ทำไม ญี่ปุ่น มีบริษัทอายุเกิน 100 ปี จำนวนมาก
9 พ.ค. 2021
ทำไม ญี่ปุ่น มีบริษัทอายุเกิน 100 ปี จำนวนมาก | THE BRIEFCASE
รู้หรือไม่ ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีบริษัทอายุมากกว่า 100 ปีมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก
โดย Bank of Korea มีการสำรวจบริษัท 5,586 แห่งที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ใน 41 ประเทศทั่วโลก
พบว่ากว่า 56% ของบริษัทเหล่านั้นตั้งอยู่ที่ญี่ปุ่น
และข้อมูลงานวิจัยจาก Teikoku Databank
ระบุว่ามีบริษัทที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ในญี่ปุ่นมากถึง 33,000 แห่ง
นอกจากนั้นข้อมูลจาก Worldatlas ได้ระบุถึงบริษัท 20 แห่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ที่ดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมากถึง 9 แห่งด้วยกัน
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Kongō Gumi
ก็เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเช่นกัน โดยเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างที่มีอายุถึง 1,443 ปี
และยังคงดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
แล้วอะไรที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถดำเนินกิจการได้เป็นเวลานานขนาดนี้ ?
1. การคิดถึงคุณค่าในสิ่งที่ทำมากกว่าตัวเงิน
องค์กรญี่ปุ่นมีหลักการคิดที่ชื่อว่า Rinen (ริเน็น) โดยเป็นหลักคิดที่สื่อว่า “สิ่งที่เรากระทำอยู่นั้น ดำรงอยู่เพื่ออะไร”
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บริษัทญี่ปุ่นนำหลักการนี้มาใช้โดยการมอบคุณค่าให้กับสังคม มากกว่าตัวเงินที่พวกเขาจะได้รับ
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอิซากายะ ซึ่งก็คือร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน โดยบริษัทแห่งนี้ได้นำหลักริเน็นมาใช้ โดยการยึดมั่นถึงการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนที่ทำงานหนัก ๆ มา มากกว่าการทำธุรกิจเพื่อที่จะสนใจแต่กำไรเพียงอย่างเดียว
ซึ่งการทำเช่นนี้ ก็จะทำให้บริษัทสามารถที่จะโฟกัสถึงสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่
ส่งผลให้สินค้าและบริการของร้านมีคุณภาพและมีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ มากกว่าการคิดแต่จะทำยังไงที่จะทำให้เราได้กำไรมากที่สุด จนคุณภาพของสินค้าและบริการนั้นลดลง
จุดนี้เอง จะทำให้บริษัททำทุกวิถีทางเพื่อที่จะมอบคุณค่าให้กับลูกค้า
อย่างในร้านอิซากายะที่มอบสถานที่ให้ลูกค้าได้คลายเครียดจากการทำงานหนักมาทั้งวันและมอบอาหารอร่อย ๆ ให้กับพวกเขา
บริษัทก็รู้สึกดีที่ได้มอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า ส่วนตัวลูกค้าเองก็มีความสุขที่ได้รับคุณค่าที่บริษัทมอบให้
แน่นอนว่าถ้าเรามอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงคุณค่าเหล่านี้ได้
จุดนี้เองจึงทำให้ลูกค้าเกิดการจงรักภักดีต่อร้านค้าหรือบริษัทและเกิดการบอกต่อไปเรื่อย ๆ
2. การเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
คุณ Yoshinori Hara ศาสตราจารย์จาก Kyoto University Graduate School of Management ได้ระบุไว้ว่าบริษัทในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นความสำคัญของการเติบโตที่ยั่งยืน มากกว่าการที่จะได้กำไรมากในเวลาอันสั้น
จุดนี้เองจึงทำให้บริษัทหรือร้านค้าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีการดำเนินกิจการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการให้ความสำคัญของทุกภาคส่วนในองค์กรให้แข็งแรง จึงทำให้บริษัทสามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานาน
ถึงแม้อาจจะใช้เวลาเติบโตช้า เมื่อเทียบกับบริษัทจากประเทศตะวันตก แต่ในยามที่เกิดวิกฤติ
บริษัทญี่ปุ่นจะสามารถต่อสู้กับวิกฤติเหล่านั้นได้ดี เนื่องจากมีรากฐานที่แข็งแรง
3. การเคารพถึงบรรพบุรุษและวัฒนธรรม
คุณ Innan Sasaki ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก University of Warwick ได้ให้เหตุผลที่ทำให้บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมีอายุยืน นั่นคือ การที่คนญี่ปุ่นให้ความเคารพกับบรรพบุรุษมาก จึงทำให้ลูกหลานที่เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจนั้น ต้องการที่จะสานต่อและอนุรักษ์ธุรกิจครอบครัวของพวกเขาที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน
ยิ่งไปกว่านั้น การอนุรักษ์บริษัทหรือร้านค้าที่มีอายุยาวนานยังเป็นการรักษาเรื่องราวและวัฒนธรรมของบริษัทให้แก่ชุมชนอีกด้วย
อย่างในกรณีของร้านชา Tsuen Tea ซึ่งเป็นร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
โดยเป็นร้านชาที่มีอายุมากถึง 861 ปี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1160
ปัจจุบันร้านชาแห่งนี้ถูกดูแลโดยคุณ Yusuke Tsuen ผู้ที่เป็นทายาทของผู้ก่อตั้งร้านชาแห่งนี้ที่สืบสานต่อ ๆ กันมา โดยเขาบอกว่า ถ้าเขาไม่ได้เข้ามาดูแลกิจการที่บรรพบุรุษก่อตั้งขึ้นมานี้ แน่นอนว่าร้านชาแห่งนี้ก็คงต้องถูกปิดตัวลง และที่สำคัญก็คือผู้คนในชุมชนแห่งนี้คงไม่ได้ดื่มชาที่มีคุณภาพและอายุยาวนานขนาดนี้ นี่จึงเปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลและสานต่อกิจการของบรรพบุรุษนั่นเอง
ซึ่งถ้าหากนำทั้ง 3 เหตุผลที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถดำเนินกิจการได้เป็นเวลานานมารวมกัน
ก็คงจะเปรียบได้กับ “การทำทุก ๆ วันให้ดีที่สุด” เพราะคุณค่าที่เราจะมอบให้กับลูกค้าได้ก็คือการมอบสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้วให้กับลูกค้าไป
และแน่นอนว่าการที่เราทำสิ่ง ๆ หนึ่งอย่างสุดความสามารถ ก็จะทำให้ธุรกิจของเรามีโอกาสที่จะค่อย ๆ เติบโตในอนาคต และถ้าบรรพบุรุษได้เห็นถึงการกระทำที่เราทำสุดความสามารถเพื่อที่จะอนุรักษ์สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา เชื่อว่าพวกเขาจะต้องดีใจอย่างแน่นอน
References
-https://www.bbc.com/worklife/article/20200211-why-are-so-many-old-companies-in-japan
-https://www.worldatlas.com
-https://www.worldometers.info/demographics/life-expectancy/
-https://www.detroitnews.com/story/business/2015/04/27/old-companies-thrive-brand-loyal-japan/-26481655/
รู้หรือไม่ ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีบริษัทอายุมากกว่า 100 ปีมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก
โดย Bank of Korea มีการสำรวจบริษัท 5,586 แห่งที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ใน 41 ประเทศทั่วโลก
พบว่ากว่า 56% ของบริษัทเหล่านั้นตั้งอยู่ที่ญี่ปุ่น
และข้อมูลงานวิจัยจาก Teikoku Databank
ระบุว่ามีบริษัทที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ในญี่ปุ่นมากถึง 33,000 แห่ง
นอกจากนั้นข้อมูลจาก Worldatlas ได้ระบุถึงบริษัท 20 แห่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ที่ดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมากถึง 9 แห่งด้วยกัน
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Kongō Gumi
ก็เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเช่นกัน โดยเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างที่มีอายุถึง 1,443 ปี
และยังคงดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
แล้วอะไรที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถดำเนินกิจการได้เป็นเวลานานขนาดนี้ ?
1. การคิดถึงคุณค่าในสิ่งที่ทำมากกว่าตัวเงิน
องค์กรญี่ปุ่นมีหลักการคิดที่ชื่อว่า Rinen (ริเน็น) โดยเป็นหลักคิดที่สื่อว่า “สิ่งที่เรากระทำอยู่นั้น ดำรงอยู่เพื่ออะไร”
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บริษัทญี่ปุ่นนำหลักการนี้มาใช้โดยการมอบคุณค่าให้กับสังคม มากกว่าตัวเงินที่พวกเขาจะได้รับ
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอิซากายะ ซึ่งก็คือร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน โดยบริษัทแห่งนี้ได้นำหลักริเน็นมาใช้ โดยการยึดมั่นถึงการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนที่ทำงานหนัก ๆ มา มากกว่าการทำธุรกิจเพื่อที่จะสนใจแต่กำไรเพียงอย่างเดียว
ซึ่งการทำเช่นนี้ ก็จะทำให้บริษัทสามารถที่จะโฟกัสถึงสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่
ส่งผลให้สินค้าและบริการของร้านมีคุณภาพและมีคุณค่าต่อคนอื่น ๆ มากกว่าการคิดแต่จะทำยังไงที่จะทำให้เราได้กำไรมากที่สุด จนคุณภาพของสินค้าและบริการนั้นลดลง
จุดนี้เอง จะทำให้บริษัททำทุกวิถีทางเพื่อที่จะมอบคุณค่าให้กับลูกค้า
อย่างในร้านอิซากายะที่มอบสถานที่ให้ลูกค้าได้คลายเครียดจากการทำงานหนักมาทั้งวันและมอบอาหารอร่อย ๆ ให้กับพวกเขา
บริษัทก็รู้สึกดีที่ได้มอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า ส่วนตัวลูกค้าเองก็มีความสุขที่ได้รับคุณค่าที่บริษัทมอบให้
แน่นอนว่าถ้าเรามอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงคุณค่าเหล่านี้ได้
จุดนี้เองจึงทำให้ลูกค้าเกิดการจงรักภักดีต่อร้านค้าหรือบริษัทและเกิดการบอกต่อไปเรื่อย ๆ
2. การเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
คุณ Yoshinori Hara ศาสตราจารย์จาก Kyoto University Graduate School of Management ได้ระบุไว้ว่าบริษัทในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นความสำคัญของการเติบโตที่ยั่งยืน มากกว่าการที่จะได้กำไรมากในเวลาอันสั้น
จุดนี้เองจึงทำให้บริษัทหรือร้านค้าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีการดำเนินกิจการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการให้ความสำคัญของทุกภาคส่วนในองค์กรให้แข็งแรง จึงทำให้บริษัทสามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานาน
ถึงแม้อาจจะใช้เวลาเติบโตช้า เมื่อเทียบกับบริษัทจากประเทศตะวันตก แต่ในยามที่เกิดวิกฤติ
บริษัทญี่ปุ่นจะสามารถต่อสู้กับวิกฤติเหล่านั้นได้ดี เนื่องจากมีรากฐานที่แข็งแรง
3. การเคารพถึงบรรพบุรุษและวัฒนธรรม
คุณ Innan Sasaki ผู้ช่วยศาสตราจารย์จาก University of Warwick ได้ให้เหตุผลที่ทำให้บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมีอายุยืน นั่นคือ การที่คนญี่ปุ่นให้ความเคารพกับบรรพบุรุษมาก จึงทำให้ลูกหลานที่เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจนั้น ต้องการที่จะสานต่อและอนุรักษ์ธุรกิจครอบครัวของพวกเขาที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน
ยิ่งไปกว่านั้น การอนุรักษ์บริษัทหรือร้านค้าที่มีอายุยาวนานยังเป็นการรักษาเรื่องราวและวัฒนธรรมของบริษัทให้แก่ชุมชนอีกด้วย
อย่างในกรณีของร้านชา Tsuen Tea ซึ่งเป็นร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
โดยเป็นร้านชาที่มีอายุมากถึง 861 ปี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1160
ปัจจุบันร้านชาแห่งนี้ถูกดูแลโดยคุณ Yusuke Tsuen ผู้ที่เป็นทายาทของผู้ก่อตั้งร้านชาแห่งนี้ที่สืบสานต่อ ๆ กันมา โดยเขาบอกว่า ถ้าเขาไม่ได้เข้ามาดูแลกิจการที่บรรพบุรุษก่อตั้งขึ้นมานี้ แน่นอนว่าร้านชาแห่งนี้ก็คงต้องถูกปิดตัวลง และที่สำคัญก็คือผู้คนในชุมชนแห่งนี้คงไม่ได้ดื่มชาที่มีคุณภาพและอายุยาวนานขนาดนี้ นี่จึงเปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลและสานต่อกิจการของบรรพบุรุษนั่นเอง
ซึ่งถ้าหากนำทั้ง 3 เหตุผลที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถดำเนินกิจการได้เป็นเวลานานมารวมกัน
ก็คงจะเปรียบได้กับ “การทำทุก ๆ วันให้ดีที่สุด” เพราะคุณค่าที่เราจะมอบให้กับลูกค้าได้ก็คือการมอบสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้วให้กับลูกค้าไป
และแน่นอนว่าการที่เราทำสิ่ง ๆ หนึ่งอย่างสุดความสามารถ ก็จะทำให้ธุรกิจของเรามีโอกาสที่จะค่อย ๆ เติบโตในอนาคต และถ้าบรรพบุรุษได้เห็นถึงการกระทำที่เราทำสุดความสามารถเพื่อที่จะอนุรักษ์สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา เชื่อว่าพวกเขาจะต้องดีใจอย่างแน่นอน
References
-https://www.bbc.com/worklife/article/20200211-why-are-so-many-old-companies-in-japan
-https://www.worldatlas.com
-https://www.worldometers.info/demographics/life-expectancy/
-https://www.detroitnews.com/story/business/2015/04/27/old-companies-thrive-brand-loyal-japan/-26481655/