กลยุทธ์ เจ้าของ Otteri ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ปั้นแฟรนไชส์ ร้านสะดวกซัก มูลค่า 2,700 ล้าน

กลยุทธ์ เจ้าของ Otteri ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ปั้นแฟรนไชส์ ร้านสะดวกซัก มูลค่า 2,700 ล้าน

11 ก.พ. 2024
กลยุทธ์ เจ้าของ Otteri ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ปั้นแฟรนไชส์ ร้านสะดวกซัก มูลค่า 2,700 ล้าน | BrandCase
Otteri wash & dry หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า Otteri มีผู้ก่อตั้งก็คือ คุณกวิน นิทัศนจารุกุล
ซึ่งคุณกวิน เคยเล่าว่า เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทในปี 2555 โดยขอเงินทุนจากคุณพ่อจำนวน 4 ล้านบาท
และต่อยอดมาขยายธุรกิจด้วยโมเดลแฟรนไชส์
จนในปี 2565 กลายเป็นบริษัทมูลค่า 2,762.5 ล้านบาท หลังจากที่มีทาง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้ามาร่วมลงทุน
รวมแล้วคุณกวินใช้เวลาเพียง 10 ปี ในการปั้นธุรกิจจากเงิน 4 ล้านบาท เป็นธุรกิจมูลค่าหลักพันล้านบาท
คุณกวิน เจ้าของ Otteri wash & dry ทำได้อย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
คุณกวิน นิทัศนจารุกุล เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวัสดุศาสตร์ สาขาอัญมณีและเครื่องประดับ
หลังจากเรียนจบ ก็มาช่วยธุรกิจกงสีที่บ้านของคุณแม่ โดยเริ่มจากเป็นเซลส์โรงงานทอผ้า
จากนั้นก็มาคุมโรงงานรับจ้างซักผ้า และหันมาทำน้ำยาซักผ้าขาย ให้ธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม
ก่อนจะเห็นโอกาสในการขายพ่วงเครื่องซักผ้าด้วย และเริ่มบินไปต่างประเทศเพื่อหาโรงงานขายเครื่องซักผ้า
และก็ได้ก่อตั้ง บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทำธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรม ซัก อบ รีด ในปี 2555
กระทั่งธุรกิจโดน Alibaba มา Disrupt ธุรกิจเดิม เลยต้องหาโอกาสใหม่ ๆ จนได้เจอกับธุรกิจร้านสะดวกซักที่กำลังบูมในมาเลเซีย สิงคโปร์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมด้วย
คุณกวิน ขอเงินทุนจากคุณพ่อจำนวน 4 ล้านบาท และลองเอาธุรกิจนี้มาทำดูในไทย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Koin Laundry ในปี 2558
แต่ทำได้ไม่ถึง 3 เดือนก็เจ๊ง เพราะมองกลุ่มลูกค้าผิด, Brand Position ผิด และ Location ผิด จึงกลับไปศึกษามาใหม่
ลงคอร์สเรียนต่าง ๆ และกลับมาอีกครั้งในปี 2559 ด้วยแบรนด์ Otteri ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วมาก
จนในปี 2565 ขณะที่ Otteri มี 670 สาขา
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ก็เข้ามาร่วมลงทุนซื้อหุ้นในสัดส่วน 40% ด้วยมูลค่า 1,100 ล้านบาท
ทำให้มีมูลค่าประเมินของ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของ Otteri อยู่ที่ 2,762.5 ล้านบาท
ปัจจุบัน Otteri ถือเป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซักอันดับ 1 ในไทย มีมากกว่า 1,073 สาขา และมีลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำเกือบ 150,000 คน
แล้วคุณกวิน เจ้าของ Otteri ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ปั้นธุรกิจหลัก 2,700 ล้านบาท ได้อย่างไร ?
ทำ Market Research
เดิมธุรกิจนี้มีมานานแล้วในมาเลเซีย และสิงคโปร์ คุณกวินจึงบินไปที่มาเลเซีย เพื่อไปดูว่าโมเดลธุรกิจเป็นอย่างไร ? เจ้าตลาดเป็นใคร ? แข่งกันที่อะไร ? ควรจับกลุ่มลูกค้าแบบไหน ?
ซึ่งหลังจากศึกษาแล้วก็พบว่า เจ้าตลาดนี้เน้นขายแฟรนไชส์ราคาสูง เพราะมองว่าเป็นเจ้าแรก ๆ มีอำนาจกำหนดราคา ใคร ๆ ก็ยอมจ่าย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ตั้งราคาสูง ธุรกิจกำไรเยอะ แถมธุรกิจไม่มี Barriers to Entry คู่แข่งเลยเข้าตลาดมาด้วยกลยุทธ์ตัดราคา และเน้นขายปริมาณมาก ๆ แทน
จนสุดท้ายเจ้าตลาดรายนี้ก็โดนตีแตก
คุณกวินที่เห็นบทเรียนแล้ว จึงเข้าตลาดมาโดยขายแฟรนไชส์ราคากลาง ๆ แล้วเน้นปริมาณเอา
เพื่อให้เกิด Economies of Scale หรือการประหยัดต่อขนาด เมื่อผลิตหรือบริการมาก ๆ นั่นเอง
เป็น First Mover หรือเจ้าแรก ๆ ในตลาดนี้
ในช่วงนั้นก่อนที่จะเปิดร้าน Koin Laundry ธุรกิจร้านสะดวกซักในไทย ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ
โดยหลัก ๆ มีคนทำธุรกิจแนวนี้แบบจริงจังในไทยเพียงรายเดียว เป็นแบรนด์จากมาเลเซีย ที่ขยายมาเปิดในไทย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นแบรนด์ดังกล่าว มีร้านสะดวกซักในไทยเพียง 1-2 สาขาเท่านั้น
หรือก็คือยังไม่มีเจ้าตลาดรายใหญ่ในไทย รวมทั้งเน้นจับกลุ่มลูกค้าแฟรนไชส์ราคาสูงด้วย ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับคุณกวิน
หลังจากศึกษาสักพัก คุณกวินก็เริ่มทำร้าน Koin Laundry เมื่อปี 2558 ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนและพัฒนามาทำ Otteri ในปีต่อมา
ใช้พลังของโมเดล “แฟรนไชส์” ช่วยขยายธุรกิจ
โดยคุณกวินศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับโมเดลแบบนี้ ด้วยการเข้าคอร์สเรียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ แล้วจึงมาเริ่มทำ Otteri
ซึ่งหลายคนอาจคิดว่า ทำไมไม่ทำสาขาเองทั้งหมด จะได้กินกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยคนเดียว
แต่จริง ๆ แล้วการจะทำแบบนั้นได้ จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล เพราะการจะเปิดร้านสะดวกซัก 1 สาขา ต้องใช้เงินเริ่มต้นราว 3 ล้านบาท ถ้าเปิด 10 สาขา ก็ต้องใช้เงิน 30 ล้านบาทแล้ว
ในทางกลับกัน ถ้าขยายธุรกิจด้วยโมเดลแฟรนไชส์ เราจะสามารถเปิดร้าน Otteri ได้ 1 สาขา โดยใช้เงินที่ได้จากค่าแฟรนไชส์ทุก ๆ 5 สาขา โดยที่ไม่ต้องควักทุนของตัวเอง
แต่ก็ต้องหมายเหตุด้วยว่า ธุรกิจนั้น ๆ จะเหมาะกับโมเดลแฟรนไชส์หรือไม่ด้วย
ซึ่งเคสของ Otteri เป็นการใช้โมเดลแบบนี้ แล้วประสบความสำเร็จ
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นนี้ที่ค่อนข้างเร่งรีบในการใช้ชีวิต และยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก และเวลา
Otteri จึงทำร้านให้ตอบโจทย์ดังกล่าวมากกว่าธุรกิจร้านซักผ้าหยอดเหรียญแบบดั้งเดิม คือ
ดีขึ้น
คือจากร้านซักผ้าปกติที่ไม่มีที่นั่ง ภาพลักษณ์ดูเก่า ๆ ร้อน ๆ แต่ที่นี่สามารถนั่งเล่นรอที่ร้านได้เลย มี WiFi มีพัดลม มีกล้องวงจรปิด แถมภาพลักษณ์ของร้านก็ดูเป็นมิตรเร็วขึ้น
คือจากปกติที่ต้องใช้เวลาซักผ้า 1 ชั่วโมง อบอีก 1 ชั่วโมง เหลือทั้ง 2 ขั้นตอนไม่ถึงชั่วโมงเดียว ประหยัดเวลาไป 2 เท่าสะอาดขึ้น
คือเครื่องซักผ้าในสาขาของ Otteri เป็นเครื่องซักผ้าระดับอุตสาหกรรม ราคาหลักแสนบาท
เมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้าครัวเรือนทั่วไป ที่มีราคาเครื่องละไม่กี่หมื่นบาท ย่อมดีกว่า และสะอาดกว่า
อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องบอกว่านี่คงไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดของความสำเร็จ
เพราะสำหรับการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ย่อมต้องใช้หลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน
แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยเหล่านี้ เรื่องเหล่านี้
ก็มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ Otteri สามารถประสบความสำเร็จเป็นที่ 1 ในธุรกิจร้านสะดวกซัก
จนมีมูลค่ากิจการกว่า 2,700 ล้านบาท อย่างในวันนี้..
อยากรู้อินไซต์ธุรกิจสนุก ๆ แบบนี้ เตรียมพบกันที่งาน “The Entrepreneur Forum 2024”
งานนี้คุณกวิน นิทัศนจารุกุล เจ้าของ Otteri wash & dry ก็มาด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/longtunman/posts/pfbid02ycA7FK3gBUAGvfNMmAYdqa95hVxLaq5FvSJToTF6DJrzfyXMYu11cpM321mzFsUcl
References
Otteri ร้านซักผ้าที่มีมากกว่าถึง 500 สาขาภายใน 5 ปี | PERSPECTIVE RERUN EP24/2021 จากช่อง BLACK DOT10 ปี 2,700 ล้าน Otteri ทำได้ยังไง? - คิม กวิน นิทัศนจารุกุล จากช่อง NopPongsatornhttps://www.matichon.co.th/prachachuen/news_3408276#google_vignette
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.