ตำนาน “รามยอน” เกิดยุคขาดแคลนอาหาร วันนี้เป็น Soft Power ของเกาหลีใต้
11 ม.ค. 2023
ตำนาน “รามยอน” เกิดยุคขาดแคลนอาหาร วันนี้เป็น Soft Power ของเกาหลีใต้ | BrandCase
เวลาพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่คนไทยคุ้นเคย
เราก็จะนึกถึง มาม่า หรือ ไวไว
ที่ทุกคนสามารถอิ่มท้องได้ ในราคาซองละไม่ถึง 10 บาท
เราก็จะนึกถึง มาม่า หรือ ไวไว
ที่ทุกคนสามารถอิ่มท้องได้ ในราคาซองละไม่ถึง 10 บาท
แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มเห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี หรือที่เรียกว่า “รามยอน” ขายกันซองละ 30-50 บาท แต่ก็ยังขายดี มีคนซื้อก็ไม่น้อย
โดยแบรนด์ดัง ๆ ก็อย่างเช่น Samyang, Nongshim และ Ottogi
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า รามยอน เป็นเมนูที่เกิดจากวิกฤติขาดแคลนอาหารของคนในเกาหลีใต้
เรื่องนี้น่าสนใจตรงไหนบ้าง ?
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1960s
เกาหลีใต้ เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารอย่างหนัก หลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง
เกาหลีใต้ เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารอย่างหนัก หลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง
ในตอนนั้น อาหารหลักสำหรับคนเกาหลีใต้ มีแต่ข้าว และธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับคนทั้งประเทศ
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บริษัท Samyang Food ก็ได้ก่อตั้งขึ้น
และก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาล ของนายพลปัก ชอง-ฮี
และก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาล ของนายพลปัก ชอง-ฮี
Samyang เน้นผลิตสินค้าให้สามารถเก็บได้นาน รับประทานง่าย ตอบโจทย์การขาดแคลนอาหารในยุคนั้น
จนกระทั่งในปี 1963 บริษัท ก็ได้ผลิต “Samyang Ramen”
ซึ่งถือเป็นรามยอนแบรนด์แรกของเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นขายในราคาซองละ 30 สตางค์ ในตอนนั้น
ซึ่งถือเป็นรามยอนแบรนด์แรกของเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นขายในราคาซองละ 30 สตางค์ ในตอนนั้น
หลังจากที่รามยอนแบรนด์แรกได้ออกจำหน่าย รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ได้สนับสนุนให้รามยอน เป็นอาหารหลัก ลำดับที่ 2 รองจากข้าว
จึงทำให้รามยอน มียอดขายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นอาหารหลักทางเลือกใหม่ สำหรับชาวเกาหลีใต้
รามยอนอีกแบรนด์หนึ่ง ที่สามารถตีตลาดเกาหลีใต้ จนมียอดขายเป็นอันดับ 1 ได้ในเวลาต่อมา
คือแบรนด์ “SHIN Ramyun” ของบริษัท Nongshim
คือแบรนด์ “SHIN Ramyun” ของบริษัท Nongshim
ซึ่งบริษัท Nongshim เป็นบริษัทลูกของ LOTTE
ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มแชโบลของเกาหลีใต้
บริหารโดย ชิน ชุน-โฮ น้องชายของ ชิน คยอก-โฮ ผู้ปลุกปั้น LOTTE
ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มแชโบลของเกาหลีใต้
บริหารโดย ชิน ชุน-โฮ น้องชายของ ชิน คยอก-โฮ ผู้ปลุกปั้น LOTTE
ต่อมาช่วงทศวรรษ 1970s ชิน ชุน-โฮ ได้เห็นโอกาสในการเติบโตของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายในประเทศ
จึงได้เริ่มลงทุนสร้างฝ่ายวิจัยและพัฒนารามยอนอย่างจริงจังในปี 1975
จึงได้เริ่มลงทุนสร้างฝ่ายวิจัยและพัฒนารามยอนอย่างจริงจังในปี 1975
ซึ่งต้องบอกว่า ชิน คยอก-โฮ ผู้เป็นพี่ชาย กลับไม่เห็นด้วยที่จะลงทุนในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
และทำให้ทั้งสองพี่น้องไม่ลงรอยกัน
และทำให้ทั้งสองพี่น้องไม่ลงรอยกัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ ชิน ชุน-โฮ ต้องแยกทางกับพี่ชาย เพื่อมาตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Nongshim
และทำให้มาม่าเกาหลีของ Nongshim ไม่มีคำว่า LOTTE พ่วงท้ายมาจนถึงปัจจุบัน
ก็ต้องบอกว่า ในระหว่างที่ ชิน ชุน-โฮ ออกมาสร้างแบรนด์รามยอนด้วยตัวเอง เขาก็ยังต้องเจอกับคู่แข่งที่ครองตลาดชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ในยุคนั้น อย่าง Samyang
ดังนั้น ชิน ชุน-โฮ จึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อพัฒนารสชาติของรามยอน ให้มีรสชาติที่เผ็ดในแบบเกาหลีแท้ ๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์
จนสามารถมียอดขายแซงหน้า Samyang ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปี 1985
ปีถัดมา ชิน ชุน-โฮ ก็ได้ตัดสินใจใช้ชื่อแบรนด์ว่า Shin Ramyun
และใช้โอกาสที่เกาหลีใต้ ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 1988 ในการโปรโมตสินค้าอย่าง รามยอน ให้กับผู้คนจากทั่วโลก และชาวเกาหลีใต้เองได้รู้จัก
และใช้โอกาสที่เกาหลีใต้ ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 1988 ในการโปรโมตสินค้าอย่าง รามยอน ให้กับผู้คนจากทั่วโลก และชาวเกาหลีใต้เองได้รู้จัก
จนกระทั่ง รามยอนของ Nongshim เป็นที่นิยมอย่างมาก
และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาด ได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของตลาดรามยอนทั่วประเทศเกาหลีใต้
และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาด ได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของตลาดรามยอนทั่วประเทศเกาหลีใต้
นอกจากนี้ Nongshim ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับใบอนุญาต ให้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลก ในปี 1998 อย่างเป็นทางการ ที่ประเทศฝรั่งเศส
ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลก ในปี 1998 อย่างเป็นทางการ ที่ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งในยุคนั้น รามยอนเกาหลี ก็มีหลาย ๆ แบรนด์ที่เป็นคู่แข่งกับ 2 แบรนด์แรกที่ว่ามา เช่น
-Ottogi แบรนด์ที่ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผงแกงกะหรี่ เป็นแบรนด์แรกของเกาหลีใต้
ซึ่งในภายหลัง Ottogi ก็ได้เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ในชื่อแบรนด์ว่า Jin Ramen ได้ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 1988
ซึ่งในภายหลัง Ottogi ก็ได้เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ในชื่อแบรนด์ว่า Jin Ramen ได้ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 1988
-Paldo เป็นแบรนด์รามยอน ของบริษัท Korea Yakult
ได้เริ่มต้นผลิตเส้นรามยอนขึ้นในปี 1983 โดยเน้นผลิตเส้นรามยอนระดับพรีเมียม
ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่สามารถส่งออกไปทั่วโลก
ได้เริ่มต้นผลิตเส้นรามยอนขึ้นในปี 1983 โดยเน้นผลิตเส้นรามยอนระดับพรีเมียม
ให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่สามารถส่งออกไปทั่วโลก
โดยในปัจจุบัน รามยอน 4 แบรนด์หลัก ๆ ที่ขายอยู่ในประเทศเกาหลีใต้
ได้แก่ Nongshim, Ottogi, Samyang และ Paldo
ได้แก่ Nongshim, Ottogi, Samyang และ Paldo
และในช่วงต้นทศวรรษ 2000s ก็ได้เริ่มส่งออกรามยอน ไปตีตลาดต่างประเทศ
ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ รัฐบาลเกาหลีใต้ ได้ส่งเสริมวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างจริงจัง
ทั้งในเรื่องของวงดนตรี K-POP ไปจนถึงซีรีส์เกาหลี ซึ่งก็มีหลาย ๆ ฉาก ที่ทำให้ผู้ชม ได้เห็นถึงวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนเกาหลีใต้
หนึ่งในนั้นก็คือ ฉากต้มรามยอนมากินกัน ที่เราเห็นกันในซีรีส์เรื่องดังหลาย ๆ เรื่อง
หนึ่งในนั้นก็คือ ฉากต้มรามยอนมากินกัน ที่เราเห็นกันในซีรีส์เรื่องดังหลาย ๆ เรื่อง
เมื่อ Soft Power ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อต่าง ๆ
อย่าง ซีรีส์ รายการวาไรตีโชว์ และภาพยนตร์ เริ่มโด่งดังไปทั่วโลก
อย่าง ซีรีส์ รายการวาไรตีโชว์ และภาพยนตร์ เริ่มโด่งดังไปทั่วโลก
จึงทำให้หนึ่งในสินค้าส่งออกหลักอย่าง รามยอน เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2015
เราไปดูยอดส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลีใต้ หรือรามยอน
ปี 2015 มียอดส่งออก 7,446 ล้านบาท
ปี 2018 มียอดส่งออก 14,042 ล้านบาท
ปี 2021 มียอดส่งออก 22,930 ล้านบาท
ปี 2015 มียอดส่งออก 7,446 ล้านบาท
ปี 2018 มียอดส่งออก 14,042 ล้านบาท
ปี 2021 มียอดส่งออก 22,930 ล้านบาท
โดยมีตลาดหลัก 3 อันดับแรก คือ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น
และอันดับ 4 ก็คือ ประเทศไทย นั่นเอง..
References
-https://www.creatrip.com/th/blog/11113
-https://thestatestimes.com/post/2021042508
-https://www.marketingoops.com/exclusive/business-case/korean-instant-noodle-and-soju-case-study/
-https://positioningmag.com/1164191
-https://www.longtungirl.com/2796
-https://www.samyangfoods.com/eng/information/company/index.do
-https://www.blockdit.com/posts/5d8c4c06ec384805a5f6378c
-https://ubitto.com/blog/food/history-of-koreas-most-popular-ramyun-brands/
-http://eng.nongshim.com/about/history
-https://www.nongshim.com.au/story
-https://creatrip.com/en/blog/8572
-https://www.yahoo.com/entertainment/jin-love-ramen-helped-him-001214971.html
-https://www.koreaherald.com/view.php?ud=20220110000795
-https://www.creatrip.com/th/blog/11113
-https://thestatestimes.com/post/2021042508
-https://www.marketingoops.com/exclusive/business-case/korean-instant-noodle-and-soju-case-study/
-https://positioningmag.com/1164191
-https://www.longtungirl.com/2796
-https://www.samyangfoods.com/eng/information/company/index.do
-https://www.blockdit.com/posts/5d8c4c06ec384805a5f6378c
-https://ubitto.com/blog/food/history-of-koreas-most-popular-ramyun-brands/
-http://eng.nongshim.com/about/history
-https://www.nongshim.com.au/story
-https://creatrip.com/en/blog/8572
-https://www.yahoo.com/entertainment/jin-love-ramen-helped-him-001214971.html
-https://www.koreaherald.com/view.php?ud=20220110000795