Taipei 101 ตึกสูงสุดในไต้หวัน กับระบบ ลูกตุ้มยักษ์ Tuned mass damper รับมือแผ่นดินไหว

Taipei 101 ตึกสูงสุดในไต้หวัน กับระบบ ลูกตุ้มยักษ์ Tuned mass damper รับมือแผ่นดินไหว

29 มี.ค. 2025
-ใครเคยไปเที่ยวไต้หวัน หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องไป คงหนีไม่พ้น ตึก Taipei 101
ตึก Taipei 101 เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ในช่วงระหว่างปี 2004 ถึงปี 2010 ก่อนที่ตึก Burj Khalifa ในดูไบ จะมาทำลายสถิตินี้
-จุดเริ่มต้นของตึก Taipei 101 เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณปลายทศวรรษ 1990 คือเป็นช่วงหลังจากที่บริษัทเอกชนในไต้หวันจำนวนมาก ได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่
รวมถึงการผันตัวจากการเป็นฐานการผลิต ไปสู่การเป็นผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยี
ตัวอย่างก็คือ บริษัทชิปยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลานั้น ทำให้เศรษฐกิจของไต้หวันหลังจากนั้น เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของไต้หวันในช่วงเวลานั้น
- ปี 1987 GDP ของไต้หวัน อยู่ที่ 3.65 ล้านล้านบาท
- ปี 1997 GDP ของไต้หวัน อยู่ที่ 10.5 ล้านล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 11.2% ต่อปี
การเติบโตแบบนี้ ทำให้ไต้หวัน ถูกจัดให้อยู่ใน “สี่เสือเศรษฐกิจของเอเชีย” ที่เป็นการจัดกลุ่มดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของทวีปเอเชียในเวลานั้น
และหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ของมหานครสำคัญทั่วโลก ก็คือ “ตึกสูง”
ตึกเหล่านี้ ล้วนถูกสร้างขึ้นหลังจากเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ เติบโตมาถึงจุดพีก
ไม่ว่าจะเป็นตึก Empire State Building, ตึก World Trade Center ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา, ตึกแฝด Petronas ที่ประเทศมาเลเซีย รวมไปถึงตึก Burj Khalifa ที่ดูไบ
ส่วนในไต้หวัน ก็มี Taipei 101 นี่เอง
โดยในตอนนั้น รัฐบาลไต้หวันจึงได้เปิดประมูลสิทธิ์ในการพัฒนาและทำธุรกิจ บนพื้นที่ในย่าน Xinyi ของเมือง Taipei
ซึ่งบริษัท Taipei Financial Center Corporation ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ประกอบการธนาคาร และบริษัทประกันหลายแห่ง เป็นผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้น
ในปี 1999 การก่อสร้างตึกได้เริ่มขึ้น และใช้ระยะเวลาเกือบ 5 ปีเต็ม ตึก Taipei 101 ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Taipei 101 เป็นตึกที่มีทั้งหมด 101 ชั้น ความสูงรวม 508 เมตร ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก
ต้นทุนที่ใช้ในการสร้างตึกแห่งนี้ทั้งหมด ก็คิดเป็นจำนวนเงินสูงถึง 66,000 ล้านบาท
ก่อนที่ตึก Burj Khalifa ในดูไบ จะมาทำลายสถิติในปี 2010
พื้นที่ภายในตัวอาคาร จะถูกแบ่งออกเป็น
- ชั้นใต้ดิน - ชั้น 6 เป็นศูนย์การค้า
- ชั้น 7 - ชั้น 84 เป็นอาคารสำนักงาน
- ชั้น 85 - ชั้น 86 เป็น Sky Dining หรือร้านอาหารที่อยู่บนตึกสูง
- ชั้น 88 - ชั้น 101 ห้องจัดแสดง, ดาดฟ้า, จุดชมวิว
Taipei 101 นั้น ได้รวบรวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใส่ไว้ในตึก มากเป็นอันดับต้น ๆ ของไต้หวันในเวลานั้น
ไม่ว่าจะเป็นระบบลิฟต์ความเร็วสูง ที่สามารถวิ่งจากชั้น 1 ไปยังชั้น 89 ภายในระยะเวลา 37 วินาที
ที่น่าสนใจคือ “ลูกตุ้มยักษ์” ที่เป็นอุปกรณ์เรียกว่า Tuned Mass Damper (TMD) ที่ถูกแขวนไว้ที่ระหว่างชั้น 87 ถึงชั้น 92 ของตึก Taipei 101
Tuned Mass Damper คืออะไร ?
-Tuned Mass Damper คืออุปกรณ์ลดแรงสั่นสะเทือนแบบปรับจูน เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดการสั่นสะเทือนของโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น ตึกระฟ้า สะพาน หรือเสาโทรคมนาคม
โดย Tuned Mass Damper จะทำงานโดยการต้านทานการเคลื่อนที่ของโครงสร้างหลักเมื่อเกิดแรงภายนอกมากระทำ เช่น ลม พายุ หรือแผ่นดินไหว
-ตำแหน่งของ Tuned Mass Damper ของตึก Taipei 101 ตั้งอยู่บริเวณชั้น 87-92 ของอาคาร ซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ ใครเคยไปที่ตึกนี้ น่าจะเคยได้เห็นกัน
-ใครไม่เคยเห็นกับตา ลองดูได้จากรูปประกอบบทความนี้ โดยลักษณะของ Tuned Mass Damper ของตึก Taipei 101 เป็นลูกตุ้มเหล็กสีทองทรงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5 เมตร และหนักถึง 660 ตัน
-การทำงานคือ เมื่อเกิดลมแรง พายุไต้ฝุ่น (ซึ่งเกิดบ่อยในไต้หวัน) หรือแผ่นดินไหว ลูกตุ้มยักษ์ Tuned Mass Damper จะแกว่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการสั่นสะเทือนของตึก เพื่อหักล้างและลดการสั่นไหวของอาคาร
-โดยข้อมูลบอกว่า การออกแบบ Tuned Mass Damper ของตึก Taipei 101 ถูกออกแบบมาให้สามารถลดการสั่นสะเทือนของอาคารได้ถึง 40%
-ความสำคัญของ Tuned Mass Damper ของตึก Taipei 101 คือมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของตึก Taipei 101
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดพายุไต้ฝุ่น หรือแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในไต้หวัน
นอกจากบทบาททางวิศวกรรมแล้ว ลูกตุ้มยักษ์ Tuned Mass Damper ยังถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของตึก Taipei 101
เพราะด้วยการออกแบบที่สวยงาม และกลไกการทำงานที่น่าสนใจ
ก็เลยทำให้ลูกตุ้มยักษ์ที่ถูกแขวนไว้ที่ระหว่างชั้น 87 ถึงชั้น 92 ของตัวตึก กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนตึก Taipei 101 ไปในตัวด้วย..
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.