คนฝรั่งเศสทำงานอย่างไร ให้มี Productivity สูง ในชั่วโมงการทำงานที่ต่ำ
29 ม.ค. 2022
คนฝรั่งเศสทำงานอย่างไร ให้มี Productivity สูง ในชั่วโมงการทำงานที่ต่ำ | THE BRIEFCASE
รู้หรือไม่ว่า ตามกฎหมายแรงงานของฝรั่งเศสนั้น กำหนดให้ชั่วโมงการทำงานตามมาตรฐานอยู่ที่ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คือถ้าทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ก็ตกวันละ 7 ชั่วโมง
จากข้อมูลของ World Population Review ก็พบว่า Productivity หรือ ผลผลิตจากแรงงานของคนฝรั่งเศสนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปกว่า 25%
ทั้ง ๆ ที่ประเทศฝรั่งเศส มีชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์น้อยที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มประเทศใน OECD
แล้วคนฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการทำงานอย่างไร ให้มี Productivity ที่สูงในเวลาที่จำกัด
THE BRIEFCASE จะเล่าให้ฟัง
1. เวลางานคือเวลางาน เวลาพักคือพัก
คนฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับเวลางานมาก โดยจะไม่มีการมาชงกาแฟ หรือยืนคุยกันเจ๊าะแจ๊ะ นอกเรื่องกันเมื่อถึงเวลาทำงาน ทุกคนจะทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานเสร็จทันเวลาที่ตนเองมีอยู่น้อยนิด
ในขณะเดียวกัน เมื่อหมดเวลางาน หรือเลิกงานไปแล้ว
คนฝรั่งเศสก็จะตัดขาดออกจากโลกการทำงานไปเลย และไปใช้ชีวิตส่วนตัว
ซึ่งในปี 2017 ฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายใหม่ คือ “Right to Disconnect” หรือ สิทธิ์ในการตัดการเชื่อมต่อ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้องค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 50 คน ห้ามไม่ให้พนักงานส่งหรือตอบกลับอีเมลหลังเวลาเลิกงาน
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของ Right to Disconnect ยังรวมถึงการประกันว่าพนักงานจะได้รับค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลสำหรับการทำงานของพวกเขา ในขณะที่ก็ต้องปกป้องเวลาส่วนตัวของพวกเขาด้วย
ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
และลดความเสี่ยงของการทำงานหนักเกินไป
เพราะในช่วงเวลางาน นายจ้างก็หวังว่าลูกจ้างจะทำงานให้อย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันลูกจ้างก็หวังว่า เมื่อนอกเวลางานนายจ้างจะไม่อีเมล หรือแช็ตมาหาเรื่องงาน เช่นเดียวกัน
และถ้าใครที่ดูซีรีส์ Emily in Paris ใน Netflix ที่เล่าเรื่องของพนักงานสาวชาวอเมริกัน ที่ไปทำงานในฝรั่งเศส
ก็จะเห็นว่า คนฝรั่งเศสนั้นให้ความสำคัญกับการแบ่งเวลาทำงานและใช้ชีวิตมาก ถึงขนาดที่เมื่อ Emily เอางานมาทำในช่วงวันหยุด ก็โดนเพื่อนชาวฝรั่งเศสต่อว่าเลยทีเดียว
2. การมี Work-Life Balance ที่ดี
หนึ่งในข้อเสนอแนะจากสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจแห่งชาติของฝรั่งเศส คือ เวลาทำงานควรสอดคล้องกับความต้องการใช้เวลาไปกับด้านอื่น ๆ เช่น เวลาพักผ่อน หรือเวลาส่วนตัว
ซึ่งการทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะส่งผลกระทบให้ในแต่ละวัน คนฝรั่งเศสไปใช้เวลาด้านอื่น ๆ กันมากขึ้น
และรายงานการประเมินโดยรัฐบาลของฝรั่งเศสก็แสดงให้เห็นว่า เวลาทำงานที่ลดลงนั้น ส่งผลกระทบต่อพนักงานในเชิงบวก ทั้งในแง่ของการทำงานและการใช้ชีวิตที่บ้าน และช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน หรือ Work-Life Balance ที่ดีขึ้น
เมื่อผู้คนเติมเต็มและมีความสุขในชีวิตโดยรวมมากขึ้น พวกเขาก็มีความสุขในการทำงานมากขึ้นนั่นเอง
3. กฎหมายที่ปกป้องคนทำงาน
จากการที่ฝรั่งเศสพยายามผลักดันข้อเรียกร้องของแรงงานให้กลายเป็นกฎหมาย
เช่น ถ้านายจ้างโทรหา ส่งอีเมล หรือแช็ตหาพนักงานนอกเวลางาน นายจ้างจะมีความผิดตามกฎหมาย
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้คนมักจะอยู่กับนายจ้างคนเดิมได้นานขึ้น
นำไปสู่ความเข้าใจในความต้องการของบริษัท ความมั่นใจในบทบาทของตัวเองที่ดีขึ้น
และพนักงานเหล่านั้นก็จะรู้สึกมั่นคง และอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด
เพราะพวกเขารู้ว่า เมื่อเกิดอะไรขึ้น ยังมีกฎหมายที่เท่าเทียมอยู่ข้างพวกเขา
สุดท้ายนี้ขอปิดท้ายด้วยสุภาษิตของฝรั่งเศสที่ว่า
“ถ้าการทำงานหนักทำให้คุณรวย สัตว์อย่างลาที่ถูกใช้งานอย่างหนัก ตัวของมันก็คงถูกปกคลุมไปด้วยทองคำ”
เพราะเคล็ดลับความสำเร็จอาจไม่ได้อยู่ที่เราทำงานนานเท่าไร แต่อาจอยู่ที่ เราจะใช้เวลาในการทำงานอย่างไร ให้ฉลาดที่สุด..
References
-https://theculturetrip.com/europe/france/articles/how-france-plays-hard-while-being-one-of-the-worlds-most-productive-countries/
-https://www.thelocal.fr/20190717/french-workers-highly-productive-despite-short-working-hours-but-for-how-much-longer/
-https://www.theguardian.com/small-business-network/2015/jul/13/french-workers-more-productive-brits
-https://everhour.com/blog/average-working-hours/
-https://worldpopulationreview.com/country-rankings/most-productive-countries
-https://businessculture.org/western-europe/business-culture-in-france/work-life-balance-in-france/
รู้หรือไม่ว่า ตามกฎหมายแรงงานของฝรั่งเศสนั้น กำหนดให้ชั่วโมงการทำงานตามมาตรฐานอยู่ที่ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คือถ้าทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ก็ตกวันละ 7 ชั่วโมง
จากข้อมูลของ World Population Review ก็พบว่า Productivity หรือ ผลผลิตจากแรงงานของคนฝรั่งเศสนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปกว่า 25%
ทั้ง ๆ ที่ประเทศฝรั่งเศส มีชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์น้อยที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มประเทศใน OECD
แล้วคนฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการทำงานอย่างไร ให้มี Productivity ที่สูงในเวลาที่จำกัด
THE BRIEFCASE จะเล่าให้ฟัง
1. เวลางานคือเวลางาน เวลาพักคือพัก
คนฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับเวลางานมาก โดยจะไม่มีการมาชงกาแฟ หรือยืนคุยกันเจ๊าะแจ๊ะ นอกเรื่องกันเมื่อถึงเวลาทำงาน ทุกคนจะทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานเสร็จทันเวลาที่ตนเองมีอยู่น้อยนิด
ในขณะเดียวกัน เมื่อหมดเวลางาน หรือเลิกงานไปแล้ว
คนฝรั่งเศสก็จะตัดขาดออกจากโลกการทำงานไปเลย และไปใช้ชีวิตส่วนตัว
ซึ่งในปี 2017 ฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายใหม่ คือ “Right to Disconnect” หรือ สิทธิ์ในการตัดการเชื่อมต่อ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้องค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 50 คน ห้ามไม่ให้พนักงานส่งหรือตอบกลับอีเมลหลังเวลาเลิกงาน
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของ Right to Disconnect ยังรวมถึงการประกันว่าพนักงานจะได้รับค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลสำหรับการทำงานของพวกเขา ในขณะที่ก็ต้องปกป้องเวลาส่วนตัวของพวกเขาด้วย
ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
และลดความเสี่ยงของการทำงานหนักเกินไป
เพราะในช่วงเวลางาน นายจ้างก็หวังว่าลูกจ้างจะทำงานให้อย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันลูกจ้างก็หวังว่า เมื่อนอกเวลางานนายจ้างจะไม่อีเมล หรือแช็ตมาหาเรื่องงาน เช่นเดียวกัน
และถ้าใครที่ดูซีรีส์ Emily in Paris ใน Netflix ที่เล่าเรื่องของพนักงานสาวชาวอเมริกัน ที่ไปทำงานในฝรั่งเศส
ก็จะเห็นว่า คนฝรั่งเศสนั้นให้ความสำคัญกับการแบ่งเวลาทำงานและใช้ชีวิตมาก ถึงขนาดที่เมื่อ Emily เอางานมาทำในช่วงวันหยุด ก็โดนเพื่อนชาวฝรั่งเศสต่อว่าเลยทีเดียว
2. การมี Work-Life Balance ที่ดี
หนึ่งในข้อเสนอแนะจากสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจแห่งชาติของฝรั่งเศส คือ เวลาทำงานควรสอดคล้องกับความต้องการใช้เวลาไปกับด้านอื่น ๆ เช่น เวลาพักผ่อน หรือเวลาส่วนตัว
ซึ่งการทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะส่งผลกระทบให้ในแต่ละวัน คนฝรั่งเศสไปใช้เวลาด้านอื่น ๆ กันมากขึ้น
และรายงานการประเมินโดยรัฐบาลของฝรั่งเศสก็แสดงให้เห็นว่า เวลาทำงานที่ลดลงนั้น ส่งผลกระทบต่อพนักงานในเชิงบวก ทั้งในแง่ของการทำงานและการใช้ชีวิตที่บ้าน และช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน หรือ Work-Life Balance ที่ดีขึ้น
เมื่อผู้คนเติมเต็มและมีความสุขในชีวิตโดยรวมมากขึ้น พวกเขาก็มีความสุขในการทำงานมากขึ้นนั่นเอง
3. กฎหมายที่ปกป้องคนทำงาน
จากการที่ฝรั่งเศสพยายามผลักดันข้อเรียกร้องของแรงงานให้กลายเป็นกฎหมาย
เช่น ถ้านายจ้างโทรหา ส่งอีเมล หรือแช็ตหาพนักงานนอกเวลางาน นายจ้างจะมีความผิดตามกฎหมาย
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้คนมักจะอยู่กับนายจ้างคนเดิมได้นานขึ้น
นำไปสู่ความเข้าใจในความต้องการของบริษัท ความมั่นใจในบทบาทของตัวเองที่ดีขึ้น
และพนักงานเหล่านั้นก็จะรู้สึกมั่นคง และอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด
เพราะพวกเขารู้ว่า เมื่อเกิดอะไรขึ้น ยังมีกฎหมายที่เท่าเทียมอยู่ข้างพวกเขา
สุดท้ายนี้ขอปิดท้ายด้วยสุภาษิตของฝรั่งเศสที่ว่า
“ถ้าการทำงานหนักทำให้คุณรวย สัตว์อย่างลาที่ถูกใช้งานอย่างหนัก ตัวของมันก็คงถูกปกคลุมไปด้วยทองคำ”
เพราะเคล็ดลับความสำเร็จอาจไม่ได้อยู่ที่เราทำงานนานเท่าไร แต่อาจอยู่ที่ เราจะใช้เวลาในการทำงานอย่างไร ให้ฉลาดที่สุด..
References
-https://theculturetrip.com/europe/france/articles/how-france-plays-hard-while-being-one-of-the-worlds-most-productive-countries/
-https://www.thelocal.fr/20190717/french-workers-highly-productive-despite-short-working-hours-but-for-how-much-longer/
-https://www.theguardian.com/small-business-network/2015/jul/13/french-workers-more-productive-brits
-https://everhour.com/blog/average-working-hours/
-https://worldpopulationreview.com/country-rankings/most-productive-countries
-https://businessculture.org/western-europe/business-culture-in-france/work-life-balance-in-france/