Hungry Hub สยายปีกสู่สิงคโปร์ ผนึกกำลัง Singapore Tourism Board (STB) ปั้นประสบการณ์กิน-เที่ยวระดับโลก ชูจุดแข็งงบคุมได้ทุกมื้อพร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด เจาะฐานลูกค้านักชิมและนักเดินทางทั่วโลก

Hungry Hub สยายปีกสู่สิงคโปร์ ผนึกกำลัง Singapore Tourism Board (STB) ปั้นประสบการณ์กิน-เที่ยวระดับโลก ชูจุดแข็งงบคุมได้ทุกมื้อพร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด เจาะฐานลูกค้านักชิมและนักเดินทางทั่วโลก

3 ธ.ค. 2024
เดินหน้ายกระดับวงการอาหารด้วยการจัดงาน “Hungry Hub Red Table Awards 2024”
เวทีประกาศรางวัลร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำที่สุดแห่งปี
Hungry Hub (ฮังกรี้ ฮับ) ผู้นำแพลตฟอร์มจองร้านอาหารและโรงแรมออนไลน์แบบ One Stop Service อันดับหนึ่งของไทย ประกาศความสำเร็จในปี 2024 พร้อมเดินหน้าลุยตลาดสิงคโปร์เต็มรูปแบบ
ด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Singapore Tourism Board (STB) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวไทยและมาเลเซีย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักเดินทางที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารที่คุ้มค่าในร้านอาหารระดับกลางถึงไฮเอนด์ในสิงคโปร์ เริ่มธันวาคมนี้
พร้อมเตรียมจัดงาน ประกาศรางวัล “Hungry Hub Red Table Awards 2024” ซึ่งถือเป็นงานประกาศรางวัลครั้งสำคัญเพื่อยกย่องและเชิดชูพันธมิตรธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมระดับแนวหน้าที่ร่วมสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมตลอดปี งานประกาศรางวัลในปีนี้นับว่าเป็นหนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Hungry Hub
โดยจะมีการมอบรางวัลอันทรงเกียรติกว่า 35 รางวัล แบ่งออกเป็น 8 หมวดหมู่ ซึ่งครอบคลุมทุกรูปแบบ ตั้งแต่ Best ChainRestaurant, Best Rooftop Restaurant, Best Fine Dining ไปจนถึง Rising Star Award ที่เน้นเชิดชูพาร์ทเนอร์ผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์อาหารสุดพิเศษให้ลูกค้าประทับใจ
นายสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Hungry Hub กล่าวว่า “การขยายธุรกิจครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับ Hungry Hub ในการเดินหน้าสู่การเป็น Online Travel Agent (OTA)
สำหรับร้านอาหารระดับโลก ด้วยการแบ่งกลุ่มผู้ใช้งาน 50% คนไทยและ 50% นักท่องเที่ยว เรามุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์การจองร้านอาหารที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า และความหลากหลาย
พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง Singapore Tourism Board เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดร้านอาหารในสิงคโปร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การเปิดตัว Hungry Hub ในสิงคโปร์ครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและมาเลเซียซึ่งเดินทางสู่สิงคโปร์
พร้อมเสนอทางเลือกการรับประทานอาหารในร้านระดับกลางถึงไฮเอนด์ในราคาที่คุ้มค่า ผ่านฟีเจอร์ควบคุมงบประมาณ (Budget-Controlled Dining) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hungry Hub จากความสำเร็จที่ผ่านมาในประเทศไทยเราร่วมมือกับร้านอาหารกว่า 1,700 แห่ง
รวมถึงร้านระดับ Michelin Star, Fine Dining และ Rooftop Dining ทั่วไทย ในการเข้าถึงกลุ่มนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้ Hungry Hub ยังสร้างปรากฏการณ์ในวงการด้วยการจับมือกับแพลตฟอร์มพันธมิตรระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีสิทธิเศษเฉพาะที่ Hungry Hub มอบให้กับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ด้วยแพ็กเกจ Exclusive Deals ที่เกี่ยวกับร้านอาหารที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มจองร้านอาหารเพียงอย่างเดียว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุม จากกกลยุทธ์ทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของพันธมิตร ทำให้เรามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการบุกตลาดสิงคโปร์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน และด้วยจำนวนชาวสิงคโปร์กว่า 30,000 คน
ที่เคยใช้ Hungry Hub ในการจองร้านอาหารในประเทศไทย Hungry Hub มีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้ใช้งานในสิงคโปร์ต่อไป โดยอาศัยเครือข่าย KOL และอินฟลูเอนเซอร์กว่า 300 คนทั่วโลก ที่จะช่วยสร้างการรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ร้านอาหารในเครือข่าย”
ความสำเร็จระดับโลกของ Hungry Hub ที่นำสู่ความร่วมมือครั้งสำคัญ การขยายธุรกิจครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Hungry Hub ในการก้าวสู่เวทีนานาชาติ หลังจากช่วยพันธมิตรร้านอาหารสร้างรายได้กว่า 3 พันล้านบาท และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน
ยอดจองสะสมมากกว่า 4 ล้านที่นั่ง เฉลี่ยรายจ่ายต่อครั้งมากกว่า 1,000 บาท และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ร้านอาหาร 1 ร้านได้สูงสุดกว่า 250 ล้านบาท ต่อปี และมี Top Customer หรือลูกค้าที่จองร้านอาหารผ่าน Hungry Hub จำนวนมากที่สุดในปี 2567 มากกว่า 85 ครั้งต่อปี ลูกค้ารายเดียวใช้จ่ายไปถึง 350,000 บาท
Hungry Hub เผยแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในประเทศไทยโตอีก 50% ภายในปี 2568 พร้อมขยายการบริการสู่ตลาดต่างประเทศ
โดยเริ่มต้นที่สิงคโปร์ในเดือนธันวาคม 2567 ด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Singapore Tourism Board (STB) Hungry Hub จะยกระดับประสบการณ์การจองร้านอาหารระดับพรีเมียมให้กับนักเดินทางไทยและมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง Hungry Hub
จะมุ่งสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการควบคุมงบประมาณได้ทุกมื้อในร้านอาหารระดับพรีเมียมและ mid-upper tier นอกจากนี้ Hungry Hub ยังได้ทำงานร่วมกับเครือข่าย KOL และอินฟลูเอนเซอร์กว่า 300 คนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้งานที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 200,000 คนในปี 2567 เพื่อโปรโมตร้านอาหารในเครือข่ายสิงคโปร์
Hungry Hub ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านการจองร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังพร้อมยกระดับประสบการณ์การกินและการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่ พร้อมตอกย้ำตำแหน่งผู้นำแพลตฟอร์มจองร้านอาหารชั้นนำแห่งอนาคต ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์การกินและการเดินทางระดับโลกอย่างไร้รอยต่อ
ด้านเทอเรนซ์ วูน ผู้อำนวยการบริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวถึงความสำคัญของอาหารในฐานะหนึ่งในจุดเด่นที่ดึงดูดการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ว่า “การรับประทานอาหารถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยสะท้อนถึงวัฒนธรรมและมรดกทางอาหารอันหลากหลายของเรา
ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก STB สังเกตเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยการใช้จ่ายในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึง 63% หลังสถานการณ์การระบาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความต้องการในประสบการณ์ด้านอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
การขยายธุรกิจของ Hungry Hub สู่สิงคโปร์นับเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นในการยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองเราให้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สำหรับนักเดินทางที่รักในรสชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสประสบการณ์ในร้านอาหารชื่อดังที่ได้รับรางวัลมากมายหรือเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของร้านฮอว์เกอร์ที่เปี่ยมเอกลักษณ์ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับผู้ที่ชื่นชอบการกินจากไทยและมาเลเซีย ให้มาร่วมค้นพบ สัมผัส และดื่มด่ำไปกับประสบการณ์อาหารอันโดดเด่นของสิงคโปร์”
พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Hungry Hub Red Table Awards 2024: รางวัลที่เป็นมากกว่าความสำเร็จก่อนการขยายตัวสู่สิงคโปร์ Hungry Hub จะจัดงาน “Hungry Hub Red Table Awards 2024” ซึ่ง
เป็นงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติที่ยกย่องพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารและการบริการอันยอดเยี่ยม รางวัลนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จ แต่ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพในการสร้างมาตรฐานใหม่ของพันธมิตร Hungry Hub
การตัดสินรางวัลคัดเลือกผ่านกระบวนการที่พิถีพิถันและคัดสรรมาอย่างดี อิงจากยอดจองสูงสุดในแต่ละหมวดหมู่ร้านอาหารตลอดปีที่ผ่านมา
โดยร้านอาหารและโรงแรมพันธมิตรกว่า 50 แห่ง ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในครั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ชนะรางวัลสะท้อนถึงความพึงพอใจของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ภายในงานมีการมอบรางวัลกว่า 35 รางวัลจาก 8 ประเภท ครอบคลุมทุกมิติของอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ อาทิ
•Best Buffet Restaurant สำหรับเครือร้านอาหารที่รักษามาตรฐานสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง
•Best Rooftop รางวัลสำหรับร้านอาหารที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารพร้อมวิวเหนือระดับ
•Best Fine Dining รางวัลที่เฉลิมฉลองความหรูหราและใส่ใจในรายละเอียด
•Rising Star Awards สำหรับพันธมิตรรายใหม่ที่มีการเติบโตและศักยภาพโดดเด่น
โดยมีร้านที่โดดเด่นได้รางวัล อาทิ Copper Beyond Buffet, Banyan Tree Hotel Bangkok , Audrey Café ภายในงานยังมีพาร์ทเนอร์จากร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำมากกว่า 300 รายเข้าร่วม อาทิ
กลุ่มร้านอาหารในเครือ โออิชิ , ร้านอาหาร Rib Room & Bar , โรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit , Jim Thompson, A Thai Restaurant ร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบการ
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของ Hungry Hub ที่ต้องการเป็นสร้างฮับพื้นที่เชื่อมต่อผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมสู่ระดับสากล
Hungry Hub Red Table Awards 2024 ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองความสำเร็จ แต่เป็นเวทีที่แสดงถึงความร่วมมือและความทุ่มเทของพันธมิตรที่ร่วมกันสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารและการบริการเติบโตไปอีกขั้น พร้อมสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
ร้านอาหารในสิงคโปร์ที่ร่วมรายการกับ Hungry Hub ได้แก่
1.Alma by Juan Amador
2.Path Restaurant
3.Imbue
4.WAKANUI Grill Dining
5.⁠The Spot
6.⁠ LeVeL33 Craft-Brewery Restaurant & Lounge
7.Super Thai by Soi Aroy l Pasir Panjang
8.⁠⁠Super Thai by Soi Aroy Upper Aljunied Rd
9.⁠Wild Blaze Steakhouse
10.⁠Thaiquet Southern Thai Restaurant
11.⁠⁠Kin Tub Thai Mookata
12.⁠⁠Imm Thai Fusion Bar & Bistro
13.⁠⁠Shrimp Prawn Seafood
14.⁠⁠Madison's at Pullman Singapore Hill Street
15.⁠⁠MOGA at Pullman Singapore Hill Street
⁠El Chido at Pullman Singapore Hill Street
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.