โปรเจกต์ “มือถือห้ามมีแป้นพิมพ์” ต้นกำเนิด iPhone

โปรเจกต์ “มือถือห้ามมีแป้นพิมพ์” ต้นกำเนิด iPhone

9 ก.ย. 2022
โปรเจกต์ “มือถือห้ามมีแป้นพิมพ์” ต้นกำเนิด iPhone | BrandCase
ครั้งหนึ่ง สตีฟ จอบส์ เคยบอกไว้ว่าโทรศัพท์ที่ขายอยู่ในตลาดตอนนั้น ล้วนห่วยแตก ไม่แพ้เครื่องเล่นเพลงแบบพกพาในอดีต ที่ทั้งซับซ้อน และเต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานยาก 
จากจุดนี้เองที่ทำให้เขาเริ่มตื่นเต้น กับการสร้างโทรศัพท์ระดับพรีเมียมและทันสมัย ที่วางคอนเซปต์สำคัญคือ “ห้ามมีแป้นพิมพ์” จนกลายมาเป็น iPhone
แล้วเรื่องราวตอนนั้นเป็นอย่างไร ?
BrandCase จะเล่าเรื่องมุมนี้ ที่หลายคนยังไม่รู้ให้อ่าน แบบเข้าใจง่าย ๆ
เรื่องนี้เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง สตีฟ จ็อบส์ 
โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน
ในปี 2005 ตอนนั้นตลาดโทรศัพท์มือถือกำลังเป็นที่นิยม เพราะเพียงแค่ปีเดียวก็มีการขายโทรศัพท์มือถือได้มากถึง 825 ล้านเครื่อง 
และในปีเดียวกันยอดขายของ iPod ก็ขายได้ถึง 20 ล้านเครื่อง ทำให้ iPod กลายเป็นสินค้าที่ทำยอดขายให้กับ Apple มากถึง 45% 
สตีฟ จอบส์ เลยกลัวว่าในอนาคตถ้าโทรศัพท์มือถือใส่เพลงลงไปได้ ก็คงไม่มีใครซื้อ iPod แล้ว
เมื่อคิดแบบนั้น เขาเลยตัดสินใจเริ่มทำโทรศัพท์ขึ้นมา
โดยตั้งต้นจากการปรับเปลี่ยนเครื่อง iPod ที่มีอยู่ 
แต่เพราะว่าการป้อนตัวเลขโดยใช้แทร็กวีลของ iPod มันซับซ้อนและวุ่นวายเกินไป 
โดยเฉพาะเวลาที่ต้องหมุนหมายเลขโทรศัพท์ จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทีมพัฒนาต้องแก้ไข
ในขณะเดียวกัน Apple เองก็มีโปรเจกต์ลับ ๆ ที่ไม่มีใครรู้ นั่นก็คือ 
การสร้างคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต (ในตอนนี้คือ iPad) 
แต่แทนที่มันจะถูกเก็บเป็นโปรเจกต์ลับ ๆ ต่อไป กลับมีจุดพลิกผันที่ทำให้ต้องถูกเปิดเผย..
เมื่อ จอบส์ ได้ไปร่วมงานฉลองวันเกิดของหนึ่งในทีมวิศวกร ที่กำลังพัฒนาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้ Microsoft 
เจ้าของงานได้หลุดปากพูดเรื่องความลับของคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตของ Microsoft ออกมา บอกว่า Microsoft จะพลิกโลก และแนะนำว่า Apple ควรมาขอใช้ซอฟต์แวร์ของ Microsoft เสียนะ
เรื่องนี้ทำให้ จอบส์ ยอมไม่ได้ วันรุ่งขึ้นเขาเข้ามาที่ออฟฟิศและบอกกับลูกทีมว่า
เราจะสร้างแท็บเล็ต แต่ห้ามมีคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์ป้อนข้อมูลอื่น ๆ ผู้ใช้งานจะใช้เพียงแค่นิ้วสัมผัสหน้าจอเท่านั้น 
ซึ่งหน้าจอที่ว่านี้ก็มีชื่อเรียกต่อมาว่า “หน้าจอ Multi-Touch”
ในตอนนั้น ก็มีทีมงานใน Apple กำลังออกแบบ Trackpads หรือแป้นควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัส สำหรับเครื่อง MacBook พอดี
เมื่อจอบส์เห็น ก็รู้ทันทีว่าสิ่งนี้ จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต 
และถึงแม้ว่า จอบส์ จะเพิ่งบอกลูกทีมไปว่า จะสร้างแท็บเล็ต เพื่อแข่งกับ Microsoft
แต่เพราะช่วงนั้นการสร้างโทรศัพท์สำคัญกว่า โครงการแท็บเล็ตจึงต้องหยุดเอาไว้ก่อน 
เทคโนโลยีแบบนิ้วสัมผัส จึงถูกนำเอาไปใช้กับการสร้างโทรศัพท์แทน 
แต่เพราะยังไม่แน่ใจว่า หน้าจอแบบนิ้วสัมผัสที่พัฒนาขึ้น จะใช้งานได้ดีกับโทรศัพท์ขนาดเล็กหรือไม่ 
Apple จึงตัดสินใจแยกออกเป็น 2 โครงการ คือ
- โครงการ P1 โทรศัพท์แบบ Click Wheel มีแป้นที่เหมือนกับ iPod
- โครงการ P2 โทรศัพท์แบบ Multi-Touch ใช้เทคโนโลยีนิ้วสัมผัส ที่ได้จากโครงการแท็บเล็ต
แต่ Apple ไม่ได้เป็นคนเดียวที่สร้างหน้าจอแบบนิ้วสัมผัส เพราะในช่วงเวลานั้นมีบริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า FingerWorks ได้ประดิษฐ์ Trackpads แบบ Multi-Touch ออกมาแล้ว 
ที่มากไปกว่านั้นคือ บริษัท FingerWorks ยังได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรคุ้มครองเทคโนโลยีนี้ไว้อีกด้วย
สุดท้าย Apple จึงเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัท FingerWorks รวมถึงสิทธิบัตรทุกฉบับ..
และตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา บริษัท FingerWorks ก็เลิกขายผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าคนอื่น และหันมายื่นขอสิทธิบัตรใหม่ในนาม Apple แทน
หลังจากผ่านไป 6 เดือน Apple ก็ตัดสินใจเลือกพัฒนาแค่โทรศัพท์แบบ Multi-Touch เพียงอย่างเดียว
แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าหน้าจอแบบสัมผัสจะใช้งานได้ดีจริงไหม คนในทีมบางคนจึงได้เสนอว่า
“โทรศัพท์ที่มีคีย์บอร์ดน่าจะรุ่งกว่า” เพราะตอนนั้น BlackBerry กำลังได้รับความนิยม และ Apple ควรทำโทรศัพท์แบบมีคีย์บอร์ด
แต่ จอบส์ มองว่า การมีคีย์บอร์ดดูเหมือนเป็นทางออกที่ง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นตัวสร้างข้อจำกัด 
และถ้าเราใช้หน้าจอ Multi-Touch เราจะสามารถทำให้มันแสดงผลเป็นอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ 
หลังจากนั้น Apple ก็ทุ่มเทให้กับโปรเจกต์โทรศัพท์ มากกว่าโปรเจกต์อื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ได้ผ่านการออกแบบเพียงแค่ครั้งเดียว 
และการออกแบบ iPhone ก็เหมือนกัน 
หลังจากทำมานาน 9 เดือน โครงการโทรศัพท์ของ Apple ก็ต้องรื้อทำใหม่ทั้งหมด เพราะ จอบส์ บอกว่า “หน้าตาของมันยังไม่โดนใจ”
เมื่อ จอบส์ ต้องการแบบนั้นและทั้งทีมก็เห็นด้วย ทุกคนจึงใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดไปกับการสร้างโทรศัพท์ใหม่
จอบส์ เข้าไปควบคุมทุกกระบวนการ ตั้งแต่ฟังก์ชัน เลื่อนเพื่อเปิด (swipe to open) เซนเซอร์เปิด-ปิดหน้าจอ เวลาเครื่องแนบหู รวมไปถึงรูปร่างของไอคอนที่แสดงบนหน้าจอ
สุดท้าย Apple ก็สามารถสร้างโทรศัพท์อัจฉริยะ หรือที่เรียกว่า “สมาร์ตโฟน” ได้สำเร็จ
โทรศัพท์ที่มีหน้าจอกว้างสุดขอบเครื่อง พร้อมปุ่มโฮมแค่ปุ่มเดียว 
ตัวเครื่องทำจากเหล็กกล้ากันสนิม ดีไซน์เครื่องที่บางเฉียบ (ในสมัยนั้น) และฝาหลังที่แกะไม่ได้
โทรศัพท์เครื่องนี้ ที่ต่อมาจะถูกขนานนามว่า สมาร์ตโฟน ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ในงาน Macworld ปี 2007 
โดยภายในงานเปิดตัว สตีฟ จอบส์ ได้บอกทุกคนว่า..
วันนี้เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่จะมาปฏิวัติ 3 วงการ ได้แก่
- iPod 
- โทรศัพท์ 
- การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต 
จอบส์บอกว่า เราไม่ได้สร้าง 3 อย่างนั้นแยกกัน แต่เรารวมมันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว และเราเรียกมันว่า “iPhone”..
หลังจากวันนั้น iPhone รุ่นแรกก็ได้วางขายไปทั่วโลก 
และได้กลายเป็นต้นแบบของโทรศัพท์แบบไร้ปุ่มกดในเวลาต่อมา
จนปัจจุบัน Apple ก็เพิ่งได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด อย่าง iPhone 14 ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง..
References
-หนังสือ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.