก็เพิ่มเป็นเนื้อโคขุนออสเตรเลีย หรือเนื้อหมู ก็เปลี่ยนจากเนื้อหมูธรรมดา ไปใช้เนื้อหมูคูโรบูตะแทน ซึ่งถึงแม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ แทนการผลักภาระไปให้ฝั่งลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ Mo-Mo-Paradise ให้ความสำคัญ
เช่น ผักปวยเล้ง ที่มีราคาสูง ถ้าจัดเก็บไม่ดี จะทำให้ปลายของผักเหี่ยว ช่วงหนึ่งทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะตัดผักชนิดนี้ออกจากเมนู
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เอาออก เพราะลูกค้าชอบ และทางร้านได้หันมาเน้นเรื่องการทำระบบและบริหารจัดการแทน เพื่อควบคุมการสูญเสีย และเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพขึ้น
- คุณภาพด้านต่อมา คือ “คุณภาพการบริการ”
คุณสุรเวช มองว่า ร้านอาหารไม่ได้ขายอาหารอย่างเดียว แต่เราขายการบริการด้วย
ลูกค้าจ่ายเงินเท่าไร เราต้องบริการให้ดีที่สุด ให้เกินความคาดหวังของเขา
ทำให้เวลาลูกค้ามาทานอาหาร นอกจากจะประทับใจรสชาติแล้ว
ยังมีความสุขที่ได้จากการบริการของทางร้านอีกด้วย
- คุณภาพด้านสุดท้าย คือ “คุณภาพทำเล”
ถ้าร้านอาหารอร่อย แต่เดินทางลำบาก หรือไม่มีที่จอดรถ ก็อาจทำให้คนไม่อยากเดินทางไปรับประทาน หรือถ้าไป ก็คงไปได้ไม่บ่อยนัก
ดังนั้น Mo-Mo-Paradise จึงเน้นการขยายสาขาภายในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก ที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า และมีที่จอดรถรองรับ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
ด้วยกลยุทธ์ทั้ง 3 นี้เองที่ทำให้ Mo-Mo-Paradise กลายเป็นชาบูขวัญใจมหาชน
อย่างในปี 2020 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเจอพิษโควิดเล่นงาน ลูกค้าไม่สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้
แต่ผลประกอบการของ Mo-Mo-Paradise กลับโตสวนกระแส
พิสูจน์ได้จาก ผลประกอบการ บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย ที่ยังเติบโตได้ทั้งรายได้และกำไร แม้ในปีโควิด
ปี 2019 รายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 782 ล้านบาท กำไร 85 ล้านบาท
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงจะพอเห็นภาพแล้วว่า Mo-Mo-Paradise ใช้กลยุทธ์อะไร
ที่ทำให้ธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้
และยังครองใจหลาย ๆ คน ได้อีกด้วย..
References
-https://amarinacademy.com/1449/highlight/mo-mo-paradise/
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า