อธิบายโมเดล รายได้-ต้นทุน ของ Lotus’s และ makro สรุปแล้ว อัตรากำไร 1.8% เท่ากัน
19 ส.ค. 2024
บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เจ้าของห้างค้าปลีก Lotus’s และห้างค้าส่ง makro เพิ่งรายงานผลประกอบการ ไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2567
โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567
บริษัท มีรายได้ทั้งหมด 253,976 ล้านบาท +5% จากปีก่อน
และมีกำไร 4,657 ล้านบาท +27% จากปีก่อน
บริษัท มีรายได้ทั้งหมด 253,976 ล้านบาท +5% จากปีก่อน
และมีกำไร 4,657 ล้านบาท +27% จากปีก่อน
สัดส่วนรายได้จากการขายทุก ๆ 100 บาท มาจาก
- ธุรกิจค้าส่งอย่าง makro 54 บาท
- ธุรกิจค้าปลีกอย่าง Lotus’s 46 บาท
- ธุรกิจค้าส่งอย่าง makro 54 บาท
- ธุรกิจค้าปลีกอย่าง Lotus’s 46 บาท
และถ้าเราเอาแว่นขยาย ส่องลงไปที่รายได้ และกำไรสุทธิของธุรกิจทั้ง 2 แบบ ของ CPAXT เราก็จะเห็นว่า
makro มีรายได้ 137,906 ล้านบาท +5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
และมีกำไร 2,507 ล้านบาท -16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
และมีกำไร 2,507 ล้านบาท -16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
Lotus’s มีรายได้ จากทั้งห้างค้าปลีก และร้านค้าให้เช่า
อยู่ที่ 116,070 ล้านบาท +5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
กำไร 2,150 ล้านบาท +209% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อยู่ที่ 116,070 ล้านบาท +5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
กำไร 2,150 ล้านบาท +209% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ถ้าคิดเป็นเลขกลม ๆ ก็จะเห็นได้ว่า
ทั้งห้างค้าปลีกอย่าง Lotus’s และห้างค้าส่งอย่าง makro มีอัตรากำไรอยู่ที่ 1.8% เท่า ๆ กัน
ทั้งห้างค้าปลีกอย่าง Lotus’s และห้างค้าส่งอย่าง makro มีอัตรากำไรอยู่ที่ 1.8% เท่า ๆ กัน
ซึ่งถ้าเราซูมไปดูที่โครงสร้างต้นทุน ของทั้ง 2 ธุรกิจ เราก็จะเห็นว่า
รายได้จากการขาย ของห้าง makro ทุก ๆ 100 บาท
หักต้นทุนจากการสั่งซื้อสินค้ามาขาย 89 บาท
เหลือเป็นค่า GP หรือกำไรขั้นต้น 11 บาท
หักต้นทุนจากการสั่งซื้อสินค้ามาขาย 89 บาท
เหลือเป็นค่า GP หรือกำไรขั้นต้น 11 บาท
ส่วนรายได้จากการขาย ของห้าง Lotus’s ทุก ๆ 100 บาท
หักต้นทุนจากการสั่งซื้อสินค้ามาขาย 82 บาท
เหลือเป็นค่า GP หรือกำไรขั้นต้น 18 บาท
หักต้นทุนจากการสั่งซื้อสินค้ามาขาย 82 บาท
เหลือเป็นค่า GP หรือกำไรขั้นต้น 18 บาท
ซึ่งค่า GP ของทั้ง Lotus’s และ makro ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า
ธุรกิจค้าส่งอย่างห้าง makro ที่จะสั่งซื้อสินค้ามาทีละมาก ๆ แล้วขายเป็นแพ็กในราคาถูกกว่า
มักจะมีค่า GP น้อยกว่าห้าง Lotus’s ที่เป็นธุรกิจค้าปลีก ขายสินค้าในราคาต่อชิ้นที่แพงกว่าเสมอ
มักจะมีค่า GP น้อยกว่าห้าง Lotus’s ที่เป็นธุรกิจค้าปลีก ขายสินค้าในราคาต่อชิ้นที่แพงกว่าเสมอ
แล้วทำไมอัตรากำไรขั้นสุดท้าย ของทั้ง Lotus’s และ makro ทุก ๆ 100 บาท
ถึงเหลือแค่ 1.8 บาทเท่า ๆ กัน ?
ถึงเหลือแค่ 1.8 บาทเท่า ๆ กัน ?
นั่นก็เพราะว่า ทั้งห้าง Lotus’s และ ห้าง makro ยังมีต้นทุนอื่น ที่ไม่ได้มาจาก
ต้นทุนที่ซื้อสินค้ามา แล้วขายออกไปเพียงอย่างเดียว
ต้นทุนที่ซื้อสินค้ามา แล้วขายออกไปเพียงอย่างเดียว
แต่ทั้งห้าง Lotus’s และ ห้าง makro ยังมีต้นทุนค่าใช้จ่าย
ที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย” หรือ SG&A นั่นเอง
ที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย” หรือ SG&A นั่นเอง
ซึ่งค่าใช้จ่าย SG&A นั้น ก็คือ ค่าใช้จ่ายทางอ้อม ที่ไม่เกี่ยวกับสินค้าโดยตรง
แต่เป็นค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายออกไป เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้
แต่เป็นค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายออกไป เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้
ซึ่งค่าใช้จ่ายทางอ้อมเหล่านี้ ก็อย่างเช่น
ค่าน้ำ ค่าไฟ เงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายภายในสำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า
ค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด เช่นโฆษณา หรือจัดโปรโมชัน
ค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด เช่นโฆษณา หรือจัดโปรโมชัน
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่า ค่าใช้จ่าย SG&A ของทั้ง 2 ห้าง นั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
เริ่มจากห้างค้าปลีกอย่าง Lotus’s
มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย หรือ SG&A ทั้งหมด 19,857 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วน 17% ของรายได้จากธุรกิจทั้งหมด
มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย หรือ SG&A ทั้งหมด 19,857 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วน 17% ของรายได้จากธุรกิจทั้งหมด
ส่วนห้างค้าส่งอย่าง makro
มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย หรือ SG&A ทั้งหมด 13,900 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้จากธุรกิจทั้งหมด
มีค่าใช้จ่ายในการบริหารและจัดจำหน่าย หรือ SG&A ทั้งหมด 13,900 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้จากธุรกิจทั้งหมด
เมื่อเอาต้นทุนค่าใช้จ่าย SG&A ของทั้งห้าง Lotus’s และ ห้าง makro มาเปรียบเทียบกันแล้ว
จะเห็นว่า ห้าง Lotus’s มีค่าใช้จ่าย SG&A หรือค่าใช้จ่ายทางอ้อม ที่สูงกว่า makro เป็นอย่างมาก
จะเห็นว่า ห้าง Lotus’s มีค่าใช้จ่าย SG&A หรือค่าใช้จ่ายทางอ้อม ที่สูงกว่า makro เป็นอย่างมาก
และ makro ที่เป็นธุรกิจค้าส่ง ก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางอ้อมเหล่านี้
ได้ดีกว่า Lotus’s ที่เป็นธุรกิจค้าปลีก
ได้ดีกว่า Lotus’s ที่เป็นธุรกิจค้าปลีก
ดังนั้น เมื่อเอากำไรจากการดำเนินงาน ที่หักค่าใช้จ่าย SG&A แล้วของทั้ง 2 ห้าง
มาหักค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยเงินกู้ และภาษีเงินได้
มาหักค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยเงินกู้ และภาษีเงินได้
makro
-รายได้ 137,906 ล้านบาท
-กำไร 2,507 ล้านบาท
Lotus’s
-รายได้ 116,070 ล้านบาท
-กำไร 2,150 ล้านบาท
จะเห็นว่า เบ็ดเสร็จแล้ว รายได้ของทั้งห้าง Lotus’s และ makro ทุก ๆ 100 บาท
จะจบที่กำไรสุดท้ายเพียง 1.8 บาท เท่านั้น
Reference
- คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
- คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
--------------------------
Sponsored by JCB Thailand
#JCBสุขทุกสไตล์ได้ทุกวัน
พบกับส่วนลดและสิทธิพิเศษสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
ทั้ง กิน เที่ยว ช็อป ให้คุณมีความสุขได้ทุก ๆ วัน
เพิ่มเติมที่ >> https://bit.ly/JCBJSOPRO
พบกับส่วนลดและสิทธิพิเศษสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
ทั้ง กิน เที่ยว ช็อป ให้คุณมีความสุขได้ทุก ๆ วัน
เพิ่มเติมที่ >> https://bit.ly/JCBJSOPRO
สมัครบัตรเครดิต JCB ได้ที่
https://bit.ly/ApplyJCBCard
https://bit.ly/ApplyJCBCard
#JCBThailand #JCBCard
#JCBOwnHappinessOwnStory
#JCBOwnHappinessOwnStory