ทำไม Bill Gates มองว่า “ความยืดหยุ่น” คือพลังดึงดูด พนักงานเก่ง ๆ
2 ก.พ. 2022
ทำไม Bill Gates มองว่า “ความยืดหยุ่น” คือพลังดึงดูด พนักงานเก่ง ๆ | THE BRIEFCASE
รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ที่เน้น “ความยืดหยุ่น” ไม่จำกัดว่าต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมง หรือทำงานจากที่ไหน กลายมาเป็นเทรนด์ที่หลาย ๆ บริษัทต้องปรับตัว
แต่การทำงานลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ Bill Gates อ่านเกมออกมาก่อนหน้านี้แล้วหลายปี ก่อนจะมีโรคระบาดเสียอีก และทำให้เขารู้วิธีที่จะดึงดูดพนักงานเก่ง ๆ เข้ามาทำงานในออฟฟิศก่อนใคร
แล้วทำไม Bill Gates ถึงมองว่า “ความยืดหยุ่น” คือพลังดึงดูด พนักงานเก่ง ๆ ให้มาร่วมงานกับองค์กรได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Flexjobs เปิดเผยว่า 85% ของกลุ่มคนมิลเลนเนียลส์ ชอบที่จะสื่อสารทางไกลมากขึ้น
และที่น่าสนใจคือการศึกษานี้ถูกสำรวจก่อนที่จะมีวิกฤติโรคระบาดเสียอีก
และอีกการศึกษาหนึ่งยังเปิดเผยว่า 82% ของพนักงานในสหรัฐอเมริกา ต้องการทำงานจากบ้าน
อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากที่วิกฤติโรคระบาดจบลง
Bill Gates บอกว่า ก่อนที่โรคระบาดจะเกิดขึ้น บริษัทส่วนใหญ่ไม่ยอมปรับวัฒนธรรมการทำงานให้เข้ากับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของพนักงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยืดหยุ่นมาก
ฉะนั้นการหันมาตอบสนองความต้องการของพนักงานรุ่นใหม่ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากการศึกษาของ Staples พบว่า 90% ของพนักงานรู้สึกมีกำลังใจและพร้อมที่จะทำงานมากขึ้น เมื่อได้ทำงานอย่างยืดหยุ่น
ในขณะเดียวกันพนักงานอีก 67% รู้สึกอยากลาออก หากต้องทำงานที่ถูกควบคุมมากเกินไป
เพราะในการทำงาน “ความรู้สึก” และ “กำลังใจ” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา
ที่สำคัญ “ความยืดหยุ่น” ยังช่วยให้ประสิทธิภาพและปริมาณงานเพิ่มขึ้นได้
จากงานวิจัยของ Harvard Business School พบว่าพนักงานที่ทำงานในบริษัทที่มีนโยบายการทำงาน
แบบยืดหยุ่น หรือสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 4.4% เมื่อเทียบกับ
พนักงานที่ยังต้องทำงานอยู่ในออฟฟิศ หรือใกล้ ๆ ออฟฟิศ เผื่อมีกรณีที่ต้องเข้าบริษัท
นอกจากนี้ผลการศึกษาจากหลาย ๆ แหล่งยังแสดงให้เห็นว่า ความรู้สึกเป็นอิสระ คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์
มีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น และรวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย
และแน่นอนว่าหากบริษัทต้องการจ้างคนเก่ง ซึ่งเป็นทรัพยากรที่หลาย ๆ บริษัทต่างแย่งตัว
การยอมทำตามความต้องการของพนักงานบ้าง ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้พนักงาน
อยากทำงานร่วมกับเราได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม “ความยืดหยุ่น” ก็เปรียบเสมือนกับดาบสองคม
เพราะถ้าหากเป็นพนักงานที่เก่งแต่ไร้ความรับผิดชอบ ความยืดหยุ่น ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานปล่อยปละละเลยการทำงานได้เหมือนกัน..
References
-https://www.inc.com/marcel-schwantes/1-simple-idea-bill-gates-uses-to-hire-best-employees.html
-https://www.flexjobs.com/blog/post/survey-changing-workplace-priorities-millennials/?utm_source=cj&utm_medium=Skimlinks&utm_campaign=affiliates&cjevent=8f960ee97f4111ec8200002d0a180513
-https://marketingassets.staples.com/m/2f87908f7831655d/original/2019-Staples-Workplace-Survey.pdf
รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ที่เน้น “ความยืดหยุ่น” ไม่จำกัดว่าต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมง หรือทำงานจากที่ไหน กลายมาเป็นเทรนด์ที่หลาย ๆ บริษัทต้องปรับตัว
แต่การทำงานลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ Bill Gates อ่านเกมออกมาก่อนหน้านี้แล้วหลายปี ก่อนจะมีโรคระบาดเสียอีก และทำให้เขารู้วิธีที่จะดึงดูดพนักงานเก่ง ๆ เข้ามาทำงานในออฟฟิศก่อนใคร
แล้วทำไม Bill Gates ถึงมองว่า “ความยืดหยุ่น” คือพลังดึงดูด พนักงานเก่ง ๆ ให้มาร่วมงานกับองค์กรได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Flexjobs เปิดเผยว่า 85% ของกลุ่มคนมิลเลนเนียลส์ ชอบที่จะสื่อสารทางไกลมากขึ้น
และที่น่าสนใจคือการศึกษานี้ถูกสำรวจก่อนที่จะมีวิกฤติโรคระบาดเสียอีก
และอีกการศึกษาหนึ่งยังเปิดเผยว่า 82% ของพนักงานในสหรัฐอเมริกา ต้องการทำงานจากบ้าน
อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากที่วิกฤติโรคระบาดจบลง
Bill Gates บอกว่า ก่อนที่โรคระบาดจะเกิดขึ้น บริษัทส่วนใหญ่ไม่ยอมปรับวัฒนธรรมการทำงานให้เข้ากับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของพนักงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยืดหยุ่นมาก
ฉะนั้นการหันมาตอบสนองความต้องการของพนักงานรุ่นใหม่ จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากการศึกษาของ Staples พบว่า 90% ของพนักงานรู้สึกมีกำลังใจและพร้อมที่จะทำงานมากขึ้น เมื่อได้ทำงานอย่างยืดหยุ่น
ในขณะเดียวกันพนักงานอีก 67% รู้สึกอยากลาออก หากต้องทำงานที่ถูกควบคุมมากเกินไป
เพราะในการทำงาน “ความรู้สึก” และ “กำลังใจ” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา
ที่สำคัญ “ความยืดหยุ่น” ยังช่วยให้ประสิทธิภาพและปริมาณงานเพิ่มขึ้นได้
จากงานวิจัยของ Harvard Business School พบว่าพนักงานที่ทำงานในบริษัทที่มีนโยบายการทำงาน
แบบยืดหยุ่น หรือสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 4.4% เมื่อเทียบกับ
พนักงานที่ยังต้องทำงานอยู่ในออฟฟิศ หรือใกล้ ๆ ออฟฟิศ เผื่อมีกรณีที่ต้องเข้าบริษัท
นอกจากนี้ผลการศึกษาจากหลาย ๆ แหล่งยังแสดงให้เห็นว่า ความรู้สึกเป็นอิสระ คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์
มีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น และรวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย
และแน่นอนว่าหากบริษัทต้องการจ้างคนเก่ง ซึ่งเป็นทรัพยากรที่หลาย ๆ บริษัทต่างแย่งตัว
การยอมทำตามความต้องการของพนักงานบ้าง ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้พนักงาน
อยากทำงานร่วมกับเราได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม “ความยืดหยุ่น” ก็เปรียบเสมือนกับดาบสองคม
เพราะถ้าหากเป็นพนักงานที่เก่งแต่ไร้ความรับผิดชอบ ความยืดหยุ่น ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานปล่อยปละละเลยการทำงานได้เหมือนกัน..
References
-https://www.inc.com/marcel-schwantes/1-simple-idea-bill-gates-uses-to-hire-best-employees.html
-https://www.flexjobs.com/blog/post/survey-changing-workplace-priorities-millennials/?utm_source=cj&utm_medium=Skimlinks&utm_campaign=affiliates&cjevent=8f960ee97f4111ec8200002d0a180513
-https://marketingassets.staples.com/m/2f87908f7831655d/original/2019-Staples-Workplace-Survey.pdf