ธุรกิจรีเทลของ MK สุกี้มาแรง ขายน้ำจิ้มไปแล้ว 4,300,000 ขวด ในเวลาไม่ถึงปี

ธุรกิจรีเทลของ MK สุกี้มาแรง ขายน้ำจิ้มไปแล้ว 4,300,000 ขวด ในเวลาไม่ถึงปี

30 ก.ค. 2024
MK Group x BrandCase
รู้ไหมว่า ตั้งแต่ที่ทาง MK เริ่มจำหน่ายน้ำจิ้มสุกี้ MK เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2566
ตอนนี้สามารถขายได้ไปแล้วกว่า 4,300,000 ขวด
ซึ่งก็สะท้อนถึงความสำเร็จในการแตกไลน์ไปทำธุรกิจรีเทลของบริษัทได้เป็นอย่างดี
แล้วจุดเด่นของธุรกิจรีเทล ภายในเครือ MK สุกี้คืออะไร ?
ทำไม MK สุกี้ถึงให้ความสำคัญกับธุรกิจกลุ่มนี้มากขึ้น
BrandCase จะพามาวิเคราะห์ผ่านโปรดักต์ชูโรงอย่าง น้ำจิ้ม MK สุกี้กัน
อย่างแรกต้องบอกว่า เมื่อคิดถึง MK สุกี้ สิ่งแรก ๆ ที่หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงกันก็คือเรื่องของน้ำจิ้ม ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
แต่ทีนี้โจทย์คือ จากเดิมที่ทานได้แค่ที่ร้านเท่านั้น ทำอย่างไร ถึงจะทำให้น้ำจิ้ม MK สุกี้นั้น สามารถไปได้ไกลกว่านี้ เก็บได้นานกว่านี้ และกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องปรุงติดบ้านของผู้บริโภค
ทาง MK สุกี้จึงได้พัฒนาจนได้มาเป็นน้ำจิ้มขวด MK สุกี้ ที่เริ่มเปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา
แล้ว MK สุกี้ มีการพัฒนาอะไรบ้าง กว่าที่จะได้มาเป็นน้ำจิ้มขวดนี้ ?
1. ทดลองและพัฒนาด้วยนวัตกรรมทางอาหาร เพื่อขยาย Shelf life ช่วยให้เก็บได้นานขึ้น

โดยการยืดอายุของน้ำจิ้มขวดนี้ ต้องไม่ใส่สารกันเสีย และตัวน้ำจิ้มขวดนี้ ต้องสามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี หากยังไม่เปิดขวด
2. คิดค้นแพ็กเกจจิง ที่ใส่ใจในหลาย ๆ รายละเอียด
เช่น มีระบบฝาเซฟตี ช่วยลดปัญหามือเปื้อน ป้องกันเชื้อโรคได้ และสามารถดึงเครื่องปรุงให้ไหลกลับเข้าไปในขวดอีกครั้งเมื่อใช้เสร็จ
3. ออกแบบให้มี 2 ขนาด ทั้ง 350 กรัม และ 830 กรัม
ให้เหมาะกับการใช้ตามโอกาส และเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีหลากหลายความต้องการ
ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า กว่าที่จะมาเป็นน้ำจิ้มสุกี้ขวดที่เราเห็นกันนั้น
ต้องผ่านกรรมวิธีและขั้นตอนการออกแบบ อย่างละเอียดมาก่อนแล้ว
และการออกแบบพัฒนาทั้งหมดนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า รสชาติน้ำจิ้มในขวดจะต้องมีรสชาติเหมือนกับทานที่ร้านเป๊ะ ๆ ต้องให้ความรู้สึกเหมือนได้กิน MK อยู่ที่บ้านนั่นเอง
ทีนี้เมื่อสินค้าพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็ถึงเวลาในการที่จะกระจายสินค้าต่าง ๆ ออกไป
และด้วยความที่ MK สุกี้ เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 38 ปี
ทำให้แบรนด์สามารถนำสินค้าเข้าจำหน่ายยังช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
โดยปัจจุบัน ลูกค้าสามารถซื้อน้ำจิ้ม MK สุกี้ได้ทุกที่ทั่วไทย
ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้าชั้นนําอย่าง 7-Eleven, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แม็คโคร, โลตัส, บิ๊กซี และในร้าน MK Restaurants ทุกสาขา
รวมไปถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกช่องทางของ MK Restaurants และ MK Wellness
นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้มีการส่งออกน้ำจิ้มขวดไปยังประเทศเกาหลีใต้, อังกฤษ, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา และในอนาคตก็มีแผนการจะกระจายสินค้าไปทั่วโลกอีกด้วย
ลองคิดคร่าว ๆ ว่า สมมติว่าส่งออกน้ำจิ้มขวดใหญ่ราคาขวดละ 119 บาท
ปัจจุบันทำยอดขายไปแล้วกว่า 4,300,000 ขวด
ก็เท่ากับว่าปัจจุบัน MK ทำรายได้จากน้ำจิ้มขวดไปแล้ว 512,000,000 บาท ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นว่า ธุรกิจรีเทลของ MK นั้นก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ที่เติบโตได้ดีภายในเครือ
เพราะอย่าลืมว่า นอกจากจะเจาะกลุ่มคนในประเทศได้แล้ว
น้ำจิ้มขวด MK ยังสามารถเจาะกลุ่ม ชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารไทย รวมถึงคนไทยในต่างแดน ได้อีกด้วย
อย่างที่หลายคนทราบกันอยู่แล้วว่า จำนวนคนที่ชื่นชอบอาหารไทยนั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก และยังมีคนไทยในต่างแดนอีกหลายล้านคน ที่รักและคิดถึงรสชาติอาหารไทย
พอมีน้ำจิ้มแบบขวด ที่มีอายุการเก็บรักษาที่นานก็น่าจะทำให้ น้ำจิ้ม MK สุกี้ ขวดนี้สามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก และสามารถเข้าถึงทุกคนที่ชื่นชอบรสชาติน้ำจิ้ม MK สุกี้แบบไทย ๆ นี้ได้
ซึ่งนี่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่น่าจะผลักดันให้ธุรกิจรีเทลของ MK สุกี้นั้นเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต
ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ MK ที่ได้มีการนำเอาสินค้าเรือธง ที่ไม่มีใครเหมือนของแบรนด์ มาทำให้กลายเป็นสินค้าใหม่ ที่สามารถเพิ่มการเติบโตของบริษัทได้อีกในอนาคต
ทำให้บริษัทที่จากเดิมมีรายได้จากหน้าร้านเพียงอย่างเดียวก็จะมีรายได้จากส่วนของสินค้ารีเทลเพิ่มขึ้นมาอีก
ซึ่งก็ไม่แน่ว่าในอนาคตนั้นเราอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ จากแบรนด์ MK อีกก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น สินค้า Signature ที่แบรนด์ถนัด
หรืออาจจะเป็นสินค้าจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ของแบรนด์ ที่จะมาทำให้ MK ไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจร้านอาหารเท่านั้น แต่เป็นแบรนด์สินค้ารีเทลที่มาช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักมากขึ้นด้วย
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.