สรุปกลยุทธ์ Masstige ไอเดียทำแบรนด์ให้แมสขึ้น โดยไม่ต้องลดราคา สินค้าเดิม

สรุปกลยุทธ์ Masstige ไอเดียทำแบรนด์ให้แมสขึ้น โดยไม่ต้องลดราคา สินค้าเดิม

22 เม.ย. 2025
ปกติถ้าอยากให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น หลายครั้งหลายแบรนด์จะใช้วิธีลดราคาสินค้าลง เพื่อให้หลายคนจ่ายได้ง่ายขึ้น มาเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้ง่ายกว่าเดิม
แต่หลายครั้งที่การใช้วิธีลดราคา ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูด้อยลง ที่เห็นชัด ๆ คือ แบรนด์หรูหรือแบรนด์ที่วางตำแหน่งในตลาดแบบพรีเมียม
แล้วถ้าไม่ลดราคาสินค้าเดิม จะทำอย่างไรให้แบรนด์แมสขึ้น ?
มันก็จะมีเทคนิคที่ชื่อว่า Masstige
ซึ่ง BrandCase สรุปคำนี้ และวิธีการตัวอย่างให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
- กลยุทธ์ Masstige หมายถึง การออกแบบสินค้าใหม่ให้ คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น
พูดง่าย ๆ ก็คือทำให้สินค้าของเรานั้นมันแมสขึ้น แต่ก็ยังคงมี DNA มีสไตล์เดิมของแบรนด์
แล้วกลยุทธ์นี้มีวิธีใช้งานอย่างไร ? เรามาดูจากเคสแบรนด์หรู ที่ใช้วิธีนี้กัน
- ปกติแล้ว แบรนด์หรูส่วนใหญ่จะมี Entry Level หรือระดับราคาเริ่มต้น ที่ค่อนข้างสูง
อย่างเช่น กระเป๋าของแบรนด์หนึ่ง ราคาเริ่มต้นหลักหมื่นบาท หรือหลักแสนบาท
วิธีแก้เกมให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่รู้สึกว่าสินค้านั้นมีราคาที่สูงเกินไป
ก็คือการออกสินค้าใหม่ ที่มี Entry Level ต่ำลงมา
แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้เหมือนเดิม
ตัวอย่างเช่น
- แบรนด์หรูอย่าง Dior ที่ปกติเป็นแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องหนัง
ก็เริ่มเปิดไลน์ใหม่ ๆ อย่างเช่น เครื่องสำอาง ที่มีราคาถูกลงมา ไม่ว่าจะเป็น น้ำหอม ลิปสติก
โดยสินค้าเหล่านี้ มีราคาที่ไม่ได้สูงถึงขนาดหลักหมื่นบาท แสนบาท
แต่ก็ทำให้คนที่เคยติดตาม หรือคนที่อยากลองซื้อสินค้าแบรนด์นี้มานาน อาจจะเปิดใจลองสินค้าประเภทนี้ดูก่อน
ซึ่งข้อดีของการที่ทำสินค้าที่มี Entry Level ที่ลดลง และมีความแมสมากขึ้น
นอกจากจะทำให้แบรนด์นั้นจับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้แล้ว ยังเป็นเหมือนประตูเบิกทางให้ลูกค้า กล้าที่จะเริ่มมาสนใจสินค้าอื่น ๆ ในแบรนด์มากขึ้น

กรณีของ Dior ลูกค้าอาจจะเริ่มจากซื้อน้ำหอม แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็นเครื่องสำอางอื่น ๆ
เมื่อมีความคุ้นเคยกับแบรนด์ มีความผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น ก็อาจจะเริ่มอยากลองซื้อเป็น เครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ และอื่น ๆ ตามมา
นอกจากแบรนด์อย่าง Dior แล้วจริง ๆ ก็ยังมีแบรนด์หรูอีกหลายแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์นี้ อย่างเช่น Prada
Prada ออกแบบกระเป๋าแบบ Re-Edition โดยใช้ผ้าไนลอนแทนหนังแท้ ทำให้ราคาถูกลง
ทีนี้พอราคาถูกลง หลายคนที่เคยอยากได้กระเป๋า Prada รุ่นที่เป็นหนังแท้คล้าย ๆ กัน ก็อาจจะเปลี่ยนใจมาทดลองใช้เป็นรุ่นแบบผ้าไนลอนแทน เพราะราคาเข้าถึงง่ายกว่า
ซึ่งการทำแบบนี้ก็ช่วยให้ Prada สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
และก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งใบเบิกทางให้คนเปิดใจ เพื่อที่ว่าในอนาคตลูกค้าเหล่านี้จะสนใจ Prada แบบหนังแท้ หรือไลน์สินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์เพิ่มเติม
ซึ่งนี่คือไอเดียการทำ Masstige เทคนิคการลดราคาสินค้า ที่แบรนด์หรูส่วนใหญ่ชอบใช้
คือสินค้าเดิม ไม่ต้องลดราคา
แต่ใช้วิธีออกสินค้าใหม่ ที่สามารถทำราคาให้เข้าถึงง่าย แต่ยังคงภาพลักษณ์และ DNA ของแบรนด์ไว้ และได้ลูกค้าเพิ่ม..
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.