สรุปโมเดลธุรกิจ POP MART ที่เตรียมเปิดแฟล็กชิปสตอร์ พรุ่งนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์
19 ก.ย. 2023
POP MART เป็นผู้นำตลาดธุรกิจอาร์ตทอยส์จากคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูน
แบรนด์นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ บริษัทแห่งนี้ มีรายได้กว่า 22,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
และกำลังจะเปิดตัวแฟล็กชิปสตอร์ในประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย. 2566) ที่เซ็นทรัลเวิลด์
โมเดลธุรกิจ POP MART น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
แฟล็กชิปสตอร์ของ POP MART ที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเป็นการร่วมทุนกับ ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ (Minor Lifestyle) บริษัทลูกของ MINOR
เพื่อขยายตลาดในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งการเจาะตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มต้นจากสิงคโปร์ประเทศแรก ตามด้วยมาเลเซีย และปัจจุบันได้ขยายมายังประเทศไทย
ที่รวมผลงานด้านการออกแบบ จากแรงบันดาลใจที่พิถีพิถัน และสะท้อนบริบททางสังคมในแง่มุมต่างๆ
โมเดลธุรกิจของ POP MART น่าสนใจมาก
- POP MART สร้างความน่าสนใจ ด้วยการดึงศิลปินดัง ๆ มาออกแบบคอลเลกชันฟิกเกอร์ให้
ออกแบบของเล่นและของสะสมร่วมกับศิลปินและนักออกแบบจากทั่วโลกกว่า 350 คน
ในรูปแบบของกล่องสุ่ม (Blind Boxes) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักสะสมของเล่นและของสะสม
นอกจากนี้ POP MART ยังได้มีผลงานคอลเลกชันพิเศษ
ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง DC, Disney, Warner, Harry Potter และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่ง POP MART ก็จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ทุก ๆ ปี ด้วยการหาศิลปิน และนักออกแบบรุ่นใหม่
และสร้างผลงานใหม่ ๆ ให้แก่โลกของอาร์ตทอยส์
และ POP MART ก็ยังให้ความสำคัญ กับการเฟ้นหาศิลปินและนักออกแบบผ่านเวที Largest Art Toys Show in ASIA ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และล่าสุดประเทศสิงคโปร์
รวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ ด้านการศึกษาศิลปะ
โดยร่วมกับวิทยากรรับเชิญจากมหาวิทยาลัย รวมทั้งการร่วมในงานแข่งขันการออกแบบกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
นอกจากนี้ POP MART ยังใช้กลยุทธ์การสร้าง Iconic Crossovers คือกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผลงานอาร์ตทอยส์ ซึ่งมีจำนวนจำกัด
ผลงานที่ผ่านมาก็เช่น Molly x Snoopy, Labubu x Spongebob
- กิมมิกการสุ่มที่ชัดเจน และมีวิธีดึงให้ลูกค้ายอมจ่าย แบบเหมาทั้งเซตไปเลย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ
ส่วนใหญ่แล้ว POP MART จะขายกล่องสุ่ม กล่องละ 380 บาท (ราคาตาม Official Shop ใน Shopee และ Lazada)
โดยแต่ละคอลเลกชัน ส่วนใหญ่จะจัดเป็นเซตละ 12 ตัว เช่น คอลเลกชัน Spongebob ก็จะมี 12 รูปแบบให้สะสม
ทีนี้ POP MART ก็ทำกิมมิกขึ้นมาอีกว่า
ถ้าหากเราซื้อแยกเป็นกล่อง ๆ ในคอลเลกชันนั้น ๆ ก็จะมีโอกาสสุ่มได้ตัวซ้ำเดิม
แต่ถ้าเหมาซื้อเป็นเซต 12 ตัวของคอลเลกชันนั้นเลยทีเดียว จะการันตีว่า ไม่ได้ตัวซ้ำแน่นอน
หมายความว่า ก็จะมีลูกค้าที่อยากได้ครบทั้งคอลเลกชัน แบบไม่ซ้ำแบบกันเลย จึงยอมเสียเงินซื้อเหมาทั้งเซตไปเลย นั่นเอง
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะแต่ละคอลเลกชัน มักจะมี “ตัวพิเศษ” ที่หายากกว่าตัวทั่วไป ให้ได้ลุ้นอีก เช่นเซ็ตละ 2 ตัว
โดยทาง POP MART ก็บอกไว้อย่างชัดเจนว่า โอกาสที่จะได้ตัวพิเศษ จะอยู่ที่ 1:144 หรือก็คือ ทุก 144 ตัว จะมีตัวพิเศษโผล่มาด้วย
ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นกิมมิก ระบบการสุ่มที่ดูมีชั้นเชิง
จนสามารถดึงดูดให้หลายคน ยอมจ่ายเงินซื้อทีเดียวทั้งเซต 12 ตัว แทนที่จะซื้อทีละกล่อง
ตัวอย่างคอลเลกชัน เช่น
-คอลเลกชันกล่องสุ่ม (Blind Box Collections) คอลเลกชันที่หายากที่สุด
-คอลเลกชันสุดพิเศษ SKULLPANDA Hoar Frost Thailand Limited Edition มีเพียง 140 ชิ้นเท่านั้น
เฉพาะที่แฟล็กชิปสตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ประเทศไทย
-คอลเลกชันเฉพาะช่วงเปิดร้าน ได้แก่ SKULLPANDA Dark Maid Figurine, Labubu Diver’s Manual, Labubu Shepherd Figurine, Hirono Unknown journey และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะช่วงเปิดร้านเท่านั้น
-คอลเลกชัน MEGA ได้แก่ MEGA SPACE MOLLY 400% & 1000%
-คอลเลกชันอื่น ๆ เช่น POP BEAN, Big Figure และ Inner Flow Collection
โดยในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 14,162 ล้านบาท โตขึ้น +19.3%
และมีกำไรอยู่ที่ 2,622 ล้านบาท โตขึ้น +42.3%
ในส่วนของรายได้ต่างประเทศ บริษัทมีรายได้ 1,843 ล้านบาท
และมีกำไรอยู่ที่ 387 ล้านบาท โตขึ้น +183%
ปัจจุบัน POP MART มีสาขาทั่วโลกทั้งหมด 432 สาขา มีตู้ขายอัตโนมัติกว่า 2,328 ตู้
ซึ่งตอนนี้ ป๊อปมาร์ทกำลังจะเปิด แฟล็กชิปสตอร์ แห่งแรกในประเทศไทย
ในวันที่ 20 กันยายน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และคาดว่าจะเปิดสาขาที่ 2 ภายในช่วงปลายปีนี้
พร้อมกับวางแผนเปิดร้านค้าปลีก และร้านป๊อปอัพอีกกว่า 20 แห่ง
และเปิดตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ 50 ตู้ทั่วประเทศไทย