SCGP รายได้ 9 เดือนแรก โต 26% ตั้งเป้า ดันรายได้ทั้งปี แตะ 150,000 ล้านบาท

SCGP รายได้ 9 เดือนแรก โต 26% ตั้งเป้า ดันรายได้ทั้งปี แตะ 150,000 ล้านบาท

2 พ.ย. 2022
SCGP รายได้ 9 เดือนแรก โต 26% ตั้งเป้า ดันรายได้ทั้งปี แตะ 150,000 ล้านบาท | BrandCase
ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศ เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 มาเป็นเวลากว่า 2 ปี
หลาย ๆ ธุรกิจ เริ่มกลับมาให้บริการ หรือกลับมาให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม และห้างสรรพสินค้า
ซึ่งเรื่องนี้ แน่นอนว่าก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจบรรจุภัณฑ์ด้วย
โดยล่าสุด อ้างอิงจากบริษัทบรรจุภัณฑ์รายใหญ่อย่าง บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่ได้ออกมาเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2565
โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ คือ
- รายได้ในรอบ 9 เดือน เติบโตขึ้น 26%
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา SCGP มีรายได้จากการขายทั้งหมด 112,559 ล้านบาท
หรือคิดเป็นการเติบโตกว่า 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนรายได้จากการขาย ในช่วงไตรมาสที่ 3 นั้น อยู่ที่ 37,943 ล้านบาท
เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19%
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้จากขายของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรก แบ่งเป็น
- สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร 82%
- สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ 16%
- สายธุรกิจรีไซเคิล และอื่น ๆ 2%
และเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้รายได้ในส่วนของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร
ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทนั้น เติบโตถึง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
แล้วในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา SCGP ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
1. มีการทำ Merger & Partnership (M&P) กับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ
โดยในช่วงที่ผ่านมา SCGP ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในต่างประเทศ เช่น
- เข้าซื้อหุ้น บริษัท Peute Recycling B.V. (Peute) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล ครอบคลุมทั้ง กระดาษรีไซเคิลและพลาสติกรีไซเคิล จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ในสัดส่วน 100% ด้วยเงินลงทุน 2,875 ล้านบาท
- เข้าซื้อหุ้น บริษัท Jordan Trading Inc. (Jordan) ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดหาและจำหน่ายวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัดส่วน 90.1% ด้วยเงินลงทุน 73 ล้านบาท
ผลจากการลงทุนทั้งหมดนี้ จะทำให้ SCGP สามารถขยายฐานลูกค้า และเครือข่ายจัดหาวัตถุดิบในตลาดสำคัญ
นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของ Know-How, การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี พร้อมร่วมกันพัฒนาช่องทางขยายกลุ่มลูกค้าไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ อีกด้วย
อย่างกรณีของการลงทุนใน Jordan จะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบกล่องกระดาษใช้แล้วคุณภาพสูงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษได้โดยตรง
2. เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมเพิ่มโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์
โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ บริษัทได้วางแผนจัดสรรงบประมาณ ในการทำวิจัยและพัฒนา คิดเป็นสัดส่วน 0.3% ของรายได้ เพื่อศึกษาค้นคว้านวัตกรรมใหม่ ๆ
นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้จับมือกับ 3 พันธมิตรผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของไทย เพื่อนำผลิตภัณฑ์วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จาก Deltalab มาขยายตลาดในประเทศและภูมิภาคอื่น ๆ เป็นการเพิ่มทางเลือกบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภค
สอดคล้องกับเทรนด์รักสุขภาพ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่า จะดันรายได้ให้แตะ 150,000 ล้านบาท จากการประมาณการ ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลในไตรมาสที่ 4 นี้
ส่วนแผนในอนาคต บริษัทจะยังคงเน้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์ M&P ต่อไป
เนื่องจากกลยุทธ์นี้ ถือเป็นการลงทุนที่รวดเร็ว มีระยะเวลาคืนทุนน้อย เพราะลงทุนแล้วเห็นผลได้ทันที
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสอดรับกับเทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบัน ทางบริษัทยังคงเน้นการเติบโตตามแนวคิด ESG 4 Plus ไม่ว่าจะเป็นการ
- การเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถรีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ ที่ 99.7% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด
- การส่งเสริมด้านการศึกษาและอาชีพ เช่น จัดประกวดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับอุดมศึกษา
ทั้งนี้ทาง SCGP ยังติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ SET THSI Index เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCGP ในการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิด ESG เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน นั่นเอง ..
Tag:SCGP
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.