กลยุทธ์ สร้างแบรนด์ขนมหวาน ให้พรีเมียม ฉบับ Godiva

กลยุทธ์ สร้างแบรนด์ขนมหวาน ให้พรีเมียม ฉบับ Godiva

2 ม.ค. 2022
กลยุทธ์ สร้างแบรนด์ขนมหวาน ให้พรีเมียม ฉบับ Godiva | THE BRIEFCASE
ถ้าพูดถึงช็อกโกแลตระดับพรีเมียม หลายคนคงจะนึกถึงประเทศเบลเยียม
และแบรนด์ชื่อดังที่อยู่คู่กับประเทศเบลเยียมมานานถึง 95 ปี ก็คงหนีไม่พ้น Godiva
แล้วอะไรที่ทำให้แบรนด์ช็อกโกแลตพรีเมียมนี้อยู่คู่โลกนี้มานานถึง 95 ปี
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
1. แม้ว่าขนมหวานของเราจะอร่อยไม่แพ้เจ้าไหน แต่เรื่องราวของแบรนด์ก็สำคัญไม่แพ้กัน
แบรนด์ Godiva เริ่มต้นมาจากคุณ Pierre Draps Sr. หัวหน้าครอบครัวตระกูล Draps ที่ทำธุรกิจผลิตช็อกโกแลตเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
และในแต่ละวันช็อกโกแลตจากในร้าน จะถูกนำไปส่งตามห้างสรรพสินค้าเพื่อการจำหน่าย
โดยสินค้ายอดฮิตในช่วงนั้นคือ พราลีน ขนมหวานที่ทำด้วยช็อกโกแลตสอดไส้ที่มีทั้งอัลมอนด์ ทอฟฟี่
รวมไปถึงผลไม้นานาชนิด
อย่างไรก็ตาม ขนมหวานชนิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มากว่าร้อยปีแล้ว
และตระกูล Draps เป็นเพียงหนึ่งในร้อยกว่าร้านที่ผลิตช็อกโกแลตชนิดนี้
แต่ด้วยความที่ขนมหวานชนิดนี้สามารถหาได้ทั่วไป และหน้าตากับรสชาติก็คล้าย ๆ กัน
รวมถึงที่ประเทศเบลเยียมเองก็มีร้านช็อกโกแลตแบบนี้มากมายเต็มไปหมด
ทำให้แบรนด์ Godiva ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเป็นจุดเด่นของแบรนด์ดี
และในช่วงนั้นเองที่คุณ Draps Senior ยังไม่สามารถคิดค้นชื่อบริษัทที่ถูกใจได้
เขาได้บังเอิญไปพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจของนิยายสตรีสูงศักดิ์แห่งเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ
ที่ตัดสินใจรับคำท้าของขุนนางผู้เป็นสามี ยอมเปลือยกายและขี่ม้ารอบเมือง เพื่อให้สามีลดภาษีให้ประชาชน
ซึ่งเรื่องราวของเลดี้โกไดวาได้ถูกเล่าขาน จนรูปปั้นของวีรสตรีท่านนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่จัตุรัสกลางเมืองโคเวนทรี ตั้งแต่ปี 1678 จนถึงปัจจุบัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เรื่องราวเหล่านี้จึงถูกนำมาถ่ายทอดลงไปในสินค้าของตระกูล Draps ทั้งอยู่ในรูปของ โลโก และสตอรีของแบรนด์ โดยคุณ Draps Senior เชื่อว่าความกล้า ความมีน้ำใจ และความสง่างามของเลดี้โกไดวา จะทำให้ช็อกโกแลตของเขาประสบความสำเร็จ และชนะใจผู้ที่ได้ลิ้มลองเหมือนที่เรื่องราวของเลดี้โกไดวาชนะใจคนจนกลายมาเป็นตำนาน
2. ใส่ใจกับคุณภาพ โดยวัตถุดิบต้องอยู่ในระดับพรีเมียม
วัตถุดิบหลักสำหรับการทำช็อกโกแลตก็คือ โกโก้
แบรนด์ Godiva จึงเลือกใช้เมล็ดโกโก้จาก Ivory Coast ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุด
นอกจากนี้ Godiva จะไม่ยอมเปลี่ยนทุกสิ่งของแบรนด์ที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดโกโก้ เฮเซลนัท
หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ใช้ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ เมื่อต้องเผชิญกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้น
เพราะการรักษาคุณภาพให้ดีที่สุด เป็นเรื่องของความไว้วางใจ มาตรฐานแบรนด์ที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้
และการตอบแทนผู้อื่นด้วยคุณภาพและรสชาติของช็อกโกแลตระดับพรีเมียมนี่เอง ที่ทำให้ Godiva เป็น Godiva
3. ช่องทางการจำหน่ายต้องเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน Godiva จะมีหน้าร้านเป็นของตัวเองกว่า 600 แห่ง
และสามารถขยายสาขาไปได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก
แต่คุณ Nurtac Afridi CEO ของ Godiva มองว่ายังไม่เพียงพอ และต้องเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่านี้
จึงเกิดเป็นกลยุทธ์ Omnichannel ขึ้นมา ผลักดันให้ผู้บริโภคทั่วไปเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
ซึ่งตอนนี้ก็สามารถหาซื้อ Godiva ได้จากหน้าร้านของทางแบรนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ช่องทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
4. แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย
การขยายและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง
เพราะไม่ต้องการให้ Godiva เป็นแค่ขนมที่ให้ความรู้สึกพิเศษเฉพาะกับบางกลุ่ม หรือบางเทศกาลเท่านั้น แต่ต้องทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาช็อกโกแลตหรือของหวานได้ทุกโอกาสและตามความต้องการ
ทั้งเรื่องของการให้ความสำคัญกับสตอรีแบรนด์ผ่านการนำนวนิยายที่มีประวัติที่น่าสนใจ มาประยุกต์เป็นสัญลักษณ์ให้กับแบรนด์ตนเอง การควบคุมวัตถุดิบให้ดีที่สุด อาจเป็นเบื้องหลัง
ความสำเร็จที่ทำให้ Godiva อยู่คู่คนทั้งโลกมาเกือบร้อยปี..
References
-https://finance.yahoo.com/video/godiva-ceo-adopted-omnichannel-strategy-161137709.html
-https://www.forbes.com/sites/jenniferpalumbo/2021/12/21/how-godivas-new-business-strategy-drives-growth-and-advances-social-change/?sh=6e9e68d36e18
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.