คุยกับเจ้าของ Uncle Boss วิธีตีโจทย์สร้างแบรนด์ ไส้กรอกชีสทะลัก ให้ขายดี จนต้องพรีออร์เดอร์
1 ก.พ. 2025
ถ้าให้พูดถึงไส้กรอกชีสทะลักที่กำลังเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียตอนนี้เชื่อว่าชื่อของ Uncle Boss น่าจะเป็นแบรนด์ที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกัน
เพราะไม่ว่าจะไปในแพลตฟอร์มไหน ก็น่าจะมีโอกาสได้เห็นคนต่างพากันมาลองชิมไส้กรอกชีสที่กัดไปแล้ว ชีสทะลัก พุ่งออกมาแบบเต็ม ๆ
เพราะไม่ว่าจะไปในแพลตฟอร์มไหน ก็น่าจะมีโอกาสได้เห็นคนต่างพากันมาลองชิมไส้กรอกชีสที่กัดไปแล้ว ชีสทะลัก พุ่งออกมาแบบเต็ม ๆ
ซึ่งด้วยกระแสนี้ ก็ทำให้ ชื่อของ Uncle Boss นั้นกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ ใครที่อยากทานอาจจะต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนแล้ว
แล้ว Uncle Boss ทำอย่างไร ให้ไส้กรอกชีสที่ดูธรรมดานี้กลายเป็นเมนูยอดฮิตในตอนนี้ได้ ?
เรื่องราวของ Uncle Boss น่าสนใจอย่างไร ?
เรื่องราวของ Uncle Boss น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของแบรนด์ Uncle Boss ถึงเรื่องราว และแนวคิดการตีโจทย์สร้างแบรนด์ จนกลายเป็นสินค้าขายดี ถึงขนาดที่ต้องพรีออร์เดอร์กันเลยทีเดียว..
-จุดเริ่มต้นของ Uncle Boss เริ่มมาจากคุณธนัช อมาตยกุล หรือคุณบอส ที่เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ยังทำงานประจำอยู่ แต่ด้วยความที่คุณบอสไปได้สูตรการทำไส้กรอกเยอรมันมา จึงลองนำมาทำดู แต่ก็พบว่ารสชาติไส้กรอกเยอรมันแท้ ๆ นั้น จะออกไปทางเค็มมาก
ด้วยความที่คุณบอสนั้นเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว
จึงหันมาลองปรับสูตรไส้กรอกเยอรมันนี้ ให้สามารถทานได้ง่ายขึ้น ให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น
จึงปรับสูตรนั้นมาเรื่อย ๆ จนคิดว่าถูกใจ แล้วก็นำไปให้เพื่อน ๆ และคนในครอบครัวทาน
จึงหันมาลองปรับสูตรไส้กรอกเยอรมันนี้ ให้สามารถทานได้ง่ายขึ้น ให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น
จึงปรับสูตรนั้นมาเรื่อย ๆ จนคิดว่าถูกใจ แล้วก็นำไปให้เพื่อน ๆ และคนในครอบครัวทาน
ทีนี้จุดเปลี่ยนที่น่าสนใจคือ ตอนนั้นตลาดนัด Flea Market กำลังเป็นที่นิยมมากในไทย
ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย ก็คือ Artbox แถว Airport Link มักกะสัน ซึ่ง Uncle Boss เองก็เคยไปออกบูทตรงนั้นด้วย
ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย ก็คือ Artbox แถว Airport Link มักกะสัน ซึ่ง Uncle Boss เองก็เคยไปออกบูทตรงนั้นด้วย
ประกอบกับว่าเพื่อน ๆ ของคุณบอสเองนั้นก็เชียร์ว่าให้ทำขายเถอะ
คุณบอสเลยตัดสินใจไปออกบูท เปิดขายไส้กรอก ซึ่งงานแรกที่คุณบอสไปนั้นอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 24
โดยคุณบอสบอกว่ากระแสตอบรับในตอนนั้นดีมาก
คุณบอสเลยตัดสินใจไปออกบูท เปิดขายไส้กรอก ซึ่งงานแรกที่คุณบอสไปนั้นอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 24
โดยคุณบอสบอกว่ากระแสตอบรับในตอนนั้นดีมาก
มีเท่าไรก็ขายหมด จนกระทั่งหลัง ๆ มา ด้วยความที่ คุณบอสนั้นทำเองทั้งหมด อุปกรณ์อะไรก็มีไม่มาก ตัวไส้ก็เป็นคนใช้เครื่องบดเนื้อ แบบหมุนมือ บดเองทั้งหมด
ทำให้คุณบอสคิดว่า น่าจะมีอะไรที่มาทานคู่กับไส้กรอกเพื่อให้มันอิ่มท้องมากขึ้น บวกกับคุณบอสเองก็ฟัง ฟีดแบ็กของลูกค้าด้วยว่า มีอะไรมาทานคู่กับไส้กรอกไหม
จนต่อมา ก็ได้มาเจอกับคุณแจน ภรรยาคนปัจจุบันของคุณบอส
ทั้งสองก็เลยช่วยกันคิดค้นแนวทางของร้านใหม่ และก็กลายมาเป็นร้านที่ชื่อว่า Waffdog & Burger ซึ่งฟังจากชื่อหลายคนน่าจะเดาออกแล้วว่า สิ่งที่คุณบอสเพิ่มขึ้นมาก็คือ ขนมวาฟเฟิล นำมาประกบกับไส้กรอก เพื่อให้อิ่มท้อง และเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นด้วย
หลังจากที่เปิดร้านไปได้อีกสักพักหนึ่ง ตัว Flea Market เองก็เริ่มซา
Waffdog & Burger ก็เริ่มขยับขยายไปยังย่านออฟฟิศมากขึ้น โดยคุณแจนเล่าว่า ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปขายที่ตึก Empire ตึกออฟฟิศขนาดใหญ่ใจกลางสาทร
Waffdog & Burger ก็เริ่มขยับขยายไปยังย่านออฟฟิศมากขึ้น โดยคุณแจนเล่าว่า ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปขายที่ตึก Empire ตึกออฟฟิศขนาดใหญ่ใจกลางสาทร
ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้านั้นเปลี่ยนไป จากเดิมที่เขาอาจจะทานเล่นเดินเรื่อย ๆ ตอนนี้กลายเป็นสังคมของคนเร่งรีบ บางคนไม่มีเวลา แต่ก็อยากทาน จนมีคนมาถามว่ามีแบบแพ็กกลับบ้านขายไหม
จุดนี้เองเป็นจุดที่ทำให้แนวคิดในการมองธุรกิจของคุณแจนเริ่มเปลี่ยนไป
คุณแจนมองว่า ด้วยสภาพตลาด Flea Market เองมันก็มีจุดอิ่มตัวของมัน ทำไมเราถึงไม่หันกลับมาโฟกัสที่ Core Business ของเรามากขึ้น นั่นก็คือตัวไส้กรอก ที่หลาย ๆ คนก็ติดใจ ถามหา
คุณแจนมองว่า ด้วยสภาพตลาด Flea Market เองมันก็มีจุดอิ่มตัวของมัน ทำไมเราถึงไม่หันกลับมาโฟกัสที่ Core Business ของเรามากขึ้น นั่นก็คือตัวไส้กรอก ที่หลาย ๆ คนก็ติดใจ ถามหา
จุดนี้ทำให้คุณแจนเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบของ Waffdog & Burger ใหม่ โดยหันมาโฟกัสที่การผลิตไส้กรอกมากขึ้น
ประจวบเหมาะกับว่าทางที่บ้านของคุณแจนเองก็มีตึกเล็ก ๆ หนึ่งคูหา เพียงพอที่จะสามารถเป็นศูนย์การผลิต
จนทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Uncle Boss ขึ้น ซึ่งก็ตั้งชื่อมาจากคุณบอส ที่ตอนนั้นกำลังเป็นคุณลุงของหลาน ๆ นั่นเอง
จนทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Uncle Boss ขึ้น ซึ่งก็ตั้งชื่อมาจากคุณบอส ที่ตอนนั้นกำลังเป็นคุณลุงของหลาน ๆ นั่นเอง
หลังจากนั้น คุณแจนและคุณบอส ก็หันมาโฟกัสที่การผลิตไส้กรอกขายกันมากขึ้น โดยเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ขายไส้กรอกเป็นแบบแพ็ก
จนมาถึงช่วงปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่เกิดโรคระบาด ที่ทุกคนต้องถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน ออกไปได้แค่ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือสั่งอาหารมาทำเองที่บ้าน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Uncle Boss นั้นเป็นที่รู้จักมากขึ้น
คุณแจนบอกว่ายอดขายในช่วงนั้น เติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะคนไปไหนไม่ได้ ต้องทำอาหารเองที่บ้าน
ทำให้คนส่วนใหญ่จึงมีโอกาสได้ลองไส้กรอก Uncle Boss ครั้งแรกก็ช่วงนี้
ทำให้คนส่วนใหญ่จึงมีโอกาสได้ลองไส้กรอก Uncle Boss ครั้งแรกก็ช่วงนี้
และจนมาถึงล่าสุด ในปี 2024 ที่ผ่านมา ไส้กรอกของ Uncle Boss ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เพราะมีอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ พากันมารีวิวสนุก ๆ ลองทานไส้กรอก Four Cheese ตัวดังของ Uncle Boss จนกลายเป็นไวรัลเต็มโซเชียลมีเดีย
ซึ่งคุณแจนและคุณบอสก็มาแชร์ถึงเบื้องหลังความสำเร็จของไส้กรอก Uncle Boss สรุปเป็นข้อ ๆ ได้ตามนี้คือ
เน้นที่คุณภาพมาตั้งแต่วันแรก และยังเป็นอย่างนั้นมาจนถึงวันนี้
แล้วนิยามคำว่าคุณภาพของไส้กรอก Uncle Boss คืออะไร ?
ใช้หมูเกรดส่งออก จากฟาร์มมาตรฐาน ไม่ใช้เศษหมู และปลอดสารพิษใช้ชีสแท้ ซึ่งต่างกับชีสเทียม มีความหอมน่าทาน Texture ข้นหนึบ รสชาติเค็มกำลังดีไม่ใส่แป้ง น้ำตาล หรือสารเติมแต่งอื่น ๆไม่ใส่ ไนเตรต ไนไตรต์ หรือวัตถุกันเสียใช้เครื่องเทศนำเข้า จากประเทศฝรั่งเศส, เยอรมนีไม่ใส่น้ำเพื่อเพิ่มน้ำหนักใช้ไส้หมูธรรมชาติ ซึ่งกรอบอร่อยกว่าไส้เทียมเมนูไส้กรอกฟัวกราส์ ก็ใช้ฟัวกราส์ของแท้จากฝรั่งเศสขั้นตอนการรมควัน ใช้ถ่านไม้นำเข้าจากเยอรมนี เป็นถ่านไม้สำหรับการอบรมควันโดยเฉพาะ ไม่ใช้ Liquid Smoke หรือสารแต่งกลิ่นรมควันใด ๆ
ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่วัตถุดิบถึงกระบวนการผลิตของไส้กรอก Uncle Boss นั้น ค่อนข้างมีความคราฟต์มากกว่า ไส้กรอกแพ็กแบบอุตสาหกรรม ดังนั้นจำนวนในการผลิตก็อาจจะไม่สามารถทำให้ได้เยอะเหมือนกับเจ้าอื่น ๆ
และด้วยความที่ไม่ใช้สารกันบูดใด ๆ ทำให้การผลิตในแต่ละครั้งนั้นต้องผลิตแต่พอเหมาะ ไม่เหลือเก็บ เพราะไส้กรอกจะมีอายุบนเชลฟ์ (Shelf Life) ที่สั้นกว่า
นอกจากนี้คุณบอสยังเสริมอีกว่า ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้คุณบอสยังรักษาคุณภาพเหมือนเดิม เพราะคุณบอสเชื่อว่าสิ่งที่เขาสัญญากับลูกค้าไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการบอกไปเลยว่าใช้วัตถุดิบอะไร ไม่ใช้อะไร ไว้ที่หน้าซองของไส้กรอก Uncle Boss เขาต้องสามารถทำให้ลูกค้าเห็นว่ามันเป็นอย่างที่เข้ากล้าเคลมจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการบอกไปเลยว่าใช้วัตถุดิบอะไร ไม่ใช้อะไร ไว้ที่หน้าซองของไส้กรอก Uncle Boss เขาต้องสามารถทำให้ลูกค้าเห็นว่ามันเป็นอย่างที่เข้ากล้าเคลมจริง ๆ
และนั่นคือความพรีเมียม โดยที่ไม่ต้องเขียนคำนี้แปะที่หน้าซองเลย
ทำให้ดี คนจะเข้ามาเอง
เพราะถ้าดีจริง คนจะบอกปากต่อปากเอง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มาจากตรงนี้จริง ๆ
เพราะถ้าดีจริง คนจะบอกปากต่อปากเอง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มาจากตรงนี้จริง ๆ
รู้ไหมว่า หลังจากที่ทำ Uncle Boss ได้เพียง 3 ปี ก็มีคนมาชวนไปขายที่ซูเปอร์มาร์เก็ต (ช่วงก่อนเหตุการณ์โรคระบาดพอดี)
โดยคุณแจนเล่าว่าช่วงแรกที่ทำขาย ก็มีทางซูเปอร์มาร์เก็ตทั้ง Villa Market และ Tops มาติดต่อขอนำไส้กรอก Uncle Boss ไปวางขายตามสาขา
ทำให้เห็นว่า การตลาดที่สำคัญของ Uncle Boss จริง ๆ แล้ว คือเรื่องของคุณภาพ
เพราะคุณแจนเสริมว่า ตั้งแต่ที่ทำมา Uncle Boss ก็ไม่ค่อยได้มีการทำการตลาดมากนัก อย่างช่วงแรก ๆ ก็เป็นการยิงแอดผ่านแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งคุณแจนก็เป็นคนทำเองทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อย ๆ
เพราะคุณแจนเสริมว่า ตั้งแต่ที่ทำมา Uncle Boss ก็ไม่ค่อยได้มีการทำการตลาดมากนัก อย่างช่วงแรก ๆ ก็เป็นการยิงแอดผ่านแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งคุณแจนก็เป็นคนทำเองทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อย ๆ
หรืออย่างกระแสไวรัล ที่กำลังเห็นกันในตอนนี้ คุณแจนก็เล่าว่าเป็นการรีวิวจากลูกค้าเองทั้งหมด โดยที่ทางแบรนด์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
อย่างที่บอกว่าทำให้ดีคนจะเข้ามาเอง ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Uncle Boss นั้นก็เป็นลูกค้าขาประจำ เพราะเขาเชื่อว่ามันสมราคาจริง ๆ
การตั้งราคา ต้องตั้งให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันสมราคา เพราะคำนึงว่าลูกค้าต้องนำไปปรุงเองด้วย
ราคาเริ่มต้นเมนูไส้กรอกหมู Signature ของ Uncle Boss
ขายตามห้าง (1 แพ็กมี 3 ชิ้น) ราคาแพ็กละ 165 บาท ตกชิ้นละ 55 บาทขายช่องทางออนไลน์ (1 แพ็กมี 6 ชิ้น) ราคาแพ็กละ 275 บาท ตกชิ้นละ 46 บาท
จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วราคาไส้กรอกของ Uncle Boss ต่อชิ้นเฉลี่ยออกมา ไม่ได้สูงมาก อย่างที่หลายคนคิด
ซึ่งคุณแจนบอกว่าการตั้งราคาของ Uncle Boss นอกจากเรื่องต้นทุนต่าง ๆ แล้ว คุณแจนบอกว่าเราต้องคำนึงด้วยว่าไส้กรอกของเรานั้น ไม่ได้เป็นไส้กรอกปรุงสำเร็จเหมือนตามร้านอาหาร ทำให้เราไม่สามารถไปขายในราคาเรตเดียวกับที่ร้านได้
สิ่งเดียวที่เราต้องรักษาให้ได้คือ เมื่อลูกค้าซื้อของเราไปแล้ว เมื่อนำไปปรุงสุกเองมันต้องอร่อยด้วย
เพราะฉะนั้น ราคาต้องไม่แพงจนเกินไป
เพราะฉะนั้น ราคาต้องไม่แพงจนเกินไป
แต่ต้องบอกว่าบางเมนูอย่าง ไส้กรอกตัวดัง Four Cheese, Eight Cheese, Truffle Cheese หรือไส้กรอกตัวพิเศษอื่น ๆ ราคายังค่อนข้างสูงกว่าตัว Signature อยู่มาก
อย่างตัว Four Cheese ที่กำลังเป็นที่นิยมตอนนี้ ขายบนช่องทางออนไลน์แพ็กละ 360 บาท
ไส้กรอก Truffle Cheese ขายราคาแพ็กละ 396 บาท
ไส้กรอกเนื้อวากิว ขายราคาแพ็กละ 329 บาท
ไส้กรอก Truffle Cheese ขายราคาแพ็กละ 396 บาท
ไส้กรอกเนื้อวากิว ขายราคาแพ็กละ 329 บาท
จะเห็นได้ว่าราคาเมื่อเปรียบเทียบกับตัว Signature ยังต่างกันพอสมควร
ซึ่งคุณแจนก็บอกว่า ราคาที่ตั้งนั้นก็ตั้งตามพื้นฐานของวัตถุดิบจริง ๆ
ซึ่งคุณแจนก็บอกว่า ราคาที่ตั้งนั้นก็ตั้งตามพื้นฐานของวัตถุดิบจริง ๆ
ซึ่งต้นทุนของวัตถุดิบเหล่านี้ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่เรากล้าพูดว่า ใช้ของแท้ ใช้ของดี ตามที่โปรโมตจริง ๆ
และอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปจริง ๆ
และอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปจริง ๆ
รับฟังลูกค้าให้มากเข้าไว้ และบางทีก็ไปเก็บฟีดแบ็กด้วยตัวเอง
คุณแจนบอกว่าเวลาที่ไปออกบูทต่าง ๆ บางทีคุณแจนก็เข้าไปเก็บฟีดแบ็ก ถามเรื่องรสชาติ ฟังความเห็นของลูกค้ามาปรับอยู่เสมอ
ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญในการออกเมนูใหม่ต่าง ๆ ด้วย
เนื่องจากคุณบอสเองชอบทำอาหารอยู่แล้ว แล้วก็ชอบทดลองทำเมนูอะไรใหม่ ๆ
เนื่องจากคุณบอสเองชอบทำอาหารอยู่แล้ว แล้วก็ชอบทดลองทำเมนูอะไรใหม่ ๆ
อย่างไส้กรอกตัวดังก็เกิดจากไอเดียพวกนี้ คือต้องขยันคิดใหม่เรื่อย ๆ
ไม่ทำเมนูที่มันเดิม ๆ คือเน้นอะไรที่ลูกค้าชอบมากกว่า
Truffle Cheese, ฟัวกราส์ ก็มาจากความชอบของลูกค้า
ไม่ทำเมนูที่มันเดิม ๆ คือเน้นอะไรที่ลูกค้าชอบมากกว่า
Truffle Cheese, ฟัวกราส์ ก็มาจากความชอบของลูกค้า
นอกจากไส้กรอกแล้ว คุณบอสก็คิดด้วยว่าต้องมีซอสมาทานคู่กัน เพราะคนไทยติดทานซอส
ก็เลยทำ ซอสเมนไทโกะมาโย, ทรัฟเฟิลมาโย ซึ่งตัวซอสเหล่านี้ก็ขายดีจน Sold Out เหมือนกัน
ก็เลยทำ ซอสเมนไทโกะมาโย, ทรัฟเฟิลมาโย ซึ่งตัวซอสเหล่านี้ก็ขายดีจน Sold Out เหมือนกัน
การทำแบรนดิงก็สำคัญ
คุณแจนบอกว่า ในสมัยก่อน โลโกของ Uncle Boss เองก็ไม่ได้เป็นแบบนี้
แต่พอเราต้องเอาขึ้นห้าง คุณแจนก็เปลี่ยนโลโก เปลี่ยนแพ็กเกจจิงใหม่ให้ดูพรีเมียมมากขึ้น
แต่พอเราต้องเอาขึ้นห้าง คุณแจนก็เปลี่ยนโลโก เปลี่ยนแพ็กเกจจิงใหม่ให้ดูพรีเมียมมากขึ้น
อย่างเช่น โลโกตอนแรกใช้คำว่า Uncle Boss Sausages ตอนหลังก็ตัดเอาคำว่า Sausages ออก เพื่อแสดงออกว่าเราไม่ได้ขายแค่ไส้กรอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเมนูอื่น ๆ ขายด้วย
หรืออย่างชื่อ Uncle Boss ก็มีที่มาที่ไปของมัน คือคุณบอสไม่ได้อยากใส่ความเป็นเยอรมันลงไป เหมือนแบรนด์อื่น ๆ ที่มีการเติมภาษาเยอรมันเข้าไป ให้รู้ว่าเป็นสูตรจากเยอรมัน
แต่อยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เรามันเข้าถึงง่ายมากกว่า จึงใช้เป็นชื่อ Uncle Boss ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนทำให้คนในครอบครัวทาน
แต่อยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เรามันเข้าถึงง่ายมากกว่า จึงใช้เป็นชื่อ Uncle Boss ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนทำให้คนในครอบครัวทาน
หรืออย่างเรื่องชื่อเมนู
ถ้าเป็นแบรนด์อื่น เขาอาจจะเติมคำว่า แฟรงก์เฟิร์ตเตอร์เข้าไป ให้ลูกค้ารู้ว่ามันเป็นไส้กรอกเยอรมัน
ถ้าเป็นแบรนด์อื่น เขาอาจจะเติมคำว่า แฟรงก์เฟิร์ตเตอร์เข้าไป ให้ลูกค้ารู้ว่ามันเป็นไส้กรอกเยอรมัน
แต่คุณบอสมองว่า ไส้กรอกเยอรมัน ถึงจะเป็นแฟรงก์เฟิร์ตเตอร์เหมือนกัน แต่ถ้าคนทำคนละคน รสชาติก็ไม่เหมือนกันแล้ว
เวลาตั้งชื่อเลยอยากให้ตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายมากกว่า คืออ่านแล้วเราเข้าใจเลยว่านี่คือไส้กรอกอะไร
อย่างเช่น Four Cheese, Pepper (พริกไทย), Pork (หมู)
อ่านแล้วรู้เลย เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ว่าเป็นไส้กรอกอะไร ซึ่งยังช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายอีกด้วย
อย่างเช่น Four Cheese, Pepper (พริกไทย), Pork (หมู)
อ่านแล้วรู้เลย เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ว่าเป็นไส้กรอกอะไร ซึ่งยังช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายอีกด้วย
-แล้วถ้าถามว่าตอนนี้ไส้กรอกของ Uncle Boss ขายดีแค่ไหน ?
คุณแจนบอกว่า อย่างในช่องทางออนไลน์ก็ขายดีมาก
โดยเฉพาะตัวไส้กรอก Four Cheese
ถ้าเป็นแบบ Pre-Order หรือจองล่วงหน้า (ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าอยากได้ของวันไหน) กดจองตอนนี้ก็จะได้คิวอีกทีช่วงกลางเดือนมีนาคม
ถ้าเป็นแบบ Pre-Order หรือจองล่วงหน้า (ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าอยากได้ของวันไหน) กดจองตอนนี้ก็จะได้คิวอีกทีช่วงกลางเดือนมีนาคม
แต่ถ้าไม่อยากรอ คุณแจนบอกว่าจะมีสต๊อกสำหรับจำหน่ายรายวัน โดยจะเติมของทุกวันเวลา 9 โมงเช้า ซึ่งตอนนี้ก็ขายหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
โดยไส้กรอกตัวที่ขายดี 3 อันดับแรก คือ
Four CheeseEight CheeseTruffle Cheese
ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจ ที่โฟกัสในเรื่องของคุณภาพ
จนแสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าเราทำของที่ดีมีคุณภาพและสามารถรักษามาตรฐานคุณภาพนั้นไว้ได้ตลอด
สุดท้ายแล้ว คนจะสามารถรับรู้ถึงคุณภาพเหล่านั้นได้เอง
โดยที่เราแทบไม่ต้องจ้างใครมาโฆษณา ให้เราเลย..
โดยที่เราแทบไม่ต้องจ้างใครมาโฆษณา ให้เราเลย..
Reference
-สัมภาษณ์พิเศษคุณบอสและคุณแจน เจ้าของแบรนด์ Uncle Boss โดยเพจ BrandCase
-สัมภาษณ์พิเศษคุณบอสและคุณแจน เจ้าของแบรนด์ Uncle Boss โดยเพจ BrandCase
Tag:Uncle Boss