ตำนาน Gillette ผู้ก่อตั้งคิดทั้ง มีดโกน ทั้งฝาจีบปิดขวด
21 ม.ค. 2023
ตำนาน Gillette ผู้ก่อตั้งคิดทั้ง มีดโกน ทั้งฝาจีบปิดขวด | BrandCase
สำหรับผู้ชาย ถ้าพูดถึงแบรนด์มีดโกนหนวดยอดนิยม
เกือบทุกคนน่าจะนึกถึง Gillette
ที่น่าสนใจก็คือ คนที่คิดค้นมีดโกนหนวด Gillette
ยังเป็นคนที่ริเริ่มประดิษฐ์ “ฝาจีบ” ที่ใช้ปิดขวดน้ำอัดลม อีกด้วย
เกือบทุกคนน่าจะนึกถึง Gillette
ที่น่าสนใจก็คือ คนที่คิดค้นมีดโกนหนวด Gillette
ยังเป็นคนที่ริเริ่มประดิษฐ์ “ฝาจีบ” ที่ใช้ปิดขวดน้ำอัดลม อีกด้วย
เรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ?
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อราว 130 ปีก่อน ช่วงปลายทศวรรษ 1890s
มีชายชื่อ King C. Gillette เป็นเซลส์แมนชาวอเมริกัน ในบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารชื่อ Crown Cork and Seal
มีชายชื่อ King C. Gillette เป็นเซลส์แมนชาวอเมริกัน ในบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารชื่อ Crown Cork and Seal
Gillette เป็นคนชอบประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ และก็ได้จดสิทธิบัตรหลายฉบับ
โดยผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นของเขา คือ “ฝาจีบปิดขวดน้ำ”
โดยผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นของเขา คือ “ฝาจีบปิดขวดน้ำ”
ในตอนนั้น Gillette ได้รับมอบหมายจาก William Painter ซึ่งเป็นหัวหน้าของเขา ว่าให้ช่วยคิดค้นอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ ที่ใช้เสร็จแล้วสามารถทิ้งได้เลย
เขาจึงเกิดไอเดีย ประดิษฐ์ฝาสำหรับขวดน้ำ ที่ใช้แล้วทิ้งไป จนออกมาเป็น ฝาจีบ ซึ่งเป็นฝาที่เหมาะกับการใช้กับขวดแก้ว เพราะทนความดันในขวดได้ดี เหมาะสำหรับนำไปใส่พวกน้ำอัดลม
ที่สำคัญคือ มันตรงโจทย์ที่เขาได้มา คือเปิดปุ๊บ ทิ้งปั๊บ
และฝาจีบที่เขาคิด มันก็สร้างรายได้ต่อปีให้บริษัท ได้อย่างมหาศาลในตอนนั้น
และฝาจีบที่เขาคิด มันก็สร้างรายได้ต่อปีให้บริษัท ได้อย่างมหาศาลในตอนนั้น
ใน 5 ปีต่อมา Gillette เริ่มตั้งคำถามกับการโกนหนวดของเขา
คือต้องเล่าว่า เมื่อก่อนการโกนหนวดจะใช้ใบมีดแบบหนา ๆ พอใช้ไปเรื่อย ๆ และเริ่มทื่อ เริ่มไม่คม จะต้องเอาไปให้ร้านที่มีเครื่องมือลับคมให้
พอเป็นแบบนี้ เขาเลยเอาโจทย์เรื่องใช้แล้วทิ้ง ที่เคยทำฝาจีบ มาลองคิดกับใบมีดโกนหนวด
จึงเกิดเป็นไอเดียให้ Gillette อยากประดิษฐ์ใบมีดโกนหนวด ที่สามารถใช้แล้วทิ้งไป โดยไม่ต้องไปลับมีดโกนให้เสียเวลา
และที่สำคัญ ลูกค้าสามารถกลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้
และที่สำคัญ ลูกค้าสามารถกลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้
Gillette ได้เริ่มมองเห็นจุดอ่อนของใบมีดโกนหนวดแบบดั้งเดิม ที่มีความหนามาก
ดังนั้น เขาจึงประดิษฐ์ใบมีดโกนหนวด ที่มีความบางมากกว่าเดิมหลายเท่า โดยให้ใช้ใบมีดโกนหนวดเพียง 2-3 ครั้ง ก็สามารถทิ้งได้เลย
ดังนั้น เขาจึงประดิษฐ์ใบมีดโกนหนวด ที่มีความบางมากกว่าเดิมหลายเท่า โดยให้ใช้ใบมีดโกนหนวดเพียง 2-3 ครั้ง ก็สามารถทิ้งได้เลย
ซึ่งเคล็ดลับในการประดิษฐ์ของ Gillette นั้น คือการนำโลหะแผ่นบาง ๆ
มาประกอบกัน และจะต้องมีคมทั้ง 2 ด้าน แล้วเอามาประกอบติดกับด้ามจับ
ซึ่งก็คือด้ามโกนหนวด คล้าย ๆ ทุกวันนี้
มาประกอบกัน และจะต้องมีคมทั้ง 2 ด้าน แล้วเอามาประกอบติดกับด้ามจับ
ซึ่งก็คือด้ามโกนหนวด คล้าย ๆ ทุกวันนี้
แต่ปัญหาคือ Gillette ไม่มีความรู้ทางด้านเคมี และทางด้านโลหะ จึงไม่รู้วิธีที่จะผลิตใบมีด ให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
6 ปีต่อมา Gillette ก็ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีจาก MIT ท่านหนึ่ง ชื่อ William Nickerson มาเป็นวิศวกร ช่วยออกแบบใบมีดและด้ามจับ ให้สามารถใช้งานได้ดี
มีความปลอดภัย ไม่ให้ถูกมีดโกนหนวดบาด หรือเกิดการระคายเคือง
มีความปลอดภัย ไม่ให้ถูกมีดโกนหนวดบาด หรือเกิดการระคายเคือง
และยังสามารถผลิตออกมาได้ในปริมาณมาก ด้วยต้นทุนที่ถูกลง (Mass Production)
จนสุดท้ายตัวด้ามจับ และมีดโกนหนวด สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และได้จดสิทธิบัตรไปเมื่อปี 1904
และได้จดสิทธิบัตรไปเมื่อปี 1904
สำหรับวิธีการขาย Gillette ผู้เป็นเซลส์แมน ที่เคยผ่านประสบการณ์การขายมาอยู่แล้ว
Gillette ก็ได้ใช้วิธีดึงดูดลูกค้า ด้วยการแจกด้ามมีดโกนที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาก่อน
จากนั้นจึงค่อย ๆ ขายมีดโกนตามไปทีหลัง
จากนั้นจึงค่อย ๆ ขายมีดโกนตามไปทีหลัง
ซึ่งก็ต้องบอกว่า กลยุทธ์การทำตลาดแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะขาดทุน ถ้าลูกค้าไม่ซื้อใบมีดโกนหนวดตามไป
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลูกค้าก็ค่อย ๆ คุ้นเคยกับใบมีดแบบใหม่ของเขา
เพราะเป็นใบมีดที่ใช้งานได้ง่าย มีความสะดวกในการพกพา และไม่ต้องเสียเวลาลับมีดเหมือนแต่ก่อน
เพราะเป็นใบมีดที่ใช้งานได้ง่าย มีความสะดวกในการพกพา และไม่ต้องเสียเวลาลับมีดเหมือนแต่ก่อน
ซึ่งหลังจากที่ได้วางจำหน่ายไปเพียงแค่ 1 ปี ผลิตภัณฑ์โกนหนวดของ Gillette
มียอดขายของด้ามจับมีดโกนหนวดราว 90,000 ชิ้น
และมียอดขายใบมีดโกนหนวด ราว 12.4 ล้านชิ้น
มียอดขายของด้ามจับมีดโกนหนวดราว 90,000 ชิ้น
และมียอดขายใบมีดโกนหนวด ราว 12.4 ล้านชิ้น
ในเวลาต่อมา ธุรกิจผลิตภัณฑ์ของ Gillette ก็ได้เติบโตจนเป็นที่รู้จักมากขึ้น
หลังจากได้สัญญาผลิตมีดโกนหนวดกว่า 3.5 ล้านชุด ให้ทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
หลังจากได้สัญญาผลิตมีดโกนหนวดกว่า 3.5 ล้านชุด ให้ทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
และหลังจากนั้นก็เริ่มขยายฐานการผลิต ไปสู่หลาย ๆ ประเทศในยุโรป
ซึ่งในเวลาต่อมา Gillette ก็ได้ขยายธุรกิจของตัวเอง ด้วยการซื้อแบรนด์ของเครื่องใช้ต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในเครือ เช่น
-แบรนด์ยาสีฟัน และแปรงสีฟัน Oral-B
-แบรนด์เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า Braun
ปัจจุบัน Gillette และแบรนด์อื่น ๆ ที่ซื้อมา กลายมาเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้เครือ P&G
และ Gillette ถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 3 ของแบรนด์ในหมวดเครื่องสำอาง ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
จากการจัดอันดับโดย Brandirectory
จากการจัดอันดับโดย Brandirectory
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
Gillette เป็นใบมีดโกนหนวดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
ถึงขนาดที่ มหาตมา คานธี ผู้นำทางการเมืองที่นำพาประเทศอินเดียสู่อิสรภาพ
ก็ประกาศว่า เป็นแฟนคลับตัวยง ของ Gillette ด้วย..
ก็ประกาศว่า เป็นแฟนคลับตัวยง ของ Gillette ด้วย..