เล่าวิธีคิด การทำการตลาดแบบ ZEEKR กับการสร้างคุณค่าแบรนด์ ระดับพรีเมียม-ลักชัวรี

เล่าวิธีคิด การทำการตลาดแบบ ZEEKR กับการสร้างคุณค่าแบรนด์ ระดับพรีเมียม-ลักชัวรี

26 ธ.ค. 2024
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลาย ๆ คนอาจได้เห็นรถไฟฟ้าแบรนด์จีน เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทย
โดยหลาย ๆ แบรนด์ ต่างก็มีรูปแบบการทำการตลาดที่แตกต่างกันไป
แต่สุดท้าย ก็ลงเอยด้วยสงครามราคา เน้นให้ข้อเสนอสุดพิเศษ และโปรโมชันแก่ลูกค้า
ซึ่งการแข่งขันเรื่อง “ราคา” ที่ดุเดือดเช่นนี้
ถ้าให้เรียกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ว่าเป็น “น่านน้ำสีแดง” ก็คงไม่ผิดนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแบรนด์จีนอีกแบรนด์หนึ่ง ที่ยืนยันว่าจะไม่ขอไปแข่งในเรื่องราคาหรือ “น่านน้ำสีแดง” ร่วมกับแบรนด์อื่น
เรากำลังพูดถึง ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่เพิ่งจะเข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทยได้ไม่นาน
โดยสิ่งที่ ZEEKR กำลังสื่อสารนั้น ก็ชัดเจน คือเน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม-ลักชัวรี เพื่อส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
แล้ววิธีการทำการตลาด และการสื่อสารของ ZEEKR ที่ให้กลุ่มลูกค้าคนไทยได้รับรู้ คืออะไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ZEEKR เป็นแบรนด์รถไฟฟ้ารุ่นใหม่
ภายใต้เครือ Geely Group เจ้าของแบรนด์รถยุโรปชื่อดัง อย่าง Volvo และ Lotus ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทำยอดขายทั่วโลกกว่า 390,000 คัน
ซึ่ง ZEEKR ได้เริ่มต้น เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อไม่นานมานี้
โดยประเดิมส่งรุ่น ZEEKR X รถไฟฟ้า Premium Compact SUV พวงมาลัยขวาครั้งแรกของโลกเข้ามาตีตลาดในไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และให้เปิดจองตั้งแต่ในงาน Motor Show 2024
โดยราคาเปิดตัวของรุ่น ZEEKR X นั้น เริ่มต้นที่ 1,199,000 บาท ในรุ่น Standard
ซึ่งยอดจองรถไฟฟ้า ZEEKR X ในงาน Motor Show 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือน มีนาคม-เมษายน มีมากกว่า 350 คัน
สำหรับแนวทางการสื่อสาร และการทำการตลาดของแบรนด์ ZEEKR ก็ชัดตั้งแต่แรกเลยว่า จะไม่เน้นทำสงครามราคากับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่น ตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย
ZEEKR มุ่งเน้นนวัตกรรม เทคโนโลยีอัจฉริยะ ประสบการณ์ในการใช้งาน และการขับขี่ระดับพรีเมียม ที่มอบความสะดวกสบาย เข้าใจผู้ใช้งาน และความปลอดภัยขั้นสูง
ซึ่งแนวทางการทำการตลาดแบบนี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่รถไฟฟ้าแบรนด์อื่นอาจลอกเลียนแบบได้ยาก
ดังนั้น กลุ่มลูกค้าที่ ZEEKR ต้องการจะสื่อสารออกไปเป็นหลัก ก็เริ่มตั้งแต่
- กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน
- กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดในสังคม เช่น อินฟลูเอนเซอร์, ดารา หรือเจ้าของธุรกิจ ฯลฯ
- ผู้บริหาร
- ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือกลุ่มครอบครัวคนยุคใหม่
โดย ZEEKR มองว่ารถยนต์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะ ที่มีไว้สำหรับเดินทางเพียงอย่างเดียว
แต่ยังเป็นเครื่องมือไว้สำหรับอำนวยความสะดวก ตลอดชีวิตประจำวันของเรา
และยังเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน ที่มาพร้อมกับความปลอดภัยเชิงป้องกันมากมาย โดยเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของลูกค้า
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ZEEKR ก็ได้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่น โดยเริ่มจาก
1. ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาขายแบบ Premium Pricing
คือ ตั้งราคาตามคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่พรีเมียมให้กับแบรนด์
ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ใช่ทุกแบรนด์ ที่สามารถนำกลยุทธ์การตั้งราคาแบบนี้มาใช้ได้
เพราะแบรนด์ที่สามารถตั้งราคาแบบนี้ได้ จะต้องมีสินค้าที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ และสินค้าต้องมีคุณภาพสมราคาจริง ๆ
อย่าง สมาร์ตโฟน Apple, เครือโรงแรม Marriott, กระเป๋า Louis Vuitton และกาแฟ Starbucks
ซึ่งแน่นอนว่า แบรนด์เหล่านี้ ล้วนไม่นำเรื่องสงครามราคา
มาเป็นจุดขายหลักเหมือนกับแบรนด์อื่น เช่นเดียวกับแบรนด์รถไฟฟ้า ZEEKR

โดย ZEEKR จะสื่อสารไปที่คุณภาพของตัวรถ อย่าง ฟังก์ชันการใช้งาน นวัตกรรมการใช้งานรถ
และประสบการณ์ในการขับขี่ระดับพรีเมียมแทน
2. สื่อสารไปหากลุ่มลูกค้าอย่างตรงจุด
ปัจจุบัน ZEEKR มีรถไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทย 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- ZEEKR X รถไฟฟ้า Premium Compact SUV เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่เน้นความพรีเมียม
- ZEEKR 009 Luxury EV MPV 6 ที่นั่ง เจาะกลุ่มครอบครัว ผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือเหล่าดาราเซเลบทั่วไทย ที่ต้องการความสะดวกสบายขั้นสุด
โดย ZEEKR ก็ได้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ผ่านการรีวิวจากผู้ใช้งานจริงบนโซเชียลมีเดีย อย่างช่องยูทูบ ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ EV หรือผ่านอินฟลูเอนเซอร์ KOL บน Instagram ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักของ ZEEKR ติดตามอยู่จำนวนมาก
โดยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ จะเน้นรีวิวเกี่ยวกับสมรรถนะของรถ และการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดูแบบเรียล ๆ ยกตัวอย่างเช่น
- ฐานผู้ชมออนไลน์ที่เป็นกลุ่มสายรถยนต์
ก็จะมีคลิปรีวิวสาธิตระบบการทำงานต่าง ๆ ของเครื่องยนต์
เช่น ระบบการถอยจอดรถ ZEEKR ที่สามารถหมุนพวงมาลัย เข้าไปจอดรถในซองได้โดยอัตโนมัติได้เอง แบบที่ไม่ต้องใช้มือช่วยบังคับเลย
- ฐานผู้ชมออนไลน์ที่เป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์
ก็จะมีคลิปรีวิวความสะดวกสบายของรถยนต์ในมุมต่าง ๆ เช่น การรีวิวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ZEEKR 009 เรื่องการใช้งานภายในห้องโดยสาร
ด้วยฟังก์ชันอเนกประสงค์ ทั้งการปรับเป็นโหมด ที่มี Facility สำหรับนั่งทำงาน, พิมพ์งาน หรือประชุมงานในรถได้ หรือจะพักผ่อน ด้วยการปรับเบาะรถให้นวดก็ได้
หรือระบบ Entertainment ด้วยจออัตโนมัติขนาดใหญ่ ที่สามารถชมภาพยนตร์ภายในห้องโดยสาร ก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ทางแบรนด์เอง ก็ยังได้ใช้วิธีสื่อสารไปหากลุ่มลูกค้า โดยใช้ Friends of ZEEKR
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับ Brand Ambassador คือช่วยสร้างภาพจำ และเข้าถึงคนในวงกว้างเร็วขึ้น
รวมถึงการใช้งานรถยนต์ ZEEKR จาก Friends จริง ๆ ก็เป็นการช่วยยืนยันถึงคุณภาพของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
โดยล่าสุดทาง ZEEKR ก็ได้แต่งตั้ง 2 นักแสดงรุ่นใหม่ อย่าง คุณแจ๊คกี้ จักริน กังวานเกียรติชัย
และ คุณเบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ให้เข้ามาเป็น Friends of ZEEKR
เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ และไลฟ์สไตล์สุดชิก ของคนเมืองยุคใหม่ ให้ขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับความอิสระและสนุกสนาน ผ่านรถไฟฟ้าสุด Premium อย่าง ZEEKR
3. แบรนด์เน้นสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นลักชัวรี
โดยเมื่อเดือนก่อน ZEEKR ได้เลือกสนับสนุนงาน “ELLE Fashion Week 2024”
งานแฟชั่นโชว์ระดับโลก ที่ปีนี้จัดขึ้น ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ศูนย์การค้า ICONSIAM
โดย ELLE Fashion Week เป็นอิเวนต์แฟชั่นโชว์ระดับโลก เปรียบเสมือนงานพรมแดงของเหล่าคนดัง
ที่ในแต่ละปีจะมีแขกเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง, อินฟลูเอนเซอร์ และดิไซเนอร์ชื่อดัง
มาเข้าร่วมงานทุกปี
ซึ่งงาน ELLE Fashion Week จะได้รับความสนใจ
จากกลุ่มคนที่ใส่ใจในเรื่องของไลฟ์สไตล์และสินค้าแบรนด์หรู
ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะสงสัย ว่า ZEEKR เป็นแบรนด์รถไฟฟ้า แต่ทำไมอยากเข้าสู่วงการแฟชั่น ?
นั่นก็เพราะว่า การเข้ามาเป็นสปอนเซอร์เพื่อสนับสนุนอิเวนต์แฟชั่นระดับโลกนั้น สามารถเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของ ZEEKR ในฐานะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ดูหรู ดูแพง และสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม จากผู้เข้าร่วมงาน และผู้ที่สนใจติดตามงานแฟชั่นระดับโลกนี้ได้
โดย ZEEKR ได้จัดบูท และนำรถยนต์ของตัวเอง ไปเป็นส่วนประกอบสำคัญของโชว์
เพื่อให้เหล่าดารา เซเลบ และอินฟลูเอนเซอร์ดัง ๆ บนโซเชียลมีเดีย ได้ทำคอนเทนต์
เพื่อสร้างเอนเกจเมนต์เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงดิไซน์ของรถยนต์ไฟฟ้า ให้กับแฟน ๆ บนโซเชียลมีเดีย นั่นเอง
4. การให้ความสำคัญกับ User Experience
โดย ZEEKR มีช่วงเวลาให้ลูกค้าพบปะกับผู้บริหาร เพื่อเก็บฟีดแบ็กได้โดยตรง
ซึ่งสิ่งนี้ ก็ถือเป็นการสะท้อน User Experience โดยให้ลูกค้า สามารถเล่าประสบการณ์ในการใช้งานรถไฟฟ้า รวมถึงสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกต่อตัวรถและแบรนด์ได้แบบตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ ZEEKR ก็ยังมีแผนในการขยายศูนย์บริการ ด้วยแนวคิด ZEEKR House
โดยตั้งใจให้เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร พร้อมการให้บริการในระดับพรีเมียม
คอนเซปต์ของ ZEEKR House คือไม่ได้มองแค่ว่า จะเป็นศูนย์โชว์รูม ที่ลูกค้าเข้ามาซื้อรถแล้วจบ
แต่จะเป็นศูนย์บริการที่พร้อมจะซัปพอร์ตลูกค้า หลังการขายได้แบบครบวงจร
เพราะ ZEEKR มองว่า การบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว
จะเห็นได้ว่า วิธีการสื่อสารที่ ZEEKR ใช้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของตัวเอง ก็เป็นวิธีการสื่อสารที่มีการศึกษาตลาดและคิดมาอย่างดี เป็นในรูปแบบที่แบรนด์อื่นยากจะสำเร็จ หากทำตามเพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งโดยไม่คำนึงถึงภาพรวมของตลาด กลุ่มเป้าหมาย และแบรนด์เพราะวิธีการสื่อสาร ที่ว่ามานี้ อาจมองได้ว่าเป็น Hard Skill ซึ่งจะต้องใช้ทั้งเวลาและประสบการณ์ รวมถึงการศึกษาตลาดของตน
โดย ZEEKR ก็จะใช้กลยุทธ์ทำการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
จนเกิดเป็นความชำนาญ และสามารถพัฒนาวิธีการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า และพัฒนาสินค้าและการบริการ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในระยะยาว
มาถึงตรงนี้ ถ้าอยากให้ลองวิเคราะห์จุดแข็งที่ ZEEKR มี ว่าแตกต่างจากแบรนด์รถไฟฟ้าอื่นอย่างไร
ก็ต้องบอกว่า ZEEKR ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ ภายใต้เครือ Geely Group
ซึ่งเป็นเจ้าของรถยุโรป อย่าง Volvo และ Lotus
ดังนั้น พื้นฐานในด้านงานดิไซน์ของ ZEEKR ก็จะมีกลิ่นอายความหรูหราของแบรนด์ยุโรป
ทั้งในแง่ของคุณภาพวัสดุ และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงความปลอดภัยมาตรฐานขั้นสูง
โดยศูนย์ Design Center ของ ZEEKR นั้น ตั้งอยู่ที่ประเทศสวีเดน
ที่เป็นประเทศต้นกำเนิดแบรนด์รถยนต์ Volvo นั่นเอง
พอพูดถึงแบรนด์รถยุโรปที่มีชื่อเสียง อย่าง Volvo ก็ต้องบอกว่า
แบรนด์นี้มีความเชื่อมโยงกับ ZEEKR เช่นเดียวกัน
โดย Volvo เป็นแบรนด์รถยนต์ ที่โดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็ได้กลายเป็น Inspiration หรือแรงบันดาลใจ ในการออกแบบ ZEEKR Standard ในด้านของเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับ 5 ดาว
ที่มีอยู่ในตัวรถไฟฟ้า ZEEKR
มาถึงตรงนี้ ถ้าให้ลองวิเคราะห์ในเรื่องของ Brand Archetypes
หรือบุคลิกของแบรนด์ทั้ง 12 รูปแบบ ว่า ZEEKR นั้น เป็นแบบไหน
ก็อาจจะมองได้ว่า ZEEKR อาจเป็น “The Explorer” ที่สะท้อนถึง การแสวงหาความท้าทายใหม่ ๆ อย่าง
การสร้างแบรนด์รถไฟฟ้า ให้มีภาพลักษณ์ที่หรูหรา ด้วยเทคโนโลยี ฟังก์ชัน และดิไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
เพื่อสร้างประสบการณ์สุดแสนพรีเมียมให้แก่ลูกค้า
อีกทั้งพยายามทำการตลาด ด้วยการขับเคลื่อนภาพลักษณ์ของแบรนด์รถไฟฟ้าจีน
ในมิติใหม่ ที่เน้นความหรูหราและเป็นสากล เทียบเท่ากับแบรนด์รถยุโรป
และยังพร้อมที่จะสลัดภาพลักษณ์เก่า ๆ ของลูกค้า ที่มีต่อแบรนด์รถไฟฟ้าจีนอีกด้วย
ซึ่งสุดท้ายนี้ เราก็ต้องจับตาดูต่อไปว่า ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าน้องใหม่สุดพรีเมียม
ที่กำลังมาแรง จะสร้างประสบการณ์ที่ดี ให้กับผู้ใช้งานรถได้มากแค่ไหนและแบรนด์รถไฟฟ้า ที่กำลังแข่งกับตัวเอง อยู่ในน่านน้ำสีคราม จะวิ่งไปได้ไกลแค่ไหนในตลาดประเทศไทย..
เพื่อไม่พลาดข่าวสารที่น่าสนใจ ติดตาม ZEEKR ได้ตามช่องทางด้านล่าง
Website : https://zeekr.co.th
Facebook : @zeekrthailand
Instagram : @zeekrthailand
X : @zeekrthailand
YouTube : @zeekrtha
Line : @zeekrtha หรือคลิก https://lin.ee/3lJF6Jbo
Call Centre : 02-086-9999
#ZeekrThailand #Zeekr #Zeekr009 #ZeekrX
Tag:ZEEKR
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.