สรุป 5 เทรนด์ AI มาแรง จาก Samsung พนักงานสมัยนี้ นิยมใช้ AI ช่วยทำงาน
6 ก.พ. 2024
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทาง Samsung ในประเทศไทย ได้จัดแถลงข่าวถึงความสำเร็จของ Galaxy S24 Series ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
และหนึ่งในพาร์ตที่น่าสนใจที่ทาง Samsung ได้แชร์ในงานนี้คือ เรื่องของเทคโนโลยี AI ที่กำลังมาแรง
โดยเทรนด์หลักของ AI ในปี 2567 ที่ทาง Samsung สรุปออกมา แบ่งเป็น 5 เทรนด์หลักด้วยกัน
ซึ่งทั้ง 5 เทรนด์หลักของ AI นี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
- เทรนด์ที่ 1: Generative AI
เป็นการใช้ AI ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การสร้างข้อความไปจนถึงดนตรี
โดยมีแนวโน้มว่าปี 2569 องค์กรต่าง ๆ มากกว่า 80% จะนํา Generative AI มาใช้ในการดําเนินงาน
และความต้องการ Generative AI จะเพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม เช่น การดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กฎหมาย บริการทางการเงิน และภาครัฐ
- เทรนด์ที่ 2: BYOAI (Bring your own AI) หรือ Shadow AI
เกิดแนวโน้มใหม่ในที่ทํางาน โดยพนักงานเริ่มนํา AI ของตนเองเข้ามาใช้ในการทํางาน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากเครื่องมือ AI ที่ใช้งานง่าย และถ้าต้องจ่ายเงินเพื่อใช้ ก็มีราคาไม่แพง
โดยรายงานจาก Forrester ระบุว่า 60% ของพนักงานในกลุ่มสำรวจ ใช้ AI มาช่วยทํางานในด้านต่าง ๆ มากขึ้น
ซึ่งผลกระทบของการคาดการณ์นี้ จะมีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
ผลกระทบเชิงบวกคือ พนักงานจะสามารถปรับงานบางส่วน ให้เป็นระบบอัตโนมัติได้สำเร็จ และสามารถเพิ่มผลผลิตได้
ซึ่งจะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และย่นระยะเวลาสำหรับงานที่ซับซ้อนให้สั้นลงได้
ในทางกลับกัน ผลกระทบเชิงลบคือ มีความเสี่ยงด้านกฎหมาย ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI
เช่น กฎหมายแรงงานอาจไม่ครอบคลุมสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดจากการใช้งาน AI ของพนักงาน ระบบความปลอดภัยของบริษัทอาจถูกโจมตี และข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าหรือพนักงานอาจรั่วไหลได้
นั่นหมายความว่าองค์กรต่าง ๆ จะต้องพัฒนาความสามารถด้าน AI สำหรับองค์กรของตัวเอง
เช่น การกำหนดนโยบาย แนวปฏิบัติ และกระบวนการที่ชัดเจนเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกใช้ในทางที่ถูกต้อง ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ
- เทรนด์ที่ 3 แอปพลิเคชันอัจฉริยะด้วย AI เฉพาะบุคคล
ในปี 2569 คาดว่า 1 ใน 3 ของแอปพลิเคชันทั้งหมดจะใช้ AI เพื่อสร้างอินเทอร์เฟซให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้
เช่น AI ในแอปพลิเคชันจะเรียนรู้การตอบโต้อัตโนมัติ และปรับปรุงไปตามประสบการณ์และความต้องการของลูกค้าที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- เทรนด์ที่ 4: AI สําหรับการเขียนโคด
งานบางอย่างจะถูกโยนไปให้ AI แก้ปัญหาให้ และหนึ่งในนั้นคือการเขียนโปรแกรม
โดย Gartner ระบุว่า จากปี 2566 พบว่ามีเพียง 10% ของบริษัทซอฟต์แวร์เท่านั้น ที่ใช้ AI มาช่วยในการเขียนโคด
แต่ภายในปี 2571 มีแนวโน้มว่าบริษัทซอฟต์แวร์กว่า 75% ของบริษัททั้งหมด จะใช้ AI มาช่วยในเรื่องนี้
- เทรนด์ที่ 5: การค้นหาออนไลน์ด้วย AI
โดย AI จะมีส่วนในการปรับปรุงการค้นหาออนไลน์ ให้ตรงกับความชอบของผู้ใช้งาน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ปรับปรุงระบบค้นหาแบบเสียงสนทนา เพื่อให้คนสามารถตอบโต้กับเครื่องมือและสามารถค้นหาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเอา AI เข้ามาช่วยในรูปแบบการค้นหาด้วยภาพหรือวิดีโอด้วย
เช่น จากเดิมที่บริษัทเคยกังวลว่า ส่งคอนเทนต์ลงในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มนี้จะเวิร์กไหม ?
AI จะเข้ามาช่วยให้การค้นหาดีขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น
นอกจาก 5 เทรนด์ที่เล่ามา Samsung ยังได้แชร์แนวโน้มการเติบโตของตลาด AI ทั่วโลก ไว้อย่างน่าสนใจ
Samsung คาดว่า AI จะมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดโลก รวมถึงในประเทศไทย
โดยการเติบโตของ Generative AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2575 และในปัจจุบัน ChatGPT มีผู้ใช้มากกว่า 180.5 ล้านคน
ซึ่งขนาดตลาด Generative AI ของประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตรายปีอยู่ที่ 23.5%
โดยมากกว่า 1 ใน 3 หรือราว 35% ของผู้บริโภคในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะใช้ AI ทั้งในชีวิตส่วนตัวและใช้เกี่ยวกับการทํางาน
นอกจากนี้ Samsung ยังมีการแชร์ข้อมูลอินไซต์เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ AI ในผู้บริโภค “Gen MZ” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เกี่ยวกับความสนใจและความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ด้วย
ซึ่ง Gen MZ หมายถึง คนรุ่นใหม่ หรือ Gen Millennials (เกิดระหว่างปี 2524 – 2538) รวมกับ Gen Z (ปี 2539 – 2554)
โดยสิ่งที่ผู้บริโภค Gen MZ ให้ความสนใจมากสุด 7 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 อาหาร 77%
อันดับ 2 การเดินทาง 68%
อันดับ 3 ดนตรี 58%
อันดับ 4 เกม 53%
อันดับ 5 แฟชั่น/ความงาม 46%
อันดับ 6 กีฬา 35%
อันดับ 7 K-Wave 27%