บทเรียนจากความล้มเหลว ของคนที่ประสบความสำเร็จ ระดับโลก
27 พ.ค. 2021
บทเรียนจากความล้มเหลว ของคนที่ประสบความสำเร็จ ระดับโลก | THE BRIEFCASE
ถ้าเราเป็นหนึ่งคนที่ลงมือทำอะไรสักอย่างที่สำคัญต่อชีวิตเรา
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือจะเป็นการทำธุรกิจของตัวเอง
ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน เราอาจจะต้องพบเจอกับความล้มเหลวอย่างไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้
อย่างการถูกไล่ออก หรือธุรกิจของเราประสบปัญหาอย่างหนักจนทำให้ต้องปิดตัวลง
แต่คำถามสำคัญคือ ถ้าเราเจอสถานการณ์เช่นนี้ เราจะสามารถกลับมายืนขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร ?
แน่นอนว่าความล้มเหลวไม่ได้เจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทุกคนต่างมีโอกาสทำผิดพลาดในชีวิตของตัวเองที่นำไปสู่ความล้มเหลวกันทั้งนั้น
ต่อให้คนคนนั้นจะเป็น CEO ระดับโลกก็ตาม
ในเมื่อทุกคนมีโอกาสเจอกับความล้มเหลว
แต่ทำไมบางคนถึงสามารถก้าวผ่านมันไปได้ และบางคนยังคงนั่งเสียใจอยู่ที่มุมห้อง
เพราะความผิดพลาดและความล้มเหลวนั้นคือทางผ่านไปสู่ความสำเร็จ
และในเมื่อเราเจอกับความล้มเหลวแล้ว ต้องถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง
ดังนั้น เราลองมาดูตัวอย่างความล้มเหลวของ CEO ระดับโลกกัน
ว่าพวกเขามีวิธีการคิด และวิธีการก้าวผ่านความล้มเหลวต่าง ๆ ของพวกเขาได้อย่างไร
วันนี้ THE BRIEFCASE จะหยิบยกตัวอย่างวิธีการก้าวผ่านความล้มเหลวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
ระดับโลกมาสรุปให้ฟังกัน
มาเริ่มกันที่ Bill Gates และ Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft
อาณาจักร Microsoft ที่พวกเขาสร้างมาจนถึงทุกวันนี้นั้น
สามารถการันตีได้ว่าพวกเขาคือ 2 ในบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่จะมีการตอกเสาเข็ม Microsoft จนเป็นรูปเป็นร่าง และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้น
พวกเขาเคยล้มเหลวกับการทำธุรกิจมาก่อน
โดย Bill Gates ในวัย 17 ปี และ Paul Allen ในวัย 19 ปีนั้น ได้ร่วมกันก่อตั้งแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Traf-O-Data ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลการจราจรบนถนน และส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับวิศวกรจราจร
แต่สุดท้ายแพลตฟอร์มดังกล่าวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาคาดหวังไว้
เนื่องจากโมเดลธุรกิจของพวกเขานั้นไม่มีความชัดเจน ไม่ได้มีการวางแผนมาอย่างดี
และไม่ได้ทำการสำรวจตลาดมาก่อน
จึงทำให้พวกเขาต้องขาดทุนกว่า 1 แสนบาท
ซึ่งถือเป็นเงินที่ค่อนข้างมากสำหรับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
สุดท้ายพวกเขาก็ต้องล้มเลิกกิจการ Traf-O-Data ไปในที่สุด
แทนที่ทั้งสองจะรู้สึกท้อ และผิดหวังจากความล้มเหลวครั้งนี้
แต่พวกเขากลับได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดในครั้งแรกที่ไม่ได้วางแผนมาอย่างดีพอ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้พวกเขาได้เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Microsoft
โดยการนำเอาความล้มเหลวและข้อผิดพลาดต่าง ๆ มาเป็นบทเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร หรือการวางโมเดลธุรกิจ
และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ความล้มเหลวจาก Traf-O-Data
ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงการทำงานของไมโครโพรเซสเซอร์ในการประมวลผลข้อมูลทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Microsoft
ความผิดพลาดดังกล่าวของพวกเขา นำมาซึ่งเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยม
ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ได้
ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวมาสักกี่ครั้งก็ตาม ซึ่งเมล็ดพันธุ์นั้นก็คือ Microsoft นั่นเอง
คนต่อมาที่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Nick Woodman ผู้ก่อตั้งบริษัท GoPro
โดย Nick Woodman ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป ที่อยากจะทำธุรกิจของตัวเองมากกว่าการเป็นลูกจ้าง
หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษา เขาก็ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ empowerall.com
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูก แต่ empowerall.com นั้นกลับไม่ประสบความสำเร็จตามที่เขาคาดหวังไว้
หลังจากล้มเหลวในครั้งแรกนั้น เขาก็ไม่ได้มัวแต่เสียเวลาจมอยู่กับความเสียใจจากความล้มเหลว
และได้ก่อตั้งบริษัทการตลาดที่มีชื่อว่า Funbag
ไม่ต้องแปลกใจถ้าเราจะไม่คุ้นกับชื่อบริษัทดังกล่าวทั้ง 2 แห่งเลย
เพราะบริษัททั้ง 2 แห่งของเขานั้น ล้มเหลวก่อนที่จะเป็นที่รู้จักเสียอีก
หลังจากที่เขาล้มเหลวมาแล้ว 2 ครั้ง
เขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดพักทุกอย่างไว้ชั่วคราว
และออกเดินทางไปเที่ยวที่ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย
และแล้วไอเดียการทำธุรกิจครั้งที่ 3 ของเขาก็ผุดขึ้นมาจากการที่เขากำลังโต้คลื่นอยู่
โดยเขาคิดว่า ถ้าทำกล้องที่สามารถใช้ได้สะดวกแม้ว่าจะอยู่บนกระดานโต้คลื่น หรือบนร่มชูชีพได้คงจะดีไม่น้อย ซึ่งนอกจากคุณภาพของรูปและวิดีโอจะต้องคมชัดแล้ว ตัวกล้องต้องมีความทนทานอีกด้วย
ด้วยแรงกายและแรงใจที่ล้นหลาม จึงทำให้เขาตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลังจากใช้เวลาออกแบบประมาณ 2 ปี กล้อง GoPro ก็ออกสู่ตลาด และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งจากบริษัทสัญชาติจีนที่สามารถผลิตกล้องแบบเดียวกันได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่ถ้าถามถึงคุณภาพแล้ว
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะพูดถึง GoPro มากกว่าอย่างแน่นอน
โดย คุณ Nick Woodman เคยกล่าวไว้ว่า “ผมหยุดคิดถึงวิธีการหาไอเดียธุรกิจต่าง ๆ แต่จะไปคิดเกี่ยวกับความหลงใหลในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่แทน” จากประโยคนี้เอง จึงไม่แปลกว่าทำไมสิ่งที่เขาหลงใหลอย่างการทำกล้องบันทึกวิดีโอที่ทนทานและมีคุณภาพจึงประสบความสำเร็จ
ถ้าเราสังเกตดี ๆ ทั้ง 3 คนนี้มีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ความกระหายอยากที่จะประสบความสำเร็จ
ต่อให้พวกเขาจะล้มสักกี่ครั้ง ความกระหายของพวกเขาจะทำให้ขาของพวกเขามีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง
เป็นปกติ ที่เราจะต้องมีความรู้สึกเสียใจกับความล้มเหลว
แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่เราจะก้าวข้ามความล้มเหลวเหล่านั้น
ถึงแม้ว่ามันอาจจะยากเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำไม่ได้
คนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่อยู่จุดเดิมแตกต่างกันตรงที่
คนที่สำเร็จจะมีแรงพอที่จะลุกขึ้นจากความล้มเหลวเสมอ
ในขณะที่คนที่ยังจมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาดจะไม่สามารถก้าวผ่านความล้มเหลวไปได้เลย
ที่สำคัญก็คือคนที่สำเร็จจะถามตัวเองทุกครั้งเวลาพบเจอกับความล้มเหลวว่า
เราได้เรียนรู้อะไรกับความล้มเหลวครั้งนี้บ้าง
ขอปิดท้ายด้วยคาถาที่ทำให้เราอาจจะกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ และไม่กลัวความล้มเหลวอีก
นั่นก็คือ “YOLO” หรือ You only live once
ดังนั้น เมื่อเรามีแค่ชีวิตเดียว เราจะเลือกสู้และทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อให้เราไปสู่จุดหมาย
หรือเราจะใช้ชีวิตเดิม ๆ เกิดมาอย่างไรก็เป็นแบบนั้น สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกแบบไหน..
References
-https://www.business.com/articles/never-giving-up-9-entrepreneurs-and-millionaires-who-failed-at-least-once/
-https://blog.myneurogym.com/11-wildly-successful-entrepreneurs-who-failed-first
-https://www.fastcompany.com/90217870/4-famous-failures-that-became-massive-successes
-https://www.linkedin.com/pulse/jeff-bezos-4-other-entrepreneurs-who-failed-big-before-ojus-sharma
-https://www.linkedin.com/pulse/jeff-bezos-4-other-entrepreneurs-who-failed-big-before-ojus-sharma
-https://www.qualitylogoproducts.com/blog/8-successful-entrepreneurs-who-experienced-failure/
-https://failfection.com/how-bill-gates-failed-before-he-became-successful/
-http://www.failurethebook.com/2016/10/11/nick-woodmans-failures-before-gopro/
-https://www.bigspeak.com/speakers/nick-woodman/
ถ้าเราเป็นหนึ่งคนที่ลงมือทำอะไรสักอย่างที่สำคัญต่อชีวิตเรา
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือจะเป็นการทำธุรกิจของตัวเอง
ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน เราอาจจะต้องพบเจอกับความล้มเหลวอย่างไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้
อย่างการถูกไล่ออก หรือธุรกิจของเราประสบปัญหาอย่างหนักจนทำให้ต้องปิดตัวลง
แต่คำถามสำคัญคือ ถ้าเราเจอสถานการณ์เช่นนี้ เราจะสามารถกลับมายืนขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร ?
แน่นอนว่าความล้มเหลวไม่ได้เจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทุกคนต่างมีโอกาสทำผิดพลาดในชีวิตของตัวเองที่นำไปสู่ความล้มเหลวกันทั้งนั้น
ต่อให้คนคนนั้นจะเป็น CEO ระดับโลกก็ตาม
ในเมื่อทุกคนมีโอกาสเจอกับความล้มเหลว
แต่ทำไมบางคนถึงสามารถก้าวผ่านมันไปได้ และบางคนยังคงนั่งเสียใจอยู่ที่มุมห้อง
เพราะความผิดพลาดและความล้มเหลวนั้นคือทางผ่านไปสู่ความสำเร็จ
และในเมื่อเราเจอกับความล้มเหลวแล้ว ต้องถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง
ดังนั้น เราลองมาดูตัวอย่างความล้มเหลวของ CEO ระดับโลกกัน
ว่าพวกเขามีวิธีการคิด และวิธีการก้าวผ่านความล้มเหลวต่าง ๆ ของพวกเขาได้อย่างไร
วันนี้ THE BRIEFCASE จะหยิบยกตัวอย่างวิธีการก้าวผ่านความล้มเหลวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
ระดับโลกมาสรุปให้ฟังกัน
มาเริ่มกันที่ Bill Gates และ Paul Allen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft
อาณาจักร Microsoft ที่พวกเขาสร้างมาจนถึงทุกวันนี้นั้น
สามารถการันตีได้ว่าพวกเขาคือ 2 ในบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่จะมีการตอกเสาเข็ม Microsoft จนเป็นรูปเป็นร่าง และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้น
พวกเขาเคยล้มเหลวกับการทำธุรกิจมาก่อน
โดย Bill Gates ในวัย 17 ปี และ Paul Allen ในวัย 19 ปีนั้น ได้ร่วมกันก่อตั้งแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Traf-O-Data ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลการจราจรบนถนน และส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับวิศวกรจราจร
แต่สุดท้ายแพลตฟอร์มดังกล่าวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาคาดหวังไว้
เนื่องจากโมเดลธุรกิจของพวกเขานั้นไม่มีความชัดเจน ไม่ได้มีการวางแผนมาอย่างดี
และไม่ได้ทำการสำรวจตลาดมาก่อน
จึงทำให้พวกเขาต้องขาดทุนกว่า 1 แสนบาท
ซึ่งถือเป็นเงินที่ค่อนข้างมากสำหรับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
สุดท้ายพวกเขาก็ต้องล้มเลิกกิจการ Traf-O-Data ไปในที่สุด
แทนที่ทั้งสองจะรู้สึกท้อ และผิดหวังจากความล้มเหลวครั้งนี้
แต่พวกเขากลับได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดในครั้งแรกที่ไม่ได้วางแผนมาอย่างดีพอ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้พวกเขาได้เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Microsoft
โดยการนำเอาความล้มเหลวและข้อผิดพลาดต่าง ๆ มาเป็นบทเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร หรือการวางโมเดลธุรกิจ
และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ความล้มเหลวจาก Traf-O-Data
ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงการทำงานของไมโครโพรเซสเซอร์ในการประมวลผลข้อมูลทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Microsoft
ความผิดพลาดดังกล่าวของพวกเขา นำมาซึ่งเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยม
ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ได้
ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวมาสักกี่ครั้งก็ตาม ซึ่งเมล็ดพันธุ์นั้นก็คือ Microsoft นั่นเอง
คนต่อมาที่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Nick Woodman ผู้ก่อตั้งบริษัท GoPro
โดย Nick Woodman ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป ที่อยากจะทำธุรกิจของตัวเองมากกว่าการเป็นลูกจ้าง
หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษา เขาก็ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ empowerall.com
ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูก แต่ empowerall.com นั้นกลับไม่ประสบความสำเร็จตามที่เขาคาดหวังไว้
หลังจากล้มเหลวในครั้งแรกนั้น เขาก็ไม่ได้มัวแต่เสียเวลาจมอยู่กับความเสียใจจากความล้มเหลว
และได้ก่อตั้งบริษัทการตลาดที่มีชื่อว่า Funbag
ไม่ต้องแปลกใจถ้าเราจะไม่คุ้นกับชื่อบริษัทดังกล่าวทั้ง 2 แห่งเลย
เพราะบริษัททั้ง 2 แห่งของเขานั้น ล้มเหลวก่อนที่จะเป็นที่รู้จักเสียอีก
หลังจากที่เขาล้มเหลวมาแล้ว 2 ครั้ง
เขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดพักทุกอย่างไว้ชั่วคราว
และออกเดินทางไปเที่ยวที่ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย
และแล้วไอเดียการทำธุรกิจครั้งที่ 3 ของเขาก็ผุดขึ้นมาจากการที่เขากำลังโต้คลื่นอยู่
โดยเขาคิดว่า ถ้าทำกล้องที่สามารถใช้ได้สะดวกแม้ว่าจะอยู่บนกระดานโต้คลื่น หรือบนร่มชูชีพได้คงจะดีไม่น้อย ซึ่งนอกจากคุณภาพของรูปและวิดีโอจะต้องคมชัดแล้ว ตัวกล้องต้องมีความทนทานอีกด้วย
ด้วยแรงกายและแรงใจที่ล้นหลาม จึงทำให้เขาตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลังจากใช้เวลาออกแบบประมาณ 2 ปี กล้อง GoPro ก็ออกสู่ตลาด และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งจากบริษัทสัญชาติจีนที่สามารถผลิตกล้องแบบเดียวกันได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่ถ้าถามถึงคุณภาพแล้ว
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะพูดถึง GoPro มากกว่าอย่างแน่นอน
โดย คุณ Nick Woodman เคยกล่าวไว้ว่า “ผมหยุดคิดถึงวิธีการหาไอเดียธุรกิจต่าง ๆ แต่จะไปคิดเกี่ยวกับความหลงใหลในสิ่งที่กำลังจะทำอยู่แทน” จากประโยคนี้เอง จึงไม่แปลกว่าทำไมสิ่งที่เขาหลงใหลอย่างการทำกล้องบันทึกวิดีโอที่ทนทานและมีคุณภาพจึงประสบความสำเร็จ
ถ้าเราสังเกตดี ๆ ทั้ง 3 คนนี้มีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ความกระหายอยากที่จะประสบความสำเร็จ
ต่อให้พวกเขาจะล้มสักกี่ครั้ง ความกระหายของพวกเขาจะทำให้ขาของพวกเขามีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง
เป็นปกติ ที่เราจะต้องมีความรู้สึกเสียใจกับความล้มเหลว
แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่เราจะก้าวข้ามความล้มเหลวเหล่านั้น
ถึงแม้ว่ามันอาจจะยากเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำไม่ได้
คนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่อยู่จุดเดิมแตกต่างกันตรงที่
คนที่สำเร็จจะมีแรงพอที่จะลุกขึ้นจากความล้มเหลวเสมอ
ในขณะที่คนที่ยังจมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาดจะไม่สามารถก้าวผ่านความล้มเหลวไปได้เลย
ที่สำคัญก็คือคนที่สำเร็จจะถามตัวเองทุกครั้งเวลาพบเจอกับความล้มเหลวว่า
เราได้เรียนรู้อะไรกับความล้มเหลวครั้งนี้บ้าง
ขอปิดท้ายด้วยคาถาที่ทำให้เราอาจจะกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ และไม่กลัวความล้มเหลวอีก
นั่นก็คือ “YOLO” หรือ You only live once
ดังนั้น เมื่อเรามีแค่ชีวิตเดียว เราจะเลือกสู้และทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อให้เราไปสู่จุดหมาย
หรือเราจะใช้ชีวิตเดิม ๆ เกิดมาอย่างไรก็เป็นแบบนั้น สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกแบบไหน..
References
-https://www.business.com/articles/never-giving-up-9-entrepreneurs-and-millionaires-who-failed-at-least-once/
-https://blog.myneurogym.com/11-wildly-successful-entrepreneurs-who-failed-first
-https://www.fastcompany.com/90217870/4-famous-failures-that-became-massive-successes
-https://www.linkedin.com/pulse/jeff-bezos-4-other-entrepreneurs-who-failed-big-before-ojus-sharma
-https://www.linkedin.com/pulse/jeff-bezos-4-other-entrepreneurs-who-failed-big-before-ojus-sharma
-https://www.qualitylogoproducts.com/blog/8-successful-entrepreneurs-who-experienced-failure/
-https://failfection.com/how-bill-gates-failed-before-he-became-successful/
-http://www.failurethebook.com/2016/10/11/nick-woodmans-failures-before-gopro/
-https://www.bigspeak.com/speakers/nick-woodman/