เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ทุ่มกว่า 2 หมื่นล้าน สยายปีกโรงงาน-คลังสินค้าในไทย-ตปท. อัปพื้นที่ใต้พอร์ตฯ สู่ 5 ล้านตร.ม. ใน 5 ปี ตอกย้ำเบอร์ 1 ผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม
26 มิ.ย. 2024
กลุ่มอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย โตแข็งแกร่งจากดีมานด์โรงงาน-คลังสินค้าเพิ่มขึ้นด้วยกระแส FDI และภาคการผลิตขยายตัว
ปูพรมการดำเนินงาน 4 มิติผลักดันการเติบโต ครอบคลุม Solutions, Services, Sustainability และ Smart & Innovation เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพสูงให้กับลูกค้า รุกขยายธุรกิจไปตลาดภูมิภาคมากขึ้นทั้งในอินโดนีเซียและเวียดนาม เล็งลงทุน 25,000 ล้านบาท ปักธง 5 ปีขยายพื้นที่ภายใต้การบริการจัดการพุ่งสู่ 5 ล้านตร.ม.
นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเติบโตและมีดีมานด์ต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ซึ่งเป็นผลจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์โลกรวมถึงดีมานด์เพิ่มขึ้นจากภาคการผลิต
โดยบริษัทฯ วางกลยุทธ์การสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งทั้งในไทยและระดับภูมิภาค ตอกย้ำการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.55 ล้านตร.ม. โดยแผนงานขับเคลื่อนการเติบโตจะดำเนินการใน 4 มิติหลัก ได้แก่
1.Solutions: ครบครันด้วยโซลูชันสินค้าที่หลากหลาย ส่งมอบโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ได้แก่ แบบพร้อมใช้ (Ready-Built) แบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และใหม่ล่าสุดกับแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function)
ด้วยนวัตกรรมการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมที่ผสมผสานระหว่าง Ready-Built และ Built-to-Suit โดยเป็นอาคารสำเร็จรูปที่เสริมฟีเจอร์ใช้งานเฉพาะทาง โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการหลายโลเคชัน ทั้งเขตทั่วไป (General Zone) และเขตปลอดอากร (Free Zone)
ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนั้น มีแผนใช้ที่ดินภายใต้การบริหารจัดการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าเพื่อขาย ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการขยายการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มเติมจากธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้า
2.Services: อัดแน่นด้วยบริการครบวงจรอย่างมืออาชีพ มีทีม Property Management ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการดูแลทรัพย์สิน และทีมงานให้คำปรึกษาลูกค้าในการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ อาทิ
BOI, นิคมอุตสาหกรรม, กรมศุลกากร เพื่อให้การดำเนินงานของลูกค้าเป็นไปด้วยความสะดวก พร้อมด้วยการเดินหน้าอัปเกรดโรงงานและคลังสินค้าผ่านการยกระดับคุณภาพอาคาร (Asset Enhancement Initiative: AEI)
ทั้งดีไซน์ที่ทันสมัย ผสานฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การดำเนินงานหรือธุรกิจของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงยกระดับคุณภาพโลจิสติกส์พาร์ค (Park Enhancement Initiative: PEI) ภายในในเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค โดยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานโรงงานและคลังสินค้าในโครงการผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งสนามฟุตบอล ลู่วิ่ง และพื้นที่พักผ่อนสำหรับคนขับรถบรรทุก เป็นต้น
3.Sustainability: ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวทางความยั่งยืน ตั้งเป้าพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าที่เป็นอาคารใหม่ พร้อมอัปเกรดอาคารเดิมให้ได้มาตรฐานอาคารเขียวระดับประเทศและสากล ทั้ง LEED, EDGE และ TREES ควบคู่กับการใช้พลังงานสะอาดอย่างการติดตั้ง Solar Roof, EV Charger และมี Smart Metering System สำหรับตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงาน
4.Smart&Innovation: ดึงเทคโนโลยีอัจฉริยะเสริมแกร่งการดำเนินงาน พัฒนาแพลตฟอร์มที่ผสมผสานเทคโนยีสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกันสำหรับการพัฒนาโครงการ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ บริหารงานด้านสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนมี แอปพลิเคชัน FlexFix ตอบโจทย์งานซ่อมบำรุงที่สามารถตอบสนองผู้เช่าได้ทันที
ทั้งนี้ ครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 2567 (ตุลาคม 2566-มีนาคม 2567) บริษัทฯ ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับลูกค้าไปแล้วประมาณ 50,000 ตร.ม. เป็นอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit และ Built-to-Function
ทั้งนี้ ครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 2567 (ตุลาคม 2566-มีนาคม 2567) บริษัทฯ ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับลูกค้าไปแล้วประมาณ 50,000 ตร.ม. เป็นอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit และ Built-to-Function
รวมถึงโครงการ AEI ที่ได้เข้าไปยกระดับและพัฒนาอาคารเพิ่มเติมให้กับลูกค้า พร้อมทั้งมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเตรียมส่งมอบในครึ่งปีหลัง (เมษายน-กันยายน 2567) ทั้ง Last Mile Warehouse พื้นที่ 21,000 ตร.ม.บนทำเลปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรองรับ City Logistics
และโรงงานพื้นที่ประมาณ 65,000 ตร.ม.สำหรับลูกค้าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในบินห์เดือง โลจิสติกส์ พาร์ค ประเทศเวียดนาม ทั้งหมดจะผลักดันพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็นกว่า 3.6 ล้านตร.ม. โดยบริษัทฯ เดินหน้าขยายการลงทุนในไทย อินโดนิเซีย และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
“แม้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดหลายราย แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเตรียมงบลงทุน 25,000 ล้านบาทในการขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็น 5 ล้านตร.ม.ภายใน 5 ปี พร้อมด้วยการเพิ่มพื้นที่ที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียวเป็น 4 ล้านตร.ม. ซึ่งพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการเป็นผู้นำกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี” นายพีระพัฒน์กล่าว