“เดอะ คอฟฟี่ คลับ” ดัน 3 กลยุทธ์ส่งท้ายปี “เล่มเมนูใหม่-เทศกาลพิเศษ-โปรโมชันเด็ด” ผลักยอดขายโตต่อเนื่องย้ำภาพ Neighborhood Café ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

“เดอะ คอฟฟี่ คลับ” ดัน 3 กลยุทธ์ส่งท้ายปี “เล่มเมนูใหม่-เทศกาลพิเศษ-โปรโมชันเด็ด” ผลักยอดขายโตต่อเนื่องย้ำภาพ Neighborhood Café ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

9 พ.ย. 2023
เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) ย้ำภาพผู้นำธุรกิจร้านออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลีย ด้วยภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง
จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมรับอานิสงส์ของการเติบโตในช่วงเทศกาลสิ้นปีที่ถือเป็นไฮซีซั่น ด้วยการเดินหน้า 3 กลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขาย ประกอบไปด้วย
“การยกเครื่องเล่มเมนูของร้าน”
ที่มาพร้อมเมนูใหม่ทั้งอาหารจานหลักและขนมหวาน รวมถึงนำเมนูพิเศษที่ได้รับผลตอบรับดีจากผู้บริโภคกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง
“การนำเสนอความพิเศษช่วงเทศกาล”
ผ่านการตกแต่งร้านและเมนูพิเศษต้อนรับกลิ่นอายเฟสทีฟ
“โปรโมชันและสิทธิพิเศษ” เพื่อกระตุ้นการสมัครสมาชิกและใช้งานแอปพลิเคชัน The Coffee Club
ซึ่งจากการดำเนินการทั้งหมด คาดการณ์ว่าจะทำให้ เดอะ คอฟฟี่ คลับ สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจที่วางแผนไว้
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ปัจจุบัน เดอะ คอฟฟี่ คลับ ดำเนินธุรกิจในฐานะคาเฟ่และร้านอาหารออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลีย พร้อมให้บริการครบครันทั้งอาหาร เบเกอรี่ ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ในบรรยากาศร้านที่น่าประทับใจ ภายใต้คอนเซปต์ “โมเมนต์ดี ๆ มีได้ทุกวัน”
ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 ทางร้านมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นผู้นำร้านอาหารประเภทออลเดย์ไดนิ่งของประเทศไทย ด้วยการขยายการรับรู้ของร้านไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ (Potential Customers) ผ่านการเปิดตัวร้านสาขาใหม่
โดยเฉพาะพื้นที่ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวในหลากหลายคอนเซปต์ ตั้งแต่ร้านอาหารเต็มรูปแบบ หน้าร้านแบบ Grab & Go ไปจนถึงร้านสไตล์คาเฟ่ที่เน้นให้บริการเครื่องดื่ม เบเกอรี และขนมหวาน เพื่อเป็น Neighborhood Café ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
และล่าสุดได้เปิดตัวร้านสาขาใหม่ ณ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท 55 ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่เมนูเอ็กซ์คลูซีฟประจำสาขาและการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้ยังมีการรีโนเวทร้านสาขาเดิม ให้สวยงามและมีบรรยากาศน่านั่งมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการเป็นแลนด์มาร์กในการนัดพบกัน
ตลอดจนการนำเสนอเมนูใหม่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมนูประจำเทศกาลสำคัญ เมนูทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ไปจนถึงเมนูจากวัตถุดิบที่สนับสนุนความยั่งยืนด้านซัพพลายเชน เช่น ไข่ไก่จากแหล่งผลิตที่ไม่ใช้กรงขัง (Cage Free Eggs) เป็นต้น
ซึ่งจากการดำเนินกลยุทธ์ทั้งหมด ส่งผลให้ใน 10 เดือนแรกของปี 2566 เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีการเติบโตราว 40% ปัจจุบันมีสาขารวมทั่วประเทศ 40 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 21 สาขา และสาขาจังหวัดท่องเที่ยว 19 สาขา โดยคิดเป็นสัดส่วนของลูกค้าไทย 40% ต่างชาติ 60%
อีกทั้งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในช่วงไฮซีซัน ทั้งจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศ รวมไปถึงเม็ดเงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย
จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวจึงได้วางกลยุทธ์เพื่อเร่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ประกอบไปด้วย
การยกเครื่องเล่มเมนูใหม่
นอกจากการนำเสนอเมนูอาหาร เบเกอรี ขนมหวาน และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประจำร้าน ภายในเล่มเมนูใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ทันสมัย และง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น (User-friendly) เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังจัดเต็มเมนูอาหาร และเครื่องดื่มใหม่ ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกว่า 10 เมนู ไม่ว่าจะเป็น
Thai Pasta Edition: พาสตาสไตล์ไทย 3 รายการ ได้แก่Spicy Sausage Pasta (สปาเก็ตตี้ไส้กรอกผัดพริกแห้ง)Spicy Stir-Fried Crispy Pork Pasta (สปาเก็ตตี้หมูกรอบผัดขี้เมา)Prawn Tom Yum Pasta (สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง) ซึ่งเป็นเมนูที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน Master Champion ครั้งล่าสุดSignature Flat Grills: เมนูอาหารว่างยอดนิยมอย่างแฟตกริลล์ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยในรสชาติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Flat Grills 4 Cheese (แฟลตต์กริลล์โฟร์ชีส) Flat Grills 4 Cheese and Truffle Mushroom (แฟลตต์กริลล์โฟร์ชีสและเห็ดทรัฟเฟิล) และ Flat Grills BBQ Chicken (แฟลตต์กริลล์ไก่บาร์บีคิว)New Beverages: พบกับทัพเมนูเครื่องดื่มใหม่หลากหลายรายการ ทั้งเครื่องดื่มน้ำตาลต่ำอย่าง Watermelon Frappe (แฟรปเป้แตงโม) Ceylon Milk Tea with Brown Sugar Konjac (ชานมซีลอนใส่บุกบราวน์ชูการ์) รวมไปถึงเมนูโซดาเย็นชื่นใจอย่าง Sakura Grapefruit Fizzy Soda (ซากุระเกรปฟรุ๊ตฟิซซีโซดา)Green-licious: เมนูทางเลือกสุขภาพจำกัดระยะเวลาจำหน่ายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้า ได้รับการบรรจุลงในเล่มเมนูใหม่ มาครบทั้งเมนูอาหารจานหลักอย่าง
The Veggie Big Breakfast (เมนูอาหารเช้ามังสวิรัติสำหรับคนรักสุขภาพ)
Smoked Salmon & Fresh Avocado Brekkie (แซลมอนรมควัน เสิร์ฟบนแฮชบราวน์และอะโวคาโด)
Kale Salad with Grilled Chicken & Avocado (สลัดเคลสด เสิร์ฟพร้อมอกไก่และอะโวคาโด)
รวมถึงเมนูเครื่องดื่มสุดเฮลท์ธีอย่าง
Coffee Protein Frappe (กาแฟปั่นนมอัลมอนด์และเวย์โปรตีน)
Green Goodness Smoothie (นมมะพร้าวแพลนต์เบส)
Chunky Monkey (นมโอ๊ตช็อกโกแลตปั่นพร้อมกล้วยหอม)
การรังสรรค์ความพิเศษต้อนรับสิ้นปี
เพื่อตอบรับสีสันแห่งการเฉลิมฉลอง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วง 2 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปี เดอะ คอฟฟี่ คลับ เตรียมส่งความตื่นตาตื่นใจจากการตกแต่งร้านในลุคใหม่
และการเสิร์ฟเมนูที่คิดค้นสำหรับช่วงเทศกาล ที่จะเนรมิตประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่งสุดตราตรึง ทั้งในวันลอยกระทง เทศกาลคริสต์มาส ไปจนถึงกิจกรรมดินเนอร์เคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นต้น
โปรโมชันและสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก
นอกจากโปรโมชันบัตรเครดิตสำหรับเมนูที่ร่วมรายการ ในเดือนพฤศจิกายนทางร้านยังได้จัดโปรโมชันพิเศษ ลูกค้าใหม่สามารถแลกรับเครื่องดื่มฟรี 2 แก้ว เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The Coffee Club Thailand ขณะที่ลูกค้าเก่าสามารถรับสิทธิ์รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว ฯลฯ
ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดการสมัครสมาชิกของร้านได้เป็นไปตามเป้าที่ 150,000 ราย
นอกจากการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังให้ความสำคัญกับการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม
รวมถึงเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค (Brand Equity) ด้วยการพัฒนา ลอยัลตีโปรแกรม ที่แข็งแกร่ง อาทิ สิทธิพิเศษประจำเดือนเกิด หรือจะเป็นโปรแกรม Coffee Subscription แลกซื้อเครื่องดื่มได้ถึง 10 แก้ว ต่อเดือน ในราคาเพียง 590 บาท
รวมถึงการสะสมพอยท์เพื่อแลกรับส่วนลด เมนูอาหารฟรี หรือสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟบนแอปพลิเคชัน The Coffee Club Thailand เป็นการส่งมอบความคุ้มค่าที่เหนือกว่าสำหรับผู้บริโภคที่มาใช้บริการเป็นประจำ
“จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่ง เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอกย้ำตำแหน่งผู้นำร้านออลเดย์ไดนิ่งชั้นนำ ที่เป็น Neighborhood Café สำหรับลูกค้าคนไทยและต่างชาติ
ที่ไม่ว่าจะมาช่วงเวลาไหนหรือวันใด ทุกคนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ในทุกวันทุกโอกาส” นางนงชนก กล่าวทิ้งท้าย
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.