สรุปแนวคิดธุรกิจ ฉบับ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ปลุกปั้น Robinhood
21 ต.ค. 2021
สรุปแนวคิดธุรกิจ ฉบับ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ปลุกปั้น Robinhood | THE BRIEFCASE
ในปีที่ผ่านมานี้ หลายคนคงรู้ดีว่าอุตสาหกรรมฟูดดิลิเวอรีนั้น แข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน
ซึ่งถ้ามองดูตลาดที่มีผู้เล่นหลายเจ้าครองตลาดอยู่แล้ว ก็คงไม่มีใครกล้าลงไปแข่งขันด้วยแน่นอน
แต่แล้ววันหนึ่ง กลับมีแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Robinhood เปิดตัวขึ้นมา ซึ่งมีการชูจุดเด่นที่สามารถทำให้เข้ามาชิงฐานลูกค้าไปได้อย่างรวดเร็วคือ “การไม่เก็บค่า GP จากร้านอาหาร”
ซึ่งโมเดลที่ว่านี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
สำหรับหัวหอกของโปรเจกต์นี้ ที่ต้องให้เครดิตว่าเป็นผู้ปลุกปั้นแอปพลิเคชันฟูดดิลิเวอรี Robinhood ให้หลายคนรู้จัก คือ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ
แล้ว คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ที่ปลุกปั้น Robinhood ขึ้นมานั้น เขามีแนวคิดด้านการทำงานที่น่าสนใจ อย่างไรบ้าง ?
1. มีมุมมองต่อความล้มเหลว ในด้านที่ดี โดยมีคอนเซปต์ว่า “ล้ม ลุก เรียน รู้”
คุณธนา มักให้สัมภาษณ์เสมอ ว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ล้มเหลวมามาก แต่สิ่งที่ทำให้คุณธนา แตกต่างจากคนอื่น คือการนำความล้มเหลวเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน และมองว่าความล้มเหลวนี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
คุณธนาเอง ก็ไม่รู้สึกกลัวความล้มเหลวหรือความผิดพลาดแต่อย่างใด แต่กลับมองว่าถ้าไม่ผิดพลาด เราต่างหากที่จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
โดยคุณธนา มักจะยกตัวอย่างความล้มเหลวจากบริษัท Mc Jeans ที่เขาเคยได้เข้าไปเป็น CEO อยู่ราว ๆ 6 เดือน แล้วรู้สึกว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถนัดเท่าไรนัก
ซึ่งคุณธนาเอง ก็ได้นำเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาเป็นบทเรียนชีวิต นำไปต่อเป็นจิกซอว์ชีวิต ให้ไม่ทำพลาดซ้ำเดิมอีก
นอกจากนี้ คุณธนาได้เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกแย่ที่อาจเกิดขึ้นไว้ในหนังสือ “ล้ม ลุก เรียน รู้” ซึ่งเป็นหนังสือของคุณธนาเอง ว่า “ดีหรือแย่ ยังไม่รู้” พร้อมกับให้ข้อคิดว่าความรู้สึกแย่ ณ ตอนนี้อาจจะพัดพาเราไปเจอกับสิ่งที่ดีกว่าในชีวิตก็ได้
2. ทำธุรกิจยุคนี้ ต้องรู้จัก “Give” ก่อน “Take”
คุณธนา กล่าวไว้ว่าการทำธุรกิจยุคนี้ ไม่เหมือนยุคก่อน ที่จะสามารถสนใจแต่ตัวกำไร ทำธุรกิจยุคนี้ต้องรู้จักเป็นผู้ให้หรือ Giver หรือ “ให้” ก่อนจะ Take หรือ “รับ” ให้คนรักเราและหันมาพึ่งพาเรา ทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่ได้เอาเปรียบ จากนั้นจึงค่อยหาวิธีทำกำไรบ้าง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Alibaba, Shopee หรือ Lazada ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Loss Leader คือยอมขาดทุนในช่วงแรก ๆ เพื่อให้มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากก่อน แล้วจึงสามารถทำกำไรภายหลัง
ซึ่งในกรณีของ Robinhood คุณธนา กล่าวไว้ว่าเป็นงบการทำ CSR หรือกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของไทยพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะต้องเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด แต่ทำขึ้นเพราะอยากช่วยคนตัวเล็กจริง ๆ
3. ถ้าจะเริ่มทำอะไร ให้คิดไปถึงมาตรฐานโอลิมปิก
คุณธนามักกล่าวอยู่เป็นประจำ ว่าเมื่อจะทำอะไร อย่าคิดแค่มาตรฐานระดับต่ำ ๆ หรือกลาง ๆ เท่านั้น แต่ให้มองไปถึงโอลิมปิก หรือมาตรฐานระดับสูงสุด ว่าถ้าเป็นธุรกิจระดับนั้น เขาทำกันอย่างไร
ถ้าหากเราจะเริ่ม 1 ธุรกิจ ใครคือที่สุดของโลก แล้วศึกษาว่าเขาทำอย่างไร จึงประสบความสำเร็จ
แล้วเราสามารถทำอย่างไร ให้แตกต่างและดี ในระดับโอลิมปิกแบบเขาได้บ้าง
4. ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ได้ ให้ลองสู้แบบมวยรอง (Underdog Marketing)
นับเป็นกลยุทธ์ที่คุณธนา เลือกใช้กับ Robinhood ที่ไม่ได้ต้องการจะไปแข่งชิงเบอร์ 1 กับเจ้าตลาด ที่แข็งแกร่งมาก ๆ อยู่แล้ว เพียงแต่พยายามหาตำแหน่งทางการตลาดที่เป็น “มวยรอง” เพื่อใช้สร้างจุดยืนของเราให้ชัดเจน
เห็นได้ชัดจากที่ Robinhood เข้าไปเจาะตลาดเจ้าของร้านอาหารรายย่อย ที่ไม่ได้เป็นร้านค้าในเครือของเจ้าตลาด เพราะไม่อาจสู้การโดนหักค่า GP ซึ่งแต่เดิม ร้านเล็ก ๆ เหล่านี้เขาก็มีกำไรน้อยอยู่แล้ว
5. เป็นผู้นำแบบรู้กว้าง จะสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
คุณธนา เป็นคนที่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยคุณธนาเคยกล่าวไว้ว่า ชอบรู้กว้าง ๆ รู้หลาย ๆ เรื่อง มากกว่าอยู่กับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งนาน ๆ เพราะนอกจากจะเป็นความสนุกและความชอบส่วนตัวแล้ว ยังทำให้เมื่อเราไปเจออะไรใหม่ ๆ ก็จะเชื่อมโยงกับภูมิความรู้เดิม ให้กลายเป็นสิ่งที่ดีขึ้น สมบูรณ์มากขึ้นได้
6. ทักษะการทำงานที่ต้องมีในยุคนี้คือ “ทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling)”
คุณธนากล่าวไว้ว่า ต่อให้จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเล่าเรื่องไม่เป็น พลังจะหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งการที่เราจะเล่าเรื่องได้เก่งและดี เราต้องรู้เยอะ ๆ จึงจะเชื่อมโยง และยกตัวอย่างให้สามารถเข้าใจได้ง่าย
และที่สำคัญคือ เราต้องมีความเข้าใจผู้อื่น มีความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ดูว่าคนฟังเป็นใคร เขาสามารถเข้าใจสารแบบไหน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำและสำหรับทุก ๆ คนที่ควรมีในยุคสมัยนี้
นอกจาก แนวคิดของคุณธนา ในการดำเนินธุรกิจที่สรุปมาให้คร่าว ๆ วันนี้แล้ว คุณธนายังมีหนังสือที่ชื่อว่า “ล้ม ลุก เรียน รู้” ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับบทเรียนของคุณธนา ทั้งที่ได้จากการใช้ชีวิตและการทำงานของคุณธนาเอง ที่ตั้งใจเขียนไว้ให้กับลูกสาวทั้ง 2 คน และยังนับเป็นบทเรียนที่ควรค่าสำหรับการเรียนรู้เป็นอย่างมาก
จากเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ชัดว่า คุณธนา เป็นหนึ่งบุคคลที่มีทัศนคติเชิงบวกสูงมาก อีกทั้งยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้คนตัวเล็ก ๆ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่คุณธนา จะขึ้นชื่อว่ามีมิตรสหายรักทั่ววงการธุรกิจ
และเป็นสิ่งที่สามารถทำให้สรุปได้ว่า การทำธุรกิจหรือทำงานในทุกวันนี้ สิ่งที่สำคัญเหนือทักษะความสามารถ คือทัศนคติที่พร้อมจะเปิดรับ, เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รวมถึงความกล้าที่จะ “ล้มเหลว” นั่นเอง..
References
-https://www.youtube.com/watch?v=oeJ5xZ9tZYU
-https://www.youtube.com/watch?v=09Yb93sfEmc
-https://www.youtube.com/watch?v=ri4ezwEpS04
ในปีที่ผ่านมานี้ หลายคนคงรู้ดีว่าอุตสาหกรรมฟูดดิลิเวอรีนั้น แข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน
ซึ่งถ้ามองดูตลาดที่มีผู้เล่นหลายเจ้าครองตลาดอยู่แล้ว ก็คงไม่มีใครกล้าลงไปแข่งขันด้วยแน่นอน
แต่แล้ววันหนึ่ง กลับมีแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Robinhood เปิดตัวขึ้นมา ซึ่งมีการชูจุดเด่นที่สามารถทำให้เข้ามาชิงฐานลูกค้าไปได้อย่างรวดเร็วคือ “การไม่เก็บค่า GP จากร้านอาหาร”
ซึ่งโมเดลที่ว่านี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
สำหรับหัวหอกของโปรเจกต์นี้ ที่ต้องให้เครดิตว่าเป็นผู้ปลุกปั้นแอปพลิเคชันฟูดดิลิเวอรี Robinhood ให้หลายคนรู้จัก คือ คุณธนา เธียรอัจฉริยะ
แล้ว คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ที่ปลุกปั้น Robinhood ขึ้นมานั้น เขามีแนวคิดด้านการทำงานที่น่าสนใจ อย่างไรบ้าง ?
1. มีมุมมองต่อความล้มเหลว ในด้านที่ดี โดยมีคอนเซปต์ว่า “ล้ม ลุก เรียน รู้”
คุณธนา มักให้สัมภาษณ์เสมอ ว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ล้มเหลวมามาก แต่สิ่งที่ทำให้คุณธนา แตกต่างจากคนอื่น คือการนำความล้มเหลวเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน และมองว่าความล้มเหลวนี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
คุณธนาเอง ก็ไม่รู้สึกกลัวความล้มเหลวหรือความผิดพลาดแต่อย่างใด แต่กลับมองว่าถ้าไม่ผิดพลาด เราต่างหากที่จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
โดยคุณธนา มักจะยกตัวอย่างความล้มเหลวจากบริษัท Mc Jeans ที่เขาเคยได้เข้าไปเป็น CEO อยู่ราว ๆ 6 เดือน แล้วรู้สึกว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถนัดเท่าไรนัก
ซึ่งคุณธนาเอง ก็ได้นำเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาเป็นบทเรียนชีวิต นำไปต่อเป็นจิกซอว์ชีวิต ให้ไม่ทำพลาดซ้ำเดิมอีก
นอกจากนี้ คุณธนาได้เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกแย่ที่อาจเกิดขึ้นไว้ในหนังสือ “ล้ม ลุก เรียน รู้” ซึ่งเป็นหนังสือของคุณธนาเอง ว่า “ดีหรือแย่ ยังไม่รู้” พร้อมกับให้ข้อคิดว่าความรู้สึกแย่ ณ ตอนนี้อาจจะพัดพาเราไปเจอกับสิ่งที่ดีกว่าในชีวิตก็ได้
2. ทำธุรกิจยุคนี้ ต้องรู้จัก “Give” ก่อน “Take”
คุณธนา กล่าวไว้ว่าการทำธุรกิจยุคนี้ ไม่เหมือนยุคก่อน ที่จะสามารถสนใจแต่ตัวกำไร ทำธุรกิจยุคนี้ต้องรู้จักเป็นผู้ให้หรือ Giver หรือ “ให้” ก่อนจะ Take หรือ “รับ” ให้คนรักเราและหันมาพึ่งพาเรา ทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่ได้เอาเปรียบ จากนั้นจึงค่อยหาวิธีทำกำไรบ้าง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Alibaba, Shopee หรือ Lazada ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Loss Leader คือยอมขาดทุนในช่วงแรก ๆ เพื่อให้มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากก่อน แล้วจึงสามารถทำกำไรภายหลัง
ซึ่งในกรณีของ Robinhood คุณธนา กล่าวไว้ว่าเป็นงบการทำ CSR หรือกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมของไทยพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะต้องเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด แต่ทำขึ้นเพราะอยากช่วยคนตัวเล็กจริง ๆ
3. ถ้าจะเริ่มทำอะไร ให้คิดไปถึงมาตรฐานโอลิมปิก
คุณธนามักกล่าวอยู่เป็นประจำ ว่าเมื่อจะทำอะไร อย่าคิดแค่มาตรฐานระดับต่ำ ๆ หรือกลาง ๆ เท่านั้น แต่ให้มองไปถึงโอลิมปิก หรือมาตรฐานระดับสูงสุด ว่าถ้าเป็นธุรกิจระดับนั้น เขาทำกันอย่างไร
ถ้าหากเราจะเริ่ม 1 ธุรกิจ ใครคือที่สุดของโลก แล้วศึกษาว่าเขาทำอย่างไร จึงประสบความสำเร็จ
แล้วเราสามารถทำอย่างไร ให้แตกต่างและดี ในระดับโอลิมปิกแบบเขาได้บ้าง
4. ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ได้ ให้ลองสู้แบบมวยรอง (Underdog Marketing)
นับเป็นกลยุทธ์ที่คุณธนา เลือกใช้กับ Robinhood ที่ไม่ได้ต้องการจะไปแข่งชิงเบอร์ 1 กับเจ้าตลาด ที่แข็งแกร่งมาก ๆ อยู่แล้ว เพียงแต่พยายามหาตำแหน่งทางการตลาดที่เป็น “มวยรอง” เพื่อใช้สร้างจุดยืนของเราให้ชัดเจน
เห็นได้ชัดจากที่ Robinhood เข้าไปเจาะตลาดเจ้าของร้านอาหารรายย่อย ที่ไม่ได้เป็นร้านค้าในเครือของเจ้าตลาด เพราะไม่อาจสู้การโดนหักค่า GP ซึ่งแต่เดิม ร้านเล็ก ๆ เหล่านี้เขาก็มีกำไรน้อยอยู่แล้ว
5. เป็นผู้นำแบบรู้กว้าง จะสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
คุณธนา เป็นคนที่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยคุณธนาเคยกล่าวไว้ว่า ชอบรู้กว้าง ๆ รู้หลาย ๆ เรื่อง มากกว่าอยู่กับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งนาน ๆ เพราะนอกจากจะเป็นความสนุกและความชอบส่วนตัวแล้ว ยังทำให้เมื่อเราไปเจออะไรใหม่ ๆ ก็จะเชื่อมโยงกับภูมิความรู้เดิม ให้กลายเป็นสิ่งที่ดีขึ้น สมบูรณ์มากขึ้นได้
6. ทักษะการทำงานที่ต้องมีในยุคนี้คือ “ทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling)”
คุณธนากล่าวไว้ว่า ต่อให้จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเล่าเรื่องไม่เป็น พลังจะหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งการที่เราจะเล่าเรื่องได้เก่งและดี เราต้องรู้เยอะ ๆ จึงจะเชื่อมโยง และยกตัวอย่างให้สามารถเข้าใจได้ง่าย
และที่สำคัญคือ เราต้องมีความเข้าใจผู้อื่น มีความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ดูว่าคนฟังเป็นใคร เขาสามารถเข้าใจสารแบบไหน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำและสำหรับทุก ๆ คนที่ควรมีในยุคสมัยนี้
นอกจาก แนวคิดของคุณธนา ในการดำเนินธุรกิจที่สรุปมาให้คร่าว ๆ วันนี้แล้ว คุณธนายังมีหนังสือที่ชื่อว่า “ล้ม ลุก เรียน รู้” ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับบทเรียนของคุณธนา ทั้งที่ได้จากการใช้ชีวิตและการทำงานของคุณธนาเอง ที่ตั้งใจเขียนไว้ให้กับลูกสาวทั้ง 2 คน และยังนับเป็นบทเรียนที่ควรค่าสำหรับการเรียนรู้เป็นอย่างมาก
จากเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ชัดว่า คุณธนา เป็นหนึ่งบุคคลที่มีทัศนคติเชิงบวกสูงมาก อีกทั้งยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้คนตัวเล็ก ๆ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่คุณธนา จะขึ้นชื่อว่ามีมิตรสหายรักทั่ววงการธุรกิจ
และเป็นสิ่งที่สามารถทำให้สรุปได้ว่า การทำธุรกิจหรือทำงานในทุกวันนี้ สิ่งที่สำคัญเหนือทักษะความสามารถ คือทัศนคติที่พร้อมจะเปิดรับ, เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รวมถึงความกล้าที่จะ “ล้มเหลว” นั่นเอง..
References
-https://www.youtube.com/watch?v=oeJ5xZ9tZYU
-https://www.youtube.com/watch?v=09Yb93sfEmc
-https://www.youtube.com/watch?v=ri4ezwEpS04