อธิบายโมเดลรายได้ MAJOR 9 เดือนแรกปีนี้ รายได้ 5,412 ล้าน กำไร 440 ล้าน

บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR เจ้าของโรงภาพยนตร์ Major Cineplex, EGV, Paragon Cineplex และ MEGA Cineplex เพิ่งรายงานผลประกอบการ ช่วง 9 เดือนแรก ของปีนี้

- รายได้ 5,412 ล้านบาท ลดลง 3.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

- กำไร 440 ล้านบาท ลดลง 39.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยรายได้ใน 9 เดือนแรกปี 2567 แยกตามสัดส่วนคือ

- ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 79.5%

- ธุรกิจโฆษณา 8.3%

- ธุรกิจโบว์ลิงและคาราโอเกะ 7.0%

- ธุรกิจให้เช่าและบริการ 3.6%

- ธุรกิจสื่อภาพยนตร์ 1.6% 

โดยสาเหตุหลักที่รายได้ลดลงคือ 

- ช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปี 2567 มีจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่ทำเงินน้อยลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาก

ตัวอย่างเช่น ในไตรมาส 2 ปี 2567 มีภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น หลานม่า, อนงค์, เทอม 3, Godzilla x Kong: The New Empire 

ในขณะที่ในไตรมาส 2 ปี 2566 ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศที่ทำเงินได้มากกว่า 

เช่น Fast and Furious X, Guardians of the Galaxy Vol. 3 และ Transformers: Rise of the Beasts

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์น้อยลง

ทำให้ MAJOR มีรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์น้อยลง และสูญเสียโอกาสในการขายสินค้าอย่างอื่นที่พ่วงกับการดูหนังด้วย 

อย่างเช่น อาหารและเครื่องดื่ม อย่างพ็อปคอร์นและน้ำอัดลม รวมไปถึง การขายโฆษณาก่อนหนังจะเริ่มฉายด้วยนั่นเอง

Reference

-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ไตรมาส 3 ปี 2567