ถอดรหัส วิธีบริหารความหลากหลายของพนักงาน ที่ทำให้ L'Oréal Groupe เป็นบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก
19 พ.ย. 2024
L'Oréal Groupe X BrandCase
ถ้ามีบริษัทหนึ่ง มาบอกกับเราว่าขอเป็นส่วนหนึ่งในการ “ขับเคลื่อนโลกใบนี้” สิ่งแรกที่หลายคนน่าจะคิดเหมือนกันหมด คือ บริษัทนั้นต้องเป็นระดับตำนานและมีธุรกิจครอบคลุมทั่วโลก
บริษัทที่ BrandCase กำลังจะพูดถึงคือ L'Oréal Groupe บริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีแบรนด์ในเครือ 37 แบรนด์และทำธุรกิจใน 150 ประเทศทั่วโลก
ส่วน ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย มีทั้งหมด 13 แบรนด์ แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์อุปโภค
- ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง
- ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง
- ผลิตภัณฑ์อุปโภค
- ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง
- ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง
ความน่าสนใจก็คือ ใครจะคิดว่า L'Oréal Groupe จะให้บริษัทในเครือที่อยู่ใน 150 ประเทศทั่วโลก พร้อมใจกัน Transform ธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ L'Oréal Groupe จะดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก”
เพราะวันนี้โลกเราอาจอยู่ในภาวะเกินขีดจำกัดทางกายภาพจนอาจเกินจะรับไหว สังเกตได้ง่าย ๆ คืออุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ, ความแปรปรวนทางธรรมชาติ, มลพิษทางอากาศ อีกทั้ง ประเด็นทางสังคมหลากหลายอย่าง ที่ควรได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
และใครใน L'Oréal Groupe จะเป็นผู้ขับเคลื่อนภารกิจอันท้าทายนี้ ?
ไม่ใช่ ผู้บริหารระดับสูงหรือแค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึง พนักงาน L'Oréal ทุกคนทั่วโลก ที่ต้องร่วมมือกันสร้างปรากฏการณ์ “ความงามที่ขับเคลื่อนโลก” ที่ทำให้ผู้คนดูดีในแบบฉบับของตัวเอง ควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในโลกใบนี้ที่มีสุขภาพแข็งแรง
ไม่ใช่ ผู้บริหารระดับสูงหรือแค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึง พนักงาน L'Oréal ทุกคนทั่วโลก ที่ต้องร่วมมือกันสร้างปรากฏการณ์ “ความงามที่ขับเคลื่อนโลก” ที่ทำให้ผู้คนดูดีในแบบฉบับของตัวเอง ควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในโลกใบนี้ที่มีสุขภาพแข็งแรง
เมื่อ “พนักงาน” คือ คำตอบ ที่จะพาไปสู่ความสำเร็จ ทำให้ L'Oréal Groupe พยายามสร้างบรรยากาศให้พนักงานทุกคนได้เติบโตในแบบฉบับของตัวเอง
พร้อมกับให้โอกาสในการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพพนักงาน ที่จะสร้างการเติบโตให้แก่ L'Oréal Groupe ไปพร้อม ๆ กับโลกใบนี้
และด้วยการเป็นบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลกที่ทำธุรกิจกว่า 150 ประเทศ ทำให้ในแต่ละปี L'Oréal Groupe จะเปิดโอกาสถึง 25,000 ตำแหน่ง เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ได้รับการพัฒนาทักษะเพื่อได้รับการจ้างงาน ขณะเดียวกันบริษัทก็มีพนักงานที่มีอายุมากกว่า 50 ปี จำนวนมากกว่า 13,000 คน
ความหลากหลายไม่ได้ถูกจำกัดแค่ช่วงอายุระหว่างเจเนอเรชัน แต่ L'Oréal Groupe ยังทำลายข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างด้านกายภาพของพนักงาน ผ่านนโยบายการบริหารที่ใช้ทั่วโลก
ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนก็คือ ลอรีอัล กรุ๊ป ประเทศไทย สนับสนุนให้พนักงานเป็นตัวเองและมีความมั่นใจ ในหลักการความเท่าเทียม พร้อมเปิดกว้างให้ผู้สมัครงานไม่ต้องระบุเพศสภาพในการสมัครงาน
ทำให้ผู้สมัครมั่นใจว่าไม่ว่าตัวเองจะมีสถานะ เพศสภาพใด ก็จะได้รับการพิจารณาจากความสามารถและประสบการณ์ในการเข้าทำงาน ที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครจริง ๆ
ในแง่ของสวัสดิการ ก็ยังมีการปรับสิทธิประโยชน์ครอบคลุมไปยังคู่รักเพศเดียวกัน หรือ “LGBTQIA+” ที่มีการอุปการะบุตรบุญธรรม เช่น สิทธิลาไปเลี้ยงดูบุตรสำหรับผู้เลี้ยงดูหลัก (First Parental Leave) ที่เทียบเท่ากับการลาคลอดของมารดาจำนวน 115 วัน และสิทธิในการลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตรสำหรับผู้เลี้ยงดูรอง (Second Parental Leave) ที่เทียบเท่ากับการลาไปเลี้ยงดูบุตรของบิดา ซึ่งให้สิทธิถึง 42 วันหรือ 6 สัปดาห์
ขณะที่เราได้ยินข่าวว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก กำลังเผชิญกับการ “ตกงาน” ทำให้ L'Oréal Groupe จัดทำโครงการ L'Oréal For Youth มุ่งเสริมทักษะการทำงานให้คนรุ่นใหม่ที่หาไม่ได้จากการศึกษาในระบบ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีความพร้อมในการใช้ศักยภาพตัวเองเข้าทำงานในบริษัทต่าง ๆ
โดยในปี 2023 มีคนรุ่นใหม่กว่า 100,000 คนได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้
ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะสังคมสูงวัย โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ที่มีการคาดการณ์ว่าภายปี 2035 จะมีประชากรครึ่งหนึ่งที่มีอายุมากกว่า 45 ปี
อีกทั้งการมาของ AI ก็จะทำให้ในอนาคตเกิดตำแหน่งงานใหม่ ๆ สูงถึง 70% เลยทีเดียว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนครั้งใหญ่ ที่ส่งผลต่อระบบแรงงานทั่วโลก
บริษัทต่าง ๆ ต้องคิดแล้วว่าตัวเองจะปรับเข็มทิศไปทางไหน ?
L'Oréal Groupe เลือกจะใช้ความหลากหลายและการพัฒนาศักยภาพของพนักงานมารับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีพนักงานที่อายุ 50 ปีขึ้นไปกว่า 13,000 คน หรือ คิดเป็น 15% ของพนักงานทั้งหมด
และหากลงลึกจะพบว่า L'Oréal Groupe จะพบว่านี่เป็นครั้งแรกที่ลอรีอัลมีคน 4 รุ่นทำงานร่วมกัน
ความหลากหลายตรงนี้เป็นจุดแข็งทางธุรกิจในทันที อย่าลืมว่า L'Oréal Groupe เป็นบริษัทความงามอันดับ 1 ของโลก มีลูกค้าครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน และ ทุกเพศสภาพ การมีพนักงานที่หลากหลายก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย นั่นเอง
ส่วนประเด็นเรื่องความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จนถึงการมาของ AI ทำให้ทาง L'Oréal Groupe จะมีโปรแกรมพัฒนาทักษะการทำงานตลอดชีวิต
สะท้อนจากกิจกรรม GENERATION DAYS ที่ปัจจุบันขยับขยายไปยังหลายประเทศในแต่ละภูมิภาค เช่น ยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกา โดยโครงการนี้มี 5 แนวคิดหลัก ได้แก่ การส่งเสริมความหลากหลายระหว่างวัย, การปรับกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในที่ทำงาน, การพัฒนาโอกาสสำหรับการมีงานทำตลอดช่วงชีวิตการทำงาน, การช่วยให้การเกษียณราบรื่น และการเปิดทางให้พนักงานวัยเกษียณได้ทำอะไรใหม่ ๆ
คงมีไม่กี่บริษัทในโลกใบนี้ ที่สามารถหล่อหลอมความหลากหลายของพนักงานหลายหมื่นคนให้มีเป้าหมายเดียวกัน ก็คือ L'Oréal Groupe ที่ต้องการเป็นบริษัทที่ “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก” ผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ที่ตอบโจทย์ความงามของทุกคนครบทุกเจเนอเรชัน และครบทุกความต้องการ
และที่สำคัญ “อุดมการณ์” ในการบริหารคนในแบบฉบับของ L'Oréal Groupe คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเจเนอเรชันไหน เพศสภาพอะไร หรือมาจากพื้นเพใด ก็สามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้ในแบบฉบับที่เป็นตัวคุณเอง
Reference
- ข้อมูลจาก บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด
- ข้อมูลจาก บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด
Tag:L'Oréal