สรุปอาณาจักร “เมกาซิตี้” เมืองใหม่ 70,000 ล้าน ที่ขยายตัวมาจาก “เมกาบางนา”

สรุปอาณาจักร “เมกาซิตี้” เมืองใหม่ 70,000 ล้าน ที่ขยายตัวมาจาก “เมกาบางนา”

15 ก.พ. 2024
สรุปอาณาจักร “เมกาซิตี้” เมืองใหม่ 70,000 ล้าน ที่ขยายตัวมาจาก “เมกาบางนา” | BrandCase
ตอนนี้รอบ ๆ นอกกรุงเทพมหานคร มีศูนย์การค้าระดับบิ๊ก อยู่เต็มไปหมดทั่วทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะเป็น
ย่านรังสิต ที่มีฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตย่านรามอินทรา ที่มีแฟชั่นไอส์แลนด์ย่านบางใหญ่ ที่มีเซ็นทรัลเวสต์เกต
หรือย่านบางนา ที่มีศูนย์การค้า “เมกาบางนา” เป็นศูนย์การค้าระดับบิ๊กในย่านบางนาเช่นกัน
แต่สำหรับตอนนี้ ก็ต้องบอกว่า เมกาบางนา ไม่ได้หยุดเพียงแค่การเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่
เช่นเดียวกับศูนย์การค้าในมุมเมืองอื่นเพียงอย่างเดียว
เพราะตอนนี้ เมกาบางนา กำลังจะขยายตัวเป็น “เมกาซิตี้”
คือเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ทั้งสวนสาธารณะ สถานบันเทิง โรงเรียนนานาชาติ ที่พักอาศัย และออฟฟิศ แบบครบ จบ ในที่เดียว
ซึ่งถ้า เมกาซิตี้ สร้างเสร็จทั้งโครงการ ก็จะมีมูลค่าถึง 70,000 ล้านบาท
แล้ว เมกาซิตี้ โครงการเมืองใหม่ 70,000 ล้านบาท ที่ขยายตัวจากเมกาบางนา น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ที่ดินขนาด 400 ไร่ ตรงหัวมุมถนนกาญจนาภิเษก
ตัดกับถนนบางนา-ตราด ข้าง ๆ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ยังคงเป็นที่ดินเปล่า ๆ..
จนกระทั่งที่ดินผืนนั้นก็เริ่มถูกพัฒนา ให้กลายเป็นอาณาจักรศูนย์การค้าแนวราบ นั่นก็คือ เมกาบางนา และอิเกีย ที่ชาวบางนาและชาวจังหวัดสมุทรปราการ คุ้นเคยกันดี
โดยผู้ปลุกปั้นศูนย์การค้าเมกาบางนาและอิเกีย ก็คือ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่
บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF เป็นบริษัทพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา
โดยถือหุ้นในสัดส่วน 49%
(SF ถูกควบรวมไปอยู่ภายใต้ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เมื่อปี 2564)บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายสินค้า IKEA ในประเทศไทย
โดยถือหุ้นในสัดส่วน 49%บริษัท เอส.พี.เอส โกลเบิลเทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้กับ IKEA โดยถือหุ้นในสัดส่วน 2%
โดยห้างอิเกีย ได้เปิดให้บริการก่อน เมื่อปี 2554
ตามด้วยตัวศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดให้บริการปี 2555
และนับว่าเป็นศูนย์การค้าแนวราบ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากที่ ศูนย์การค้าเมกาบางนาและอิเกีย ได้เปิดตัวเพียงไม่กี่ปี ก็ได้รับผลตอบรับดีมาก ๆ โดยมีลูกค้าเข้ามาช็อปปิงมากถึงปีละ หลายสิบล้านคน
เพราะตัวศูนย์การค้า ได้สร้างออกไปทางชานเมือง บนถนนบางนา-ตราด
ซึ่งเป็นทำเลที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก ที่อาศัยอยู่ในย่านนั้น
และกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง จากการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ในแถบจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรีได้พอดี
โดยผู้เช่ารายใหญ่ของเมกาบางนาและอิเกียในตอนนั้น ก็เป็นห้างสรรพสินค้าอย่าง
Robinson, Big C, HomePro, Mega Cineplex และ TOPS
ในเวลาต่อมา เมกาบางนา ก็ได้ขยายศูนย์การค้าโซนใหม่ออกไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนร้านค้าให้มากขึ้น
โดยเริ่มตั้งแต่
ขยายโซน MEGA Foodwalk ในปี 2560
โดยเป็นโซนเอาต์ดอร์ขนาด 4 ชั้น ที่รวบรวมร้านอาหารและคาเฟที่หลากหลายกว่า 165 ร้านค้า บนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้ภายในโซนชั้นล่าง ก็ยังเป็นโซนเอาต์ดอร์สำหรับแฮงเอาต์ มีร้านนั่งชิลตอนดึก ๆ หลายร้าน
คล้าย ๆ กับ Groove แหล่งนั่งชิลและแฮงเอาต์ยามดึก ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
เปิดโซน MEGA Smart kids ในปี 2562
เป็นโซนที่ทำขึ้นมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โดยมีศูนย์การเรียนรู้ครบวงจรสำหรับเด็ก
เช่น โรงเรียนกวดวิชาต่าง ๆ และสวนสนุก MEGA Harborland ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นในร่ม ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก บนพื้นที่รวมกว่า 8,000 ตร.ม.
พร้อมกับเปิดโซน MEGA Park ขึ้นในปีเดียวกัน
ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาด 7 ไร่ สำหรับให้คนที่มาช็อปปิง หรือคนที่อยู่ในละแวกนั้นมาพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมกับพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นได้
รีแบรนด์จากห้างโรบินสัน เป็นห้างเซ็นทรัลในปี 2563
และขยายห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จากพื้นที่ห้าง 14,000 ตารางเมตร เป็น 26,000 ตารางเมตรในปี 2566
ซึ่งหลังจากที่เมกาบางนา ได้ขยายโซนใหม่ ๆ แล้ว ทำให้ศูนย์การค้า มีคนมาใช้บริการมากกว่า 50 ล้านคนต่อปี
และก็ต้องบอกว่า ทุกครั้งที่เมกาบางนา ได้ขยายศูนย์การค้าหรือเปิดโซนใหม่ ๆ ก็จะมีร้านค้าแบรนด์ดัง ต่างมาจับจองพื้นที่ในโซนต่าง ๆ ของเมกาบางนา
จนทำให้ศูนย์การค้าเมกาบางนา มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ตลอด
โดยปัจจุบัน ทั้งตัวศูนย์การค้ามีพื้นที่รวมกว่า 670,000 ตารางเมตร
มีพื้นที่เช่ากว่า 180,000 ตารางเมตร มีร้านค้าที่มาเช่าพื้นที่มากกว่า 900 ร้านค้า
ด้วยจำนวนร้านเช่าขนาดนี้ ทำให้เมกาบางนา
เป็นศูนย์การค้าที่มีร้านค้ามาเช่าพื้นที่ มากกว่าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เสียอีก
นอกจากตัวศูนย์การค้า เมกาบางนา แล้ว
ทาง บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ยังมีที่ดินว่างรอบ ๆ เมกาบางนา
เพื่อพัฒนาเป็นโครงการต่าง ๆ มากถึง 150 ไร่
โดยทาง บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF
ก็ยังเปิดโอกาสให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าอื่น ๆ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่
ด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการ ซื้อ เช่า หรือร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่นั่นเอง
ซึ่งโครงการต่าง ๆ ก็ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นคอนโดมิเนียมหรือออฟฟิศเท่านั้น
แต่อาจจะเป็นโครงการอื่น ๆ เช่น สถานศึกษา สถานบันเทิง หรือ Wellness Center ก็ได้
เพื่อทำให้โครงการ เมกาซิตี้ มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
โดยยกตัวอย่างโครงการที่ได้เปิดไปแล้ว ก็อย่างเช่น
สถานศึกษา อย่างโรงเรียนนานาชาติ D-PREP International School
ซึ่งถือเป็นโรงเรียนนานาชาติในศูนย์การค้า แห่งแรกของประเทศไทย
โดยตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับโซน MEGA Smart Kids ได้เริ่มเปิดสอนตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งชั้นเรียน ก็จะมีตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาลหรือ Nursery ถึงเกรด 12
โดยโรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ ได้นำหลักสูตร Expeditionary Learning System ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียน
ที่เน้นให้นักเรียนหาความรู้เชิงลึก และทดลองทำด้วยตัวเอง มาใช้ในการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในอาเซียน
TOPGOLF เป็นสนามกอล์ฟในร่ม ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงระดับโลก บนพื้นที่กว่า 29 ไร่
โดยสนามกอล์ฟในร่มของ TOPGOLF ก็จะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีเบย์สำหรับตีกอล์ฟกว่า 102 เบย์
ซึ่งในแต่ละเบย์ ก็จะมีโต๊ะนั่งและโซฟาด้านหลังสำหรับพักผ่อน หรือสั่งอาหารทานเล่นได้
นอกจาก TOPGOLF จะเป็นสถานที่ไว้สำหรับตีกอล์ฟ และสถานที่ผ่อนคลายในร่มแล้ว
TOPGOLF ยังเป็นสถานที่ไว้สำหรับกิน ดื่ม และสังสรรค์ได้ครบวงจร
คือมีสปอร์ตบาร์ ที่เป็นบาร์ไว้สำหรับนั่งดื่ม เพื่อดูกีฬาต่าง ๆ เช่น ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล หรือรักบี้
ไปจนถึงห้องจัดเลี้ยง ที่ไว้สำหรับจัดงานปาร์ตี หรืออิเวนต์ได้ด้วย
ซึ่งปัจจุบัน TOPGOLF เมกาซิตี้ เป็นสาขาแรก และสาขาเดียวในอาเซียน
ที่สามารถใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย กิน ดื่ม จัดอิเวนต์ หรือสังสรรค์ได้ ครบ จบ ในที่เดียว
นอกจากจะมีทั้งโรงเรียนนานาชาติ และแหล่งรวมความบันเทิงแล้ว
ในตอนนี้ ก็มีโครงการคอนโดมิเนียม อย่างโครงการ A Space MEGA 1 ที่เปิดให้พร้อมอยู่แล้ว
และโครงการ A Space MEGA 2 และ NOWW MEGA ที่กำลังก่อสร้าง
โดยผู้ที่เริ่มพัฒนาคอนโดมิเนียมทั้ง 3 โครงการดังกล่าวนี้
คือ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์หลัก ๆ ชื่อ Areeya นั่นเอง
ซึ่งในปัจจุบันโครงการเมกาซิตี้ ยังคงมีที่ดินว่าง เพื่อรอพัฒนาเป็นโครงการต่าง ๆ อีกกว่า 30 แปลงด้วยกัน
ซึ่งข้อมูลจากเว็บไซต์ประชาชาติ ได้มีการคาดการณ์ว่า
ถ้าเมืองใหม่ “เมกาซิตี้” เสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการ จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท
และจะทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการมากถึงปีละ 90 ล้านคนเลยทีเดียว..
สำหรับโครงการเมกาซิตี้ ก็เป็นจิกซอว์อีกตัวหนึ่งบนถนนบางนาตราด ที่กำลังจะมีอีกหลาย ๆ โครงการระดับหมื่นล้านบาท เกิดขึ้นบนถนนสายนี้ ไม่ว่าจะเป็น
โครงการ Bangkok Mall ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป มูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาทโครงการ The Forestias ของ MQDC มูลค่าโครงการกว่า 125,000 ล้านบาท
ซึ่งเราก็ต้องดูต่อไปว่า โครงการระดับหมื่นล้านบาทเหล่านี้
จะพลิกโฉมการค้าย่านถนนบางนา-ตราด ให้ดีขึ้นมากแค่ไหน..
References
-https://www.atmegacity.com/opportunities
-https://www.prachachat.net/property/news-380561
-https://topgolfthailand.com/th/what-is-topgolf/
-https://www.longtunman.com/4868
-ยูทูบ บางนาเมืองใหม่ อาณาจักร MEGA CITY ข้างในมีอะไรบ้าง? โดย Condoweb
-รายงานประจำปี บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ปี 2565
-https://www.dprep.ac.th/th/our-school/welcome-message/
-https://propholic.com/prop-verdict/noww-mega/
-https://areeya.co.th/about/overview/
-https://www.mega-bangna.com/contact-us
-https://positioningmag.com/1384893
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.