คุยกับทีมการตลาด Burger King คิดคอนเทนต์ยังไง ให้เป็นไวรัล

คุยกับทีมการตลาด Burger King คิดคอนเทนต์ยังไง ให้เป็นไวรัล | BrandCase

เมื่อไม่นานมานี้ หลายคนคงเห็นแคมเปญแปลก ๆ ของ Burger King 

ที่บอกว่าขาย “The Real Cheeseburger” เบอร์เกอร์ชีส 20 แผ่น 

หรือ The Real Meat Burger ที่ให้เพิ่มเนื้อกี่ชิ้นก็ได้ตามใจชอบ สั่ง 100 ชิ้นก็เพิ่มให้ 100 ชิ้นได้

แคมเปญพวกนี้ กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลมีเดียที่คนแชร์ต่อ ๆ กันเยอะมาก

ซึ่งจากกระแสที่เกิดขึ้น ทำให้เมนู The Real Cheeseburger กลายเป็นเมนูใหม่ที่ช่วยผลักดันยอดขายของ Burger King ให้เติบโตขึ้นกว่า 20%

ทำให้แบรนด์ Burger King ได้พื้นที่สื่อไปแบบที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา 

ซึ่งถือเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในกลุ่มผู้บริโภคได้ดีทีเดียว 

คำถามคือ Burger King มีกลยุทธ์และวิธีคิดแคมเปญ หรือคิดคอนเทนต์อย่างไร ให้กลายเป็นไวรัลแบบนี้ ?

BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ 

เรื่องนี้ถูกแชร์โดยคุณธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป และทีมการตลาดของ บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

1. ถ้าอยากคิดคอนเทนต์ให้เป็นกระแสแบบ Burger King ต้องทำอย่างไร ?

ตรงนี้ทีมการตลาดของ Burger King บอกว่า หลักการสำคัญคือ “การดู Insight ของลูกค้า” 

- ลูกค้าของแบรนด์เป็นคนแบบไหน ?

- วิธีในการพูดคุยกับลูกค้าเหล่านี้ ควรเป็นแบบไหน ?

ในยุคปัจจุบัน หลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีความเป็นมนุษย์ (Humanize) มากขึ้น 

ซึ่งวิธีการสื่อสารของแบรนด์ในสมัยนี้คือ สื่อสารให้แบรนด์เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของลูกค้า นั่นเอง

2. Burger King ใช้อะไรในการตัดสินใจ ก่อนที่จะคิดแคมเปญต่าง ๆ ออกมา ?

คำตอบก็ยังคงเป็น “Insight ของลูกค้า”

สิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐานหลักในการทำแคมเปญของ Burger King และช่วยให้เมนูใหม่ ๆ ของ Burger King กลายเป็นไวรัลนั้น เป็นเพราะว่า 

แบรนด์มีการรับฟังฟีดแบ็กจากลูกค้า และการ Social Listening ตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ 

เพราะเมื่อแบรนด์รู้ว่าลูกค้าชอบอะไร ก็จะทำให้แบรนด์ทำเมนู หรือสิ่งที่ลูกค้าชอบได้ตรงเป้าแบบพอดิบพอดี

เช่น 

- จากข้อมูลพบว่า ลูกค้าคนไทยชอบทานไก่และข้าวเหนียว 

Burger King ก็จะนำข้อมูลตรงนี้มาคิดเป็นเมนูใหม่ ด้วยพื้นฐานทางรสชาติที่ลูกค้าคนไทยคุ้นเคยกับวัตถุดิบที่แบรนด์มี 

ซึ่งได้ออกมาเป็นเมนู ไก่ทอดหาดใหญ่ ที่เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียว

- จากการสังเกต Insight ของลูกค้าในร้านคู่แข่ง หรือร้านอาหารในเครือเดียวกันเองอย่าง The Pizza Company แล้วพบว่า ลูกค้าคนไทยชอบกินชีส 

Burger King ก็นำข้อมูลที่ได้ มาพัฒนาเป็นซอสชีส เพื่อทดลองตลาดก่อน 

ทีนี้พอการตอบรับดี จึงออกเป็นแคมเปญ The Real Cheeseburger เบอร์เกอร์ชีส 20 แผ่น 

ซึ่งจากกระแสตอบรับที่ได้มา ก็ช่วยดันยอดขายของแบรนด์ได้มากถึง 20% 

3. Burger King มีวิธีที่จะใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างไรบ้าง ?

- สื่อสารแบบจริงใจ โดยในทุก ๆ การโปรโมตสินค้า หรือการออกแคมเปญใหม่ ๆ 

แบรนด์จะต้องคิดให้รอบคอบและต้องสื่อสารออกไป ในแบบที่ไม่ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิด 

เช่น ในประเด็นที่อ่อนไหว หรือประเด็นที่ไม่มีคำตอบที่ผิดหรือถูก 

ถ้าแบรนด์รู้สึกว่าทำออกมาแล้วจะมีแนวโน้มของกระแสที่ไม่ดี หรืออาจทำให้ลูกค้าเข้าใจสิ่งที่แบรนด์จะสื่อสารผิดทิศทาง ก็จะไม่ทำคอนเทนต์นั้นออกมาตั้งแต่แรก

- แบรนด์ต้องมีความเป็นมนุษย์ เพื่อใช้ในการตอบโต้กับลูกค้า 

เช่น ไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาพูดคุยกับแบรนด์ในรูปแบบไหนก็ตาม แบรนด์ก็ต้องหาวิธีในการสื่อสารออกไปให้ตรงกับสไตล์ของลูกค้าที่เข้ามาพูดคุยกับแบรนด์ให้ได้

- ยอมรับความหลากหลาย และความแตกต่างของลูกค้า 

เพราะลูกค้าของ Burger King มีหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายสไตล์ ดังนั้นแบรนด์จึงต้องมีการปรับการพูดคุยกับลูกค้าให้ตรงประเด็น 

เช่น ลูกค้าที่ชอบ K-POP ก็จะมีการพูดคุยในเรื่องของศิลปิน หรือนักร้องเกาหลี 

หรือลูกค้าเกมเมอร์ จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับตัวละครในเกม หรือชื่อเกมที่กำลังดัง 

สิ่งที่แบรนด์ต้องปรับอยู่เสมอคือ การสื่อสารให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละสไตล์

4. จากกระแสที่ได้มา ช่วยผลักดันยอดขายของเมนูทั่วไปของ Burger King มากน้อยแค่ไหน ?

สิ่งที่ Burger King สังเกตเห็นในทุกครั้งที่มีลูกค้าใหม่มาซื้อ เมนูที่กำลังเป็นกระแส 

คือลูกค้ากลุ่มใหม่นี้ จะซื้อสินค้าเมนูอื่น ๆ ในร้าน คู่กับเมนูที่เป็นกระแสด้วย

ซึ่งหมายความว่า ถ้า Burger King สร้างเมนูหนึ่งให้เป็นกระแสขึ้นมาได้ 

ก็จะส่งผลให้ยอดขายของเมนูทั่วไป เพิ่มมากขึ้นด้วย 

และจากข้อมูลตรงนี้ แบรนด์ Burger King จะนำมาวิเคราะห์ต่อ 

เพื่อออกแบบและวางแผนกลยุทธ์ ในการออกสินค้าและโปรโมชันใหม่ ๆ ที่จะสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าใหม่กลุ่มนี้ได้

และสุดท้าย แบรนด์จะสามารถเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ ให้เป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อสินค้าของ Burger King ซ้ำ ๆ ได้ต่อไป

5. Burger King มีแผนการตลาด ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าคนไทย อย่างไรบ้าง ?

- อย่างแรกคือ “การขยายสาขา” Burger King ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น 

เพื่อกระจายช่องทางการขายให้ทั่วถึง และช่วยให้ลูกค้าหาซื้อสินค้าของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

- ต่อมาคือ “รสชาติอาหารที่คุ้นเคย” จะเห็นได้จากการปรับเปลี่ยนรสชาติเมนูของ Burger King ที่จะมีการปรับให้เป็นรสชาติที่คนไทยชอบ หรือที่เรียกว่า กลยุทธ์ Localization 

คือ การพัฒนาสินค้าหรือบริการ ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงตลาดให้ได้มากที่สุด เช่น เมนูไก่ทอดหาดใหญ่

- สุดท้ายเป็นเรื่องของ “ราคา” ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงหลัง ๆ Burger King จะมีการโปรโมตเบอร์เกอร์ที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น 

โดยอ้างอิงจากหลักการที่ว่า สินค้าที่ทำออกมาจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และคุ้มค่ากับราคาที่ลูกค้าจ่ายให้กับแบรนด์ 

เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของ Burger King ได้ง่ายขึ้น

สรุปแล้วการทำคอนเทนต์ให้ฮิตติดกระแสแบบ Burger King คือ ต้องเริ่มตั้งโจทย์ โดยคิดมาจากความต้องการของลูกค้า 

แล้วผสมเข้ากับสไตล์ของแบรนด์ให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เพื่อให้การสื่อสารออกมาในรูปแบบเหมือนเพื่อนคุยกัน 

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าแบรนด์จะทำคอนเทนต์อะไรออกมา ก็จะมีลูกค้าคอยตอบรับคอนเทนต์นั้นอยู่เสมอ 

เพราะแบรนด์ได้กลายเป็นเพื่อนของลูกค้า ไปแล้วนั่นเอง..