สะกดรอยแผนธุรกิจครั้งใหม่ของจระเข้ สู่การเป็นแบรนด์ "วัสดุเพื่อการก่อสร้างครบวงจร"

สะกดรอยแผนธุรกิจครั้งใหม่ของจระเข้ สู่การเป็นแบรนด์ "วัสดุเพื่อการก่อสร้างครบวงจร"

21 พ.ค. 2024
จระเข้ x BrandCase
รู้หรือไม่ แบรนด์ จระเข้ เกิดจากธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ ของคนไทย 
ที่วันนี้สามารถส่งออกวัสดุก่อสร้างไปยัง 17 ประเทศทั่วโลก
ขณะเดียวกัน จระเข้ คือผู้นำตลาด “กาวยาแนวและกาวซีเมนต์” ด้วยยอดขายอันดับหนึ่งในเมืองไทยมายาวนาน และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
ที่นอกจากสินค้าจะมีนวัตกรรมและคุณภาพสูงแล้วนั้น กาวยาแนวและกาวซีเมนต์ของ จระเข้ ยังครบเครื่องทุกงานปูกระเบื้อง เช่น จระเข้เอ็กซ์ตรีมสำหรับปูกระเบื้อง Big Slab กาวยาแนวจระเข้ ที่มีสีสันหลากหลายตอบโจทย์ทุกงานดิไซน์ทั้งวัสดุและอุปกรณ์ เป็นต้น 
ตรงนี้เองที่ทำให้ จระเข้กลายเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ช่างและคนทั่วไปนึกถึงเมื่อต้องการปูกระเบื้อง 
แต่เรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ จระเข้วางตำแหน่งทางการตลาดตัวเอง เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจวัสดุก่อสร้างครบวงจร 
ทำให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จระเข้ปรับเปลี่ยนตัวเอง นอกจาก Branding ที่ทันสมัยมากขึ้น จระเข้ยังรุกหนักในตลาดสีทาอาคารและเคมีก่อสร้าง 
เป้าหมายนอกจากขยายฐานลูกค้า และตอบสนองแฟนคลับที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์ตัวเองแล้วนั้น 
ในมุมการเติบโตธุรกิจของบริษัท วิธีนี้ถือว่ามาถูกทางเลยทีเดียว เพราะเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจและสร้างรายได้เติบโตผ่านธุรกิจหลากหลาย
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตลาดสีทาอาคารและเคมีก่อสร้าง 
จระเข้ ต้องเผชิญความท้าทายจากผู้เล่นรายเก่าทั้ง Inter Brand และแบรนด์ไทยยักษ์ใหญ่
จระเข้ มีวิธีการทำการตลาดอย่างไร ในการสร้างฐานลูกค้าให้ธุรกิจใหม่ของตัวเอง
BrandCase สรุปให้แบบเข้าใจง่าย ๆ
ในความรู้สึกลูกค้าทั่วไปแม้ จระเข้ จะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่การเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างสีทาอาคาร และเคมีก่อสร้าง ทางทีมผู้บริหารก็เลือกที่จะใช้งบโฆษณาสร้างการรับรู้ว่า จระเข้ เป็นแบรนด์ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ครอบคลุมงานก่อสร้างครบวงจร เช่น กลุ่มสินค้าปูกระเบื้อง, กลุ่มสินค้าเคมีก่อสร้าง, กลุ่มสินค้าสีจระเข้ เป็นต้น
จากนั้นก็สร้างสินค้าที่มีนวัตกรรมแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
เริ่มต้นที่ตลาดสีทาอาคารที่ใช้ชื่อแบรนด์  SEE JORAKAY 
โดยใช้จุดขายคือ ผลิตภัณฑ์สีจระเข้ ที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ใช้ไลม์สโตนหรือหินปูนธรรมชาติ เป็นส่วนผสมหลัก ผสานกับเทคโนโลยีกราฟีน วัสดุยุคใหม่ที่มีความแข็งแกร่งจากคาร์บอนอะตอม ทำให้สีนอกจากมีความคงทนสูงแล้วนั้นก็ยังไร้กลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม
เป็นการออกแบบสินค้าที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ของโลก ที่คำนึงถึงความยั่งยืน ทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผู้บริโภคยุคนี้ เลือกจะซื้อและสนับสนุนสินค้าที่เป็น Green มากกว่าสินค้าที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ 
ส่วนสินค้ากลุ่ม “เคมีก่อสร้าง” จะนำจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบคือ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกันซึมมาต่อยอด สร้างนวัตกรรมที่มีจุดเด่นคือครอบคลุมด้านงานก่อสร้างและการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ตั้งแต่งานบนดาดฟ้าหลังคาถึงโครงสร้างรากฐานสิ่งก่อสร้าง เลยทีเดียว
เมื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพได้แล้ว ก็ย่อมต้องสร้างการรับรู้ในตลาดแบบวงกว้าง โดยเลือกที่จะสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, TikTok, Instagram และทำ Branded Content ในรูปแบบ How to ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคนี้
แน่นอนเมื่อสินค้ามีคุณภาพและสร้างการรับรู้สำเร็จแล้วนั้น จระเข้ ก็มองไปที่ปลายทาง นั่นคือ การเสริมความแกร่งในช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อทำตลาดสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างครอบคลุมและครบครันมากขึ้น ผ่าน JORAKAY SHOP ที่มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพทั่วภูมิภาคของประเทศ
โดยมีการส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่บริการ และให้คำปรึกษาผ่านร้านค้าและตัวแทน รวมไปถึงช่องทาง E-commerce ครอบคลุมเกือบทุกแพลตฟอร์ม พร้อมกับเสริมทีม Jorakay Contact Center และ Chat Bot ที่เปิดบริการให้คำปรึกษา 24 ชม. 
ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ยังมีการสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองโดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อว่า JORAKAY FAMILY ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้า และยังเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้า, ช่าง, วิศวกร, พนักงานขาย PC, และคู่ค้าของแบรนด์
พูดง่าย ๆ คือ JORAKAY FAMILY เป็นเสมือนช่องทางที่สร้างสัมพันธ์ที่ดีของคนที่อยู่ในวงจรธุรกิจของบริษัทนั่นเอง
ที่พีคไปกว่านั้นก็คือการปรับเกมธุรกิจครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ขยายไปยังธุรกิจใหม่ ๆ อย่างเดียว แต่ยังต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจากเดิมอยู่ที่ 10% ให้เพิ่มเป็น 15% จากรายได้ทั้งหมดในปีนี้
โดยปัจจุบันจระเข้ ส่งออกสินค้าไป 17 ประเทศทั่วโลก แต่ในปีนี้ บริษัทจะรุกตลาด CLMV กัมพูชา, ลาว, เมียนมา โดยเฉพาะเวียดนาม ที่กำลังเป็นประเทศที่มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ทำให้มีอัตราการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นจำนวนมาก 
จระเข้ เองก็มองเห็นการเติบโตนี้ทำให้ในปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนสร้างสำนักงานที่ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน
ทำให้ในปีนี้เองจระเข้ เปิดเกมรุกนำสินค้าเข้ามาทำตลาดในเวียดนามมากขึ้น ผ่านช่องทางขายที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์และหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเวียดนาม 
แผนธุรกิจเชิงรุกเต็มสตรีมในปีนี้ ก็เพื่อสร้างรายได้ 4,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% หากเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา  
จะทำได้หรือไม่นั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ จระเข้ ทำแล้วในช่วง 32 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้ 
นั่นคือการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่เป็นนวัตกรรมแตกต่างเพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างที่อยู่อาศัยครบวงจร ที่สำคัญยังเป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม 
และความสำเร็จตรงนี้ก็สำคัญไม่แพ้รายได้ที่เติบโตในทุก ๆ ปี 
Reference 
-ข่าวประชาสัมพันธ์และข้อมูล บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จํากัด
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.