ทำไม MUJI บางสาขา เอาสินค้าท้องถิ่น เข้ามาขายในร้าน
11 ส.ค. 2022
ทำไม MUJI บางสาขา เอาสินค้าท้องถิ่น เข้ามาขายในร้าน | BrandCase
รู้หรือไม่ ร้าน MUJI หลายสาขาในไทย มีสินค้าท้องถิ่นของหลาย ๆ จังหวัดวางขายอยู่ด้วย
เช่น ขนมกล้วยรวมมิตร จากจังหวัดสุโขทัย
แคบหมึก รสวาซาบิ จากจังหวัดชุมพร
แล้วทำไม MUJI ถึงเอาสินค้าท้องถิ่นเหล่านี้ เข้ามาขายในร้าน ?
BrandCase จะเล่าเคสนี้ให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
MUJI เป็นแบรนด์ที่มีแนวคิด ที่แตกต่างจากร้านค้าปลีกแบรนด์อื่น ๆ นั่นคือ
“การทำสินค้าให้มีคุณภาพ โดยไม่ต้องมีแบรนด์” เพื่อต่อต้านกระแสบริโภคนิยม ในช่วงทศวรรษ 1980s
ตัวสินค้าของ MUJI ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความมินิมัล อันเป็นแนวคิด เซน
ที่ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์นี้ มีความเข้าถึงง่าย เข้ากับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง และเป็นสินค้าที่สามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย
ซึ่ง MUJI ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และกลายเป็นแบรนด์สินค้ามินิมัลระดับโลก
โดยปัจจุบัน ได้ขยายสาขาไปมากกว่า 1,000 สาขา ใน 28 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
เมื่อสาขาในต่างประเทศเริ่มเยอะขึ้น รวมถึงร้าน MUJI เองก็ขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ทางบริษัทจึงเกิดแนวคิดอยากขายสินค้าใหม่ ๆ
โดยโจทย์คือจะต้องใช้วัตถุดิบ และนำสินค้าท้องถิ่นจากภูมิภาคต่าง ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม และทำสินค้าธรรมดา ๆ ให้ดูดีมีเอกลักษณ์ และนำไปขายในร้านค้าของแต่ละพื้นที่
ซึ่งปัจจุบัน MUJI ก็ได้นำกลยุทธ์นี้ไปใช้กับหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น
- ประเทศญี่ปุ่น
นำอาหารและวัตถุดิบจากท้องถิ่น ที่เป็นของขึ้นชื่อประจำจังหวัดต่าง ๆ มาขายในร้าน
เช่น นมวัว จากจังหวัดโทจิงิ, ชาดำ จากจังหวัดโอกินาวะ และ Tosa Pomelo ผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายส้มโอ จากจังหวัดโคจิ
- ประเทศไทย
มีการนำผลิตภัณฑ์ขนมท้องถิ่น เข้ามาขายในบางสาขา โดยมีสินค้าเกษตรหลายร้อยรายการ ที่มาจากทั่วภูมิภาคในประเทศไทย
ตัวอย่างเช่น สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีสินค้า เช่น
ขนมกล้วยรวมมิตร จากจังหวัดสุโขทัย, แคบหมึก รสวาซาบิ จากจังหวัดชุมพร
โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่ถูก MUJI คัดสรรมาขายในร้าน มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Shokoku Ryohin” ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์คุณภาพและความเชี่ยวชาญจากท้องถิ่น ที่คัดสรรมาจากทั่วภูมิภาคต่าง ๆ
นอกจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยแล้ว ทางร้าน MUJI เอง ได้ใช้วัตถุดิบและเปิดโรงงานในประเทศที่กำลังพัฒนา ผ่านโครงการ CSR ที่ชื่อ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์”
การที่ MUJI ทำแบบนี้ก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ เช่น การผลิตเครื่องประดับจากหิน ในประเทศคีร์กีซสถาน หรือการผลิตกระเป๋าจากฝ้าย ในประเทศลาว
ถ้าถามว่าทำไมแบรนด์มินิมัลอย่าง MUJI จึงอยากนำสินค้าท้องถิ่นเข้ามาขายในร้าน ?
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวแบรนด์
ด้วยคอนเซปต์ของแบรนด์ที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างความสัมพันธ์อันดี กับผู้คนในพื้นที่ท้องถิ่น ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ และผลิตสินค้า โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ในประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก
ซึ่งก็น่าจะมีผลทำให้ลูกค้า เกิดความรู้สึกดี และประทับใจในตัวแบรนด์ ที่เป็นมิตรต่อผู้คน และอยากเข้ามาเลือกซื้อของกินและของใช้ ที่ร้าน MUJI มากขึ้น
- การขนส่งสินค้าที่สะดวก
จากการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ มาผลิตสินค้าท้องถิ่น ทำให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ไปขายตามร้าน MUJI ที่อยู่ในพื้นที่นั้นได้อย่างรวดเร็ว
จึงทำให้ร้าน MUJI สามารถขายสินค้า จากภายในพื้นที่ประเทศของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าชนิดนั้นเลย
- สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น
การนำสินค้าท้องถิ่นมาขาย ก็จะทำให้สินค้าภายในร้าน MUJI นั้น มีสินค้าที่ถูกนำเสนอหลากหลายมากขึ้น
ซึ่งถ้าหากลูกค้ามีโอกาสแวะเข้ามาในร้าน นอกจากจะซื้อของใช้อย่างเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์แล้ว ก็จะมีโอกาสหยิบอาหาร และขนมติดไม้ติดมือไปได้
หรือในทางกลับกัน สินค้าของดีประจำท้องถิ่นนั้น ก็สามารถเป็นจุดสนใจ ที่ดึงดูดลูกค้าให้เดินเข้ามาในร้านได้ เช่นกัน
นอกจากที่ MUJI ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นแล้ว ตัวแบรนด์ก็ยังมีความใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม
โดยการเพิ่มปริมาณการใช้ฝ้ายอินทรีย์ ซึ่งก็คือฝ้ายที่ปลูกและเติบโตโดยธรรมชาติ ไม่ย้อมสี หรือผ่านสารเคมีใด ๆ มาทำเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
ซึ่งตรงนี้ ก็จะช่วยลดต้นทุนในการผลิต และทำให้สินค้านั้นมีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้
จะเห็นได้ว่า การสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นของ MUJI ตลอดจนการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนั้น
ก็เป็นการสื่อสารของตัวแบรนด์ ไปถึงลูกค้าว่า
สินค้าของ MUJI ยังคงเป็นสินค้าที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ รวมถึงเป็นมิตรต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งต่อไปนี้ ถ้าให้พูดถึงเหตุผลที่ลูกค้าต้องมาซื้อของที่ร้าน MUJI
คงไม่ใช่เพราะความมินิมัล เพียงอย่างเดียว
แต่ยังเป็นเพราะ ความเอาใจใส่ต่อ “ผู้คน” และ “สิ่งแวดล้อม” อีกด้วย..
References
-https://martinroll.com/resources/articles/strategy/muji-the-global-strategy-behind-the-japanese-no-brand-brand/
-https://www.prachachat.net/marketing/news-879124
-https://www.mendetails.com/style/what-is-organic-cotton-ผ้าฝ้ายออร์แกนิค/
-https://www.muji.net/lab/found/kyrgyz/en/
รู้หรือไม่ ร้าน MUJI หลายสาขาในไทย มีสินค้าท้องถิ่นของหลาย ๆ จังหวัดวางขายอยู่ด้วย
เช่น ขนมกล้วยรวมมิตร จากจังหวัดสุโขทัย
แคบหมึก รสวาซาบิ จากจังหวัดชุมพร
แล้วทำไม MUJI ถึงเอาสินค้าท้องถิ่นเหล่านี้ เข้ามาขายในร้าน ?
BrandCase จะเล่าเคสนี้ให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
MUJI เป็นแบรนด์ที่มีแนวคิด ที่แตกต่างจากร้านค้าปลีกแบรนด์อื่น ๆ นั่นคือ
“การทำสินค้าให้มีคุณภาพ โดยไม่ต้องมีแบรนด์” เพื่อต่อต้านกระแสบริโภคนิยม ในช่วงทศวรรษ 1980s
ตัวสินค้าของ MUJI ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความมินิมัล อันเป็นแนวคิด เซน
ที่ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์นี้ มีความเข้าถึงง่าย เข้ากับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง และเป็นสินค้าที่สามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย
ซึ่ง MUJI ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และกลายเป็นแบรนด์สินค้ามินิมัลระดับโลก
โดยปัจจุบัน ได้ขยายสาขาไปมากกว่า 1,000 สาขา ใน 28 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
เมื่อสาขาในต่างประเทศเริ่มเยอะขึ้น รวมถึงร้าน MUJI เองก็ขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ทางบริษัทจึงเกิดแนวคิดอยากขายสินค้าใหม่ ๆ
โดยโจทย์คือจะต้องใช้วัตถุดิบ และนำสินค้าท้องถิ่นจากภูมิภาคต่าง ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม และทำสินค้าธรรมดา ๆ ให้ดูดีมีเอกลักษณ์ และนำไปขายในร้านค้าของแต่ละพื้นที่
ซึ่งปัจจุบัน MUJI ก็ได้นำกลยุทธ์นี้ไปใช้กับหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น
- ประเทศญี่ปุ่น
นำอาหารและวัตถุดิบจากท้องถิ่น ที่เป็นของขึ้นชื่อประจำจังหวัดต่าง ๆ มาขายในร้าน
เช่น นมวัว จากจังหวัดโทจิงิ, ชาดำ จากจังหวัดโอกินาวะ และ Tosa Pomelo ผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายส้มโอ จากจังหวัดโคจิ
- ประเทศไทย
มีการนำผลิตภัณฑ์ขนมท้องถิ่น เข้ามาขายในบางสาขา โดยมีสินค้าเกษตรหลายร้อยรายการ ที่มาจากทั่วภูมิภาคในประเทศไทย
ตัวอย่างเช่น สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีสินค้า เช่น
ขนมกล้วยรวมมิตร จากจังหวัดสุโขทัย, แคบหมึก รสวาซาบิ จากจังหวัดชุมพร
โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่ถูก MUJI คัดสรรมาขายในร้าน มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Shokoku Ryohin” ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์คุณภาพและความเชี่ยวชาญจากท้องถิ่น ที่คัดสรรมาจากทั่วภูมิภาคต่าง ๆ
นอกจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยแล้ว ทางร้าน MUJI เอง ได้ใช้วัตถุดิบและเปิดโรงงานในประเทศที่กำลังพัฒนา ผ่านโครงการ CSR ที่ชื่อ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์”
การที่ MUJI ทำแบบนี้ก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ เช่น การผลิตเครื่องประดับจากหิน ในประเทศคีร์กีซสถาน หรือการผลิตกระเป๋าจากฝ้าย ในประเทศลาว
ถ้าถามว่าทำไมแบรนด์มินิมัลอย่าง MUJI จึงอยากนำสินค้าท้องถิ่นเข้ามาขายในร้าน ?
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวแบรนด์
ด้วยคอนเซปต์ของแบรนด์ที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างความสัมพันธ์อันดี กับผู้คนในพื้นที่ท้องถิ่น ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ และผลิตสินค้า โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ในประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก
ซึ่งก็น่าจะมีผลทำให้ลูกค้า เกิดความรู้สึกดี และประทับใจในตัวแบรนด์ ที่เป็นมิตรต่อผู้คน และอยากเข้ามาเลือกซื้อของกินและของใช้ ที่ร้าน MUJI มากขึ้น
- การขนส่งสินค้าที่สะดวก
จากการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ มาผลิตสินค้าท้องถิ่น ทำให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ไปขายตามร้าน MUJI ที่อยู่ในพื้นที่นั้นได้อย่างรวดเร็ว
จึงทำให้ร้าน MUJI สามารถขายสินค้า จากภายในพื้นที่ประเทศของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าชนิดนั้นเลย
- สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น
การนำสินค้าท้องถิ่นมาขาย ก็จะทำให้สินค้าภายในร้าน MUJI นั้น มีสินค้าที่ถูกนำเสนอหลากหลายมากขึ้น
ซึ่งถ้าหากลูกค้ามีโอกาสแวะเข้ามาในร้าน นอกจากจะซื้อของใช้อย่างเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์แล้ว ก็จะมีโอกาสหยิบอาหาร และขนมติดไม้ติดมือไปได้
หรือในทางกลับกัน สินค้าของดีประจำท้องถิ่นนั้น ก็สามารถเป็นจุดสนใจ ที่ดึงดูดลูกค้าให้เดินเข้ามาในร้านได้ เช่นกัน
นอกจากที่ MUJI ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นแล้ว ตัวแบรนด์ก็ยังมีความใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม
โดยการเพิ่มปริมาณการใช้ฝ้ายอินทรีย์ ซึ่งก็คือฝ้ายที่ปลูกและเติบโตโดยธรรมชาติ ไม่ย้อมสี หรือผ่านสารเคมีใด ๆ มาทำเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
ซึ่งตรงนี้ ก็จะช่วยลดต้นทุนในการผลิต และทำให้สินค้านั้นมีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้
จะเห็นได้ว่า การสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นของ MUJI ตลอดจนการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนั้น
ก็เป็นการสื่อสารของตัวแบรนด์ ไปถึงลูกค้าว่า
สินค้าของ MUJI ยังคงเป็นสินค้าที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ รวมถึงเป็นมิตรต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งต่อไปนี้ ถ้าให้พูดถึงเหตุผลที่ลูกค้าต้องมาซื้อของที่ร้าน MUJI
คงไม่ใช่เพราะความมินิมัล เพียงอย่างเดียว
แต่ยังเป็นเพราะ ความเอาใจใส่ต่อ “ผู้คน” และ “สิ่งแวดล้อม” อีกด้วย..
References
-https://martinroll.com/resources/articles/strategy/muji-the-global-strategy-behind-the-japanese-no-brand-brand/
-https://www.prachachat.net/marketing/news-879124
-https://www.mendetails.com/style/what-is-organic-cotton-ผ้าฝ้ายออร์แกนิค/
-https://www.muji.net/lab/found/kyrgyz/en/