
รู้จัก “ชาสามม้า” ชาที่เราเจอ ในร้าน MK และ Bar B Q Plaza
4 ก.พ. 2023
รู้จัก “ชาสามม้า” ชาที่เราเจอ ในร้าน MK และ Bar B Q Plaza | BrandCase
ถ้าหากถามว่าใครเคยดื่มน้ำชาของแบรนด์ “ชาตราสามม้า” บ้าง ?
หลายคนก็อาจจะไม่คุ้นชื่อ
แต่ถ้าหากถามว่า ใครเคยดื่มน้ำชาในร้าน MK บ้าง ?
หลายคนคงตอบว่าเคย
หลายคนก็อาจจะไม่คุ้นชื่อ
แต่ถ้าหากถามว่า ใครเคยดื่มน้ำชาในร้าน MK บ้าง ?
หลายคนคงตอบว่าเคย
ซึ่งรู้ไหมว่า น้ำชาที่เราดื่มใน MK
ก็คือ ชาตราสามม้า นั่นเอง..
ก็คือ ชาตราสามม้า นั่นเอง..
แล้วเรื่องราวของ น้ำชาตราสามม้า ที่หลายคนน่าจะเคยดื่มไปแบบไม่รู้ตัวนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2480 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ “ห้างใบชาอุ้ยปอกี่”
ร้านต้นกำเนิดของใบชาตราสามม้า
ร้านต้นกำเนิดของใบชาตราสามม้า
ร้านนี้ก่อตั้งขึ้น โดยนายเซ็ง แซ่อุ่ย ชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ย่านเยาวราช
แต่ในตอนแรกคุณปู่เซ็งก็รับจ้างทำงานใช้แรงงานทั่วไป
นานวันเข้าก็เริ่มสังเกตเห็นว่า คนในเยาวราชทุกบ้านชอบดื่มชากัน
จึงเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจขายใบชาขึ้นมา
นานวันเข้าก็เริ่มสังเกตเห็นว่า คนในเยาวราชทุกบ้านชอบดื่มชากัน
จึงเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจขายใบชาขึ้นมา
แต่เพราะในตอนนั้นมีเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดชาในเยาวราชอยู่แล้ว และคนใกล้ตัวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าธุรกิจนี้น่าจะไปไม่รอด
เมื่อได้ฟังแบบนั้น แทนที่คุณปู่เซ็งจะล้มเลิกความตั้งใจ แต่กลับรู้สึกฮึกเหิมมากกว่าเดิม
จึงได้นำเงินเก็บทั้งหมดที่หามาได้ จากการรับจ้างทำงาน มาลงทุนเปิดเป็นธุรกิจขายใบชา ที่ชื่อว่า “ห้างใบชาอุ้ยปอกี่”
โดยในช่วงแรกของการทำธุรกิจนี้ จะเป็นการซื้อวัตถุดิบจากร้านชามาเป็นลัง ๆ แล้วมานั่งบรรจุเป็นห่อเล็ก ๆ ใส่หีบ
ใส่ท้ายรถจักรยานถีบออกไปแถวชานเมือง เพื่อตระเวนขายใบชา ทำแบบนี้ทุกวัน ๆ
ใส่ท้ายรถจักรยานถีบออกไปแถวชานเมือง เพื่อตระเวนขายใบชา ทำแบบนี้ทุกวัน ๆ
เมื่อนานวันเข้าจึงได้เอาไปฝากขายกับร้านขายของชำ แต่ในช่วงแรกร้านขายของชำก็ปฏิเสธ
แต่คุณปู่เซ็งไม่รอช้า จับกาต้มน้ำมาชงชาให้เจ้าของร้านขายของชำเหล่านั้น ได้ลองดื่มทันที
แต่คุณปู่เซ็งไม่รอช้า จับกาต้มน้ำมาชงชาให้เจ้าของร้านขายของชำเหล่านั้น ได้ลองดื่มทันที
ผลที่ได้ไม่ใช่แค่หน้าร้านในการฝากขายใบชาเท่านั้น แต่ยังได้เจ้าของร้านเหล่านี้เป็นลูกค้ารายแรก ๆ อีกด้วย
พอธุรกิจดำเนินไปได้สวย คุณปู่เซ็งจึงต้องมองหาแหล่งต้นกำเนิดใบชา เพื่อนำมาผลิตเป็นใบชาของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถควบคุมคุณภาพของใบชา และลดต้นทุนได้
คุณปู่เซ็ง จึงได้ติดต่อสั่งซื้อใบชาจากประเทศจีน และประเทศไต้หวัน เข้ามาปิ้งและผสมเอง เป็นชาเบอร์ต่าง ๆ ซึ่งนี่คือที่มาและจุดเริ่มต้นของ ชาตราสามม้า นั่นเอง
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้คนรู้จักชาตราสามม้ามากขึ้น เกิดขึ้นในงานแสดงสินค้านานาชาติครั้งที่ 1 ที่สวนลุมพินี เมื่อปี พ.ศ. 2506
ในงานนั้นคุณปู่เซ็ง ได้นำเอาใบชาตราสามม้าไปเปิดบูทขาย
โดยการโฆษณาว่า "ซื้อชาแถมกะละมัง"
ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากคนที่ไปเดินในงานได้อย่างล้นหลามเลยทีเดียว
โดยการโฆษณาว่า "ซื้อชาแถมกะละมัง"
ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากคนที่ไปเดินในงานได้อย่างล้นหลามเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่ากะละมังที่แถมนั้นจะหมายถึง “จอกชาสีขาว” ก็ตาม แต่ใบชาตราสามม้าก็สามารถทำยอดขายจากงานนั้นได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่เปิดร้านมา
ต่อมาในรุ่นที่ 2 ชาตราสามม้าก็เริ่มขยายออกไปสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
โดยใช้ช่องทางการขายตามร้านโชห่วย เหมือนแบบที่เคยทำมา และต่อมาก็พัฒนาไปอีกขั้นด้วยการเข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า
และจากเดิมที่ใช้ชื่อ “บริษัท ห้างใบชาอุ้ยปอกี่ จำกัด” ก็ได้เปลี่ยนชื่อ
กลายมาเป็น “บริษัท ใบชาสามม้า จำกัด”
กลายมาเป็น “บริษัท ใบชาสามม้า จำกัด”
โดยมีสินค้าดั้งเดิม เช่น
-ใบชาเบอร์ 1 ซึ่งเป็นน้ำชาสีใสที่ถูกนำไปชงเป็นชาตามร้านดัง ๆ เช่น สุกี้ MK หรือร้านปิ้งย่างอย่าง Bar B Q Plaza
-ใบชาเบอร์ 3 ซึ่งเป็นน้ำชาสีเข้มที่เรามักจะเห็นตามร้านก๋วยเตี๋ยว หรือตามร้านขายเครื่องดื่ม ในเมนูชาเย็นหรือชามะนาว
ปัจจุบัน ชาตราสามม้า ได้ดำเนินธุรกิจมาจนถึงทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งก็คือ คุณอรรถกร อุณหเทพารักษ์ และคุณอิศเรศ อุณหเทพารักษ์
ซึ่งได้มีการต่อยอดและพัฒนาใบชาออกมาเรื่อย ๆ จากชาดั้งเดิมเบอร์ 1 และเบอร์ 3 ที่ขายได้ไม่ถึงหลักร้อยบาทต่อกล่อง (ปริมาณ 80 กรัม) ก็ขยายไปสู่ชาระดับพรีเมียม ราคาหลักพันบาทต่อกล่อง (ปริมาณ 100 กรัม)
อีกทั้งยังมีการขายชาออกมาเป็นชาชุดทดลอง สำหรับคนที่เริ่มต้นดื่มชาด้วย
รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับการชงชาทั้งหมด แบรนด์ตราสามม้า ก็มีขายเช่นกัน
รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับการชงชาทั้งหมด แบรนด์ตราสามม้า ก็มีขายเช่นกัน
และนี่คือเรื่องราวของชาตราสามม้า
ที่เริ่มต้นธุรกิจจากการซื้อมาขายไป ต่อยอดไปสู่การนำเข้าและพัฒนาเป็นสูตรของตัวเอง ที่ขายในราคาหลักสิบ หลักร้อย จนถึงใบชาระดับพรีเมียม ที่ขายกันในราคาหลักพันบาท..
ที่เริ่มต้นธุรกิจจากการซื้อมาขายไป ต่อยอดไปสู่การนำเข้าและพัฒนาเป็นสูตรของตัวเอง ที่ขายในราคาหลักสิบ หลักร้อย จนถึงใบชาระดับพรีเมียม ที่ขายกันในราคาหลักพันบาท..
และเป็นชา ที่ร้านดัง ๆ อย่าง MK และ Bar B Q Plaza นำมาชงให้เราดื่มกัน..