กรณีศึกษา เนื้อวากิว สินค้าส่งออก 9,000 ล้าน ของญี่ปุ่น
10 เม.ย. 2023
กรณีศึกษา เนื้อวากิว สินค้าส่งออก 9,000 ล้าน ของญี่ปุ่น | BrandCase
“วากิว” คือชื่อเรียก เนื้อวัวระดับพรีเมียม ที่ได้จากวัวสายพันธุ์ที่ถูกเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งคำว่า วากิว มาจากพยัญชนะ 2 ตัว
คือ วา ที่แปลว่า ประเทศญี่ปุ่น และ กิว ที่หมายถึง เนื้อวัว
“วากิว” คือชื่อเรียก เนื้อวัวระดับพรีเมียม ที่ได้จากวัวสายพันธุ์ที่ถูกเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งคำว่า วากิว มาจากพยัญชนะ 2 ตัว
คือ วา ที่แปลว่า ประเทศญี่ปุ่น และ กิว ที่หมายถึง เนื้อวัว
เนื้อวากิวจากประเทศญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับจากร้านอาหารทั่วโลก จนในแต่ละปีมีมูลค่าการส่งออก มากกว่า 9,000 ล้านบาท
เรื่องราวของ เนื้อวากิว มีอะไรที่น่ารู้อีกบ้าง ?
BrandCase จะสรุปให้อ่านกัน แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase จะสรุปให้อ่านกัน แบบเข้าใจง่าย ๆ
จริง ๆ แล้ว วัวเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมามากกว่า 1,000 ปีแล้ว แต่เมื่อก่อนยังนิยมเลี้ยงไว้สำหรับทุ่นแรงในภาคการเกษตรเท่านั้น
โดยคนญี่ปุ่นหันมาบริโภคเนื้อวัว เมื่อประมาณ 155 ปีก่อน ในช่วงยุคปฏิรูปเมจิ
ตอนนั้น ญี่ปุ่น ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง ให้กลายเป็นประเทศที่เจริญทัดเทียมกับประเทศตะวันตก
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้เปิดประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามา
ไม่ว่าจะเป็น การสร้างรถไฟ, การแต่งกายแบบชาวตะวันตก ไปจนถึงการรับประทานอาหารแบบชาวตะวันตก
ไม่ว่าจะเป็น การสร้างรถไฟ, การแต่งกายแบบชาวตะวันตก ไปจนถึงการรับประทานอาหารแบบชาวตะวันตก
ซึ่งการบริโภค เนื้อวัว ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ได้รับมาด้วยเช่นกัน
ด้วยความต้องการบริโภคเนื้อวัวที่เพิ่มมากขึ้น จากทั้งชาวตะวันตกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
รวมถึงชาวญี่ปุ่นที่มองว่าเนื้อวัวเป็นอาหารพรีเมียม ส่งผลให้ญี่ปุ่นต้องนำเข้าเนื้อวัวมาเพื่อบริโภคภายในประเทศ
แต่หลังจากนั้น ญี่ปุ่น ก็เปลี่ยนจากประเทศนำเข้า ไปเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อวัวพรีเมียมแทน..
สาเหตุแรกก็มาจาก เป้าหมายหลักของรัฐบาลในตอนนั้น ที่ต้องการพัฒนาญี่ปุ่นให้มีความทัดเทียมกับชาวตะวันตกในทุก ๆ ด้าน
ซึ่งก็รวมถึงด้าน การผลิตเนื้อวัวคุณภาพด้วยเช่นกัน
รัฐบาลจึงส่งเสริมอุตสาหกรรมการเลี้ยงวัวอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การนำวัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากยุโรป มาผสมพันธุ์
ไปจนถึงการสร้างโรงฆ่าสัตว์ และสร้างระบบการขนส่งเนื้อวัวไปยังร้านอาหารต่าง ๆ
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่ง ที่บีบให้ญี่ปุ่นต้องเน้นเรื่องคุณภาพ มากกว่าปริมาณ ก็เพราะภูมิประเทศที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด
จึงทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถแข่งขันด้านปริมาณ
กับประเทศคู่แข่งอย่าง บราซิล สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ที่เป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อวัวอันดับต้น ๆ ของโลกได้
กับประเทศคู่แข่งอย่าง บราซิล สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ที่เป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อวัวอันดับต้น ๆ ของโลกได้
ชาวญี่ปุ่นจึงต้องโฟกัสกับการเพิ่มมูลค่า ของเนื้อวัวเป็นหลัก
ซึ่งวิธีที่ญี่ปุ่นทำ ก็อย่างเช่น
ซึ่งวิธีที่ญี่ปุ่นทำ ก็อย่างเช่น
-ไม่เน้นเลี้ยงจำนวนมาก ๆ คือเลี้ยงเพียงแค่หลักสิบถึงหลักร้อยตัวต่อฟาร์ม เพื่อให้สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
-เน้นให้อาหารที่ให้พลังงานสูง และใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 2-3 ปี เพื่อให้เนื้อวัวมีไขมันแทรกในเนื้อได้อย่างเต็มที่
-กรรมวิธีการให้อาหาร ที่จะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาคหรือจังหวัด ที่วัวเหล่านั้นถูกเลี้ยงมา
ตั้งแต่ รำข้าว, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, ข้าวบาร์เลย์ ไปจนถึงเบียร์ และสาเก
ตั้งแต่ รำข้าว, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, ข้าวบาร์เลย์ ไปจนถึงเบียร์ และสาเก
ตัวอย่างเช่น “โอลีฟวากิว” จากเกาะโชโดะ ในจังหวัดคางาวะ
โดยโอลีฟวากิว จะถูกเลี้ยงด้วยผลมะกอกซึ่งปลูกในเกาะนั่นเอง
โดยโอลีฟวากิว จะถูกเลี้ยงด้วยผลมะกอกซึ่งปลูกในเกาะนั่นเอง
โดยปกติแล้ว วัวจะไม่กินผลมะกอกสด เนื่องจากรสชาติที่ฝาด เกษตรกรจึงต้องนำผลมะกอกไปคั้นน้ำมันออก และตากแห้ง ก่อนที่จะนำไปเป็นอาหารวัว
ซึ่งผลลัพธ์ของการเลี้ยงวัวด้วยผลมะกอกป่น ก็คือ ลายเนื้อของเนื้อวากิวที่ได้ จะมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อมากกว่าเนื้อวากิวชนิดอื่น ๆ
โดยเราสามารถวัดความพรีเมียมของเนื้อวัววากิวได้ ผ่านคะแนน Beef Marbling Score
ซึ่งแบ่งออกเป็น 12 ระดับ ตามลักษณะของไขมัน ที่แทรกอยู่ในเนื้อ
ซึ่งแบ่งออกเป็น 12 ระดับ ตามลักษณะของไขมัน ที่แทรกอยู่ในเนื้อ
ระดับ 1-4 คือไขมันแทรกอยู่น้อย จนแทบจะไม่มีลวดลายบนเนื้อ
ระดับ 5-7 หรือก็คือเนื้อ A4 ซึ่งไขมันแทรก จนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ระดับ 8-12 หรือก็คือเนื้อ A5 ที่มีไขมันแทรกเป็นจำนวนมาก จนเราสามารถเห็นได้เป็นลายหินอ่อน
ซึ่งโอลีฟวากิวที่ว่าไปนั้น จัดอยู่ในระดับเนื้อวากิว A5
โดยความนุ่มและรสสัมผัสของเนื้อ ก็ยังมีความโดดเด่นมากกว่าเนื้อ A5 ชนิดอื่น ๆ
โดยความนุ่มและรสสัมผัสของเนื้อ ก็ยังมีความโดดเด่นมากกว่าเนื้อ A5 ชนิดอื่น ๆ
จนทำให้ เนื้อชนิดนี้มีราคาสูงถึง กิโลกรัมละประมาณ 37,500 บาท เลยทีเดียว
ซึ่งต้องบอกว่า เนื้อวากิวในแต่ละภูมิภาค หรือแต่ละจังหวัดก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปอีก
เช่น “เนื้อโกเบ” ก็คือเนื้อวากิวที่ได้จากวัวที่ถูกเลี้ยงในโกเบ จังหวัดเฮียวโกะ
ที่จะอยู่ในระดับประมาณ A4-A5 ไขมันแทรกเนื้อสวยงามกำลังดี ให้ความนุ่มละมุนลิ้น กินแล้วเหมือนละลายในปาก
ที่จะอยู่ในระดับประมาณ A4-A5 ไขมันแทรกเนื้อสวยงามกำลังดี ให้ความนุ่มละมุนลิ้น กินแล้วเหมือนละลายในปาก
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นว่า
แม้จุดเริ่มต้นของการบริโภคเนื้อวัวในญี่ปุ่น จะได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก
แม้จุดเริ่มต้นของการบริโภคเนื้อวัวในญี่ปุ่น จะได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก
แต่ชาวญี่ปุ่นก็สามารถพัฒนาสายพันธุ์และวิธีการเลี้ยงวัว ที่มีรสชาติและรสสัมผัส เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างชัดเจน
จนกลายเป็นเนื้อวัวพรีเมียม ที่ได้รับการยอมรับ
และสร้างมูลค่าส่งออกไปทั่วโลก กว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี อย่างในปัจจุบัน..
และสร้างมูลค่าส่งออกไปทั่วโลก กว่า 9,000 ล้านบาทต่อปี อย่างในปัจจุบัน..
References
-https://wagyushop.com/blogs/news/what-makes-wagyu-so-expensive
-https://osmeatshop.com/blogs/blog-posts/why-wagyu-has-the-highest-price-per-kilogram
-https://krua.co/food_story/story_of_wagyu/
-https://www.crowdcow.com/blog/why-is-kobe-beef-so-famous
-https://www.crowdcow.com/blog/japanese-wagyu-infographic?ref=crowd-cow-blog.ghost.io
-https://wagyushop.com/blogs/news/what-makes-wagyu-so-expensive
-https://osmeatshop.com/blogs/blog-posts/why-wagyu-has-the-highest-price-per-kilogram
-https://krua.co/food_story/story_of_wagyu/
-https://www.crowdcow.com/blog/why-is-kobe-beef-so-famous
-https://www.crowdcow.com/blog/japanese-wagyu-infographic?ref=crowd-cow-blog.ghost.io