เชื่อว่าบริษัทส่วนใหญ่ในตอนนี้ยังคงเป็นการทำงานแบบ Work from Home กันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราทำงานที่บ้าน ย่อมเกิดปัญหาหนึ่งคือ ไม่ค่อยมีใครมาพิสูจน์ตรวจสอบ ว่าเราทำงานจริงหรือไม่ ? ซึ่งก็จะมีคนอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ทำงานจริง ๆ และ คนที่ไม่ทำงาน แต่ถ้าหากต้องเจอกับพนักงานประเภทที่สอง ที่ไม่ยอมทำงาน หรือทำได้น้อยกว่าตอนที่ทำอยู่ที่บริษัท เราจะมีวิธีรับมือกับคนกลุ่มนี้อย่างไร ?
การระบาดของโควิด 19 ได้เปลี่ยนการทำงานจากเดิม มาเป็นการทำงานแบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรือที่เรียกว่า Work from Home อย่างไรก็ดี การไม่เข้าออฟฟิศ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในการทำงานได้เช่นกัน ซึ่งหนึ่งในปัญหานั้นก็คือ “ปัญหาการสื่อสาร” ของคนในทีม
ถ้าถามว่าหนึ่งในปัจจัยของการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยคืออะไร หนึ่งในนั้นก็คือความสะดวกสบายในการเดินทางไปทำงาน แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา อย่างการทำงานจากบ้าน, ร้านกาแฟ, Co-Working Space แล้วสงสัยไหมว่า “ทำงานที่บ้าน” ต่างจาก “ทำงานทางไกล” อย่างไร ?
5 ข้อดีของการทำงานแบบ Work From Home พร้อมสัตว์เลี้ยงของเรา
ถูกจำกัดพื้นที่เป็นเวลานาน.. ปฏิสัมพันธ์ได้เฉพาะคนที่อยู่อาศัยร่วมกัน.. ไม่สามารถพบเจอบุคคลภายนอกได้อย่างปกติ.. และการโต้ตอบทางสังคม ก็ทำได้เพียงผ่านวิดีโอคอลเท่านั้น.. ความรู้สึกบางส่วนเหล่านี้กำลังสร้าง “ความรู้สึกโดดเดี่ยว” มากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากการเกิดการระบาดของโควิด 19 ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ ๆ กลายเป็น New Normal หนึ่งในนั้นก็คือ การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home แม้ว่าการทำงานอย่างโดดเดี่ยวแบบ WFH ของ “มนุษย์โลก” จะเริ่มเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รู้หรือไม่ว่า คนนอกโลกอย่าง “มนุษย์อวกาศ” ต่างเผชิญหน้ากับปัญหาความโดดเดี่ยวเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น แล้วองค์กร NASA บริหารความรู้สึกโดดเดี่ยวของมนุษย์อวกาศเหล่านี้อย่างไร ?
รู้หรือไม่ว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราการเปลี่ยนงานสูงที่สุดในรอบ 20 ปี หรือที่เรียกกันว่า Turnover Tsunami.. Turnover Tsunami เป็นปรากฏการณ์พนักงานลาออกเพื่อไปทำงานที่บริษัทอื่น ๆ กันเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทสูญเสียพนักงานฝีมือดี และมีต้นทุนในการสรรหาพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นมา แล้ว Turnover Tsunami เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานพบว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สัดส่วนของแรงงานในสหรัฐอเมริกาที่ตัดสินใจออกจากงานอยู่ที่ 2.7% เพิ่มขึ้นจาก 1.6% ในปีก่อนหน้า นับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2000
รวมแพลตฟอร์ม ช่วย Work from home อย่างมีประสิทธิภาพ