กรณีศึกษา ทำไม Elon Musk ไล่พนักงานคู่ใจ ที่ทำงานร่วมกัน 12 ปี ออกจากบริษัท
15 พ.ย. 2021
กรณีศึกษา ทำไม Elon Musk ไล่พนักงานคู่ใจ ที่ทำงานร่วมกัน 12 ปี ออกจากบริษัท | THE BRIEFCASE
Tesla ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ซึ่งไม่ว่าองค์กรไหน ๆ ก็คงอยากเก็บพนักงานที่มีความสามารถ หรือร่วมลงแรงมาด้วยกันเป็นเวลาหลายปี มาช่วยกันปลุกปั้นให้บริษัทเติบโตต่อไป
แต่ถ้าใครเคยได้อ่านหนังสือเรื่อง Elon Musk: Tesla, SpaceX, and the Quest for a Fantastic Future หนังสือสรุปเส้นทางชีวิตของ อีลอน มัสก์
จะมีตอนหนึ่งที่เล่าว่า มัสก์เคยไล่ผู้ช่วยของเขาที่ทำงานร่วมกันมากว่า 12 ปีออก..
แล้วเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ทำไมมัสก์ถึงตัดสินใจเช่นนั้น ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
ในปี 2014 Mary Beth Brown หรือบราวน์ ผู้ช่วยของอีลอน มัสก์ ได้ตัดสินใจขออีลอน มัสก์ ขึ้นเงินเดือน
เนื่องจากเธอเชื่อว่าความทุ่มเทของเธอนั้น ไม่น้อยหน้าบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในองค์กร และเธอก็ได้ทุ่มเทในการทำงานอย่างมาก เป็นเวลากว่า 12 ปีที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของมัสก์กับบราวน์นั้น เรียกได้ว่า เธอเป็นเหมือนผู้คอยจัดการทุกอย่าง และทำให้มัสก์จัดการชีวิตของเขาได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น
ยกตัวอย่างให้เห็นความทุ่มเทของเธอคือ
ไม่ว่ามัสก์จะทำงานหนักหรือนานแค่ไหน บราวน์ก็จะอยู่จนกว่าเขาจะทำงานเสร็จสิ้น ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงต่อวันก็ตาม
นอกจากนี้เธอยังเป็นคนคอยจัดการในเรื่องอาหารการกิน จัดตารางเวลา ให้เขาได้มีเวลาอยู่กับลูก ๆ
และเธอยังเป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการปลุกปั้นวัฒนธรรมองค์กรอย่าง SpaceX ซึ่งเป็นอีกบริษัทที่มัสก์ทุ่มเทกายใจให้ไปพร้อม ๆ กับ Tesla
ด้วยความที่ บราวน์ คิดว่าจากทุกสิ่งที่เธอทุ่มเทให้กับงาน ทำให้เธอสมควรที่จะได้รับการขึ้นเงินเดือน
แต่หลังจากที่เธอได้เสนอเรื่องนี้ไป
สิ่งที่ มัสก์ ตอบกลับมาก็คือ “ผมคิดว่าคุณมีค่าต่อองค์กรของเรามาก บางทีเงินที่คุณเรียกมันอาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ ทำไมคุณไม่ลองพักร้อนสัก 2 อาทิตย์ล่ะ แล้วในระหว่างนั้นผมจะลองประเมินดูว่ามันจริงอย่างที่ผมคิดไหม”
ซึ่งจากหนังสือ สาเหตุที่มัสก์ตัดสินใจทำเช่นนั้น ก็เพราะว่าเขาต้องการดูว่า หน้าที่หรือสิ่งที่บราวน์ทำนั้น มันสำคัญกับเขาแค่ไหน และเขาสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้เองหรือไม่
หลังจากเวลาผ่านไปสองอาทิตย์
บราวน์ก็ได้กลับไปพูดคุยกับมัสก์อีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา ต้องทำให้เธอประหลาดใจ
เนื่องจากมัสก์ได้บอกเธอว่า เขาไม่ต้องการเธออีกต่อไป
เพราะเขามาค้นพบแล้วว่าหน้าที่ของเธอนั้นไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับเขา และเขามองว่าเขาสามารถทำทุกอย่างเองได้
ซึ่งหลังจากที่หนังสือเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ออกไป
ในปี 2017 มัสก์ก็ได้ตัดสินใจออกมาพูด และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การที่เขาตัดสินใจแบบนั้นเป็นเพราะว่า ในขณะที่องค์กรของเขากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาต้องการผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) หลาย ๆ คน มากกว่าคนที่ทำได้หลายอย่าง (Generalist) เพียงคนเดียว
และในความเป็นจริงแล้ว เขามีการนำเสนองานตำแหน่งอื่น ๆ พร้อมอัตราค่าจ้างที่เท่ากัน ให้กับบราวน์แล้วแต่เธอก็ปฏิเสธไป
แต่เมื่อเธอตัดสินใจเช่นนั้น เขาก็ได้มอบเงินเดือนย้อนหลัง 1 ปี และหุ้นของบริษัท ให้กับบราวน์เพื่อเป็นการชดเชย..
References
-https://medium.com/illumination/why-elon-musk-fired-his-long-term-assistant-who-asked-for-a-raise-97e87ebb5cab
-https://www.cnbc.com/2017/08/11/elon-musk-says-he-didnt-fire-his-assistant-when-she-asked-for-a-raise.html
Tesla ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ซึ่งไม่ว่าองค์กรไหน ๆ ก็คงอยากเก็บพนักงานที่มีความสามารถ หรือร่วมลงแรงมาด้วยกันเป็นเวลาหลายปี มาช่วยกันปลุกปั้นให้บริษัทเติบโตต่อไป
แต่ถ้าใครเคยได้อ่านหนังสือเรื่อง Elon Musk: Tesla, SpaceX, and the Quest for a Fantastic Future หนังสือสรุปเส้นทางชีวิตของ อีลอน มัสก์
จะมีตอนหนึ่งที่เล่าว่า มัสก์เคยไล่ผู้ช่วยของเขาที่ทำงานร่วมกันมากว่า 12 ปีออก..
แล้วเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ทำไมมัสก์ถึงตัดสินใจเช่นนั้น ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
ในปี 2014 Mary Beth Brown หรือบราวน์ ผู้ช่วยของอีลอน มัสก์ ได้ตัดสินใจขออีลอน มัสก์ ขึ้นเงินเดือน
เนื่องจากเธอเชื่อว่าความทุ่มเทของเธอนั้น ไม่น้อยหน้าบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในองค์กร และเธอก็ได้ทุ่มเทในการทำงานอย่างมาก เป็นเวลากว่า 12 ปีที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของมัสก์กับบราวน์นั้น เรียกได้ว่า เธอเป็นเหมือนผู้คอยจัดการทุกอย่าง และทำให้มัสก์จัดการชีวิตของเขาได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น
ยกตัวอย่างให้เห็นความทุ่มเทของเธอคือ
ไม่ว่ามัสก์จะทำงานหนักหรือนานแค่ไหน บราวน์ก็จะอยู่จนกว่าเขาจะทำงานเสร็จสิ้น ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงต่อวันก็ตาม
นอกจากนี้เธอยังเป็นคนคอยจัดการในเรื่องอาหารการกิน จัดตารางเวลา ให้เขาได้มีเวลาอยู่กับลูก ๆ
และเธอยังเป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการปลุกปั้นวัฒนธรรมองค์กรอย่าง SpaceX ซึ่งเป็นอีกบริษัทที่มัสก์ทุ่มเทกายใจให้ไปพร้อม ๆ กับ Tesla
ด้วยความที่ บราวน์ คิดว่าจากทุกสิ่งที่เธอทุ่มเทให้กับงาน ทำให้เธอสมควรที่จะได้รับการขึ้นเงินเดือน
แต่หลังจากที่เธอได้เสนอเรื่องนี้ไป
สิ่งที่ มัสก์ ตอบกลับมาก็คือ “ผมคิดว่าคุณมีค่าต่อองค์กรของเรามาก บางทีเงินที่คุณเรียกมันอาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ ทำไมคุณไม่ลองพักร้อนสัก 2 อาทิตย์ล่ะ แล้วในระหว่างนั้นผมจะลองประเมินดูว่ามันจริงอย่างที่ผมคิดไหม”
ซึ่งจากหนังสือ สาเหตุที่มัสก์ตัดสินใจทำเช่นนั้น ก็เพราะว่าเขาต้องการดูว่า หน้าที่หรือสิ่งที่บราวน์ทำนั้น มันสำคัญกับเขาแค่ไหน และเขาสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้เองหรือไม่
หลังจากเวลาผ่านไปสองอาทิตย์
บราวน์ก็ได้กลับไปพูดคุยกับมัสก์อีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา ต้องทำให้เธอประหลาดใจ
เนื่องจากมัสก์ได้บอกเธอว่า เขาไม่ต้องการเธออีกต่อไป
เพราะเขามาค้นพบแล้วว่าหน้าที่ของเธอนั้นไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับเขา และเขามองว่าเขาสามารถทำทุกอย่างเองได้
ซึ่งหลังจากที่หนังสือเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ออกไป
ในปี 2017 มัสก์ก็ได้ตัดสินใจออกมาพูด และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การที่เขาตัดสินใจแบบนั้นเป็นเพราะว่า ในขณะที่องค์กรของเขากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาต้องการผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) หลาย ๆ คน มากกว่าคนที่ทำได้หลายอย่าง (Generalist) เพียงคนเดียว
และในความเป็นจริงแล้ว เขามีการนำเสนองานตำแหน่งอื่น ๆ พร้อมอัตราค่าจ้างที่เท่ากัน ให้กับบราวน์แล้วแต่เธอก็ปฏิเสธไป
แต่เมื่อเธอตัดสินใจเช่นนั้น เขาก็ได้มอบเงินเดือนย้อนหลัง 1 ปี และหุ้นของบริษัท ให้กับบราวน์เพื่อเป็นการชดเชย..
References
-https://medium.com/illumination/why-elon-musk-fired-his-long-term-assistant-who-asked-for-a-raise-97e87ebb5cab
-https://www.cnbc.com/2017/08/11/elon-musk-says-he-didnt-fire-his-assistant-when-she-asked-for-a-raise.html