ถ้าอยากแพ้ ก็แค่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
8 พ.ค. 2021
ถ้าอยากแพ้ ก็แค่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น | THE BRIEFCASE
ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลกับชีวิตของเรามาก นอกจากการติดต่อสื่อสารกันอย่างไร้พรมแดนแล้ว
ทุกคนยังสามารถอัปเดตเรื่องราวของตัวเราเอง ลงไปในสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน
บางคนที่ประสบความสำเร็จก็อาจจะอัปเดตเรื่องราวของพวกเขาผ่านรูปภาพตัวเองกับไลฟ์สไตล์ที่อู้ฟู่ สินค้าแบรนด์เนม หรือรถยนต์คันหรู ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดเลย
แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นค่านิยมของคนในสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบัน
ที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะต้องการรีบประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะมีชีวิตเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นการมีสินค้าแบรนด์เนม รถยนต์หรู หรือบ้านหลังใหญ่
ถึงขนาดที่เด็กจบใหม่บางคนที่กำลังติดตามชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ
กลับต้องพบเจอกับความผิดหวัง ที่ตัวเองจบมาทำงานได้เงินเดือนน้อยนิด
หรือยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ซึ่งแตกต่างกับชีวิตของคนที่เรากำลังติดตามอยู่
จนทำให้บางครั้ง เราต้องเบนเข็มจากความฝันของเรา และหันไปทำตามรูปแบบของคนอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จ
เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตในแบบคนเหล่านั้นบ้าง สุดท้ายแล้วเราก็จะทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
หรือบางคนก็พยายามหาทางลัดเพื่อให้ตัวเองมีไลฟ์สไตล์ที่อู้ฟู่เช่นกัน
คุณ Gary Vaynerchuk ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์รีวิวไวน์อย่าง Winelibrary และผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์และเอเจนซีอย่าง VaynerMedia
ทั้งยังเป็น YouTuber ในช่องที่มีชื่อว่า GaryVee ที่มีผู้ติดตามอยู่มากกว่า 3 ล้านคน นอกเหนือจากนั้นยังมีคนติดตามเขาใน Facebook กว่า 3 ล้านคน และใน Instagram กว่า 8 ล้านคน
เนื้อหาในช่องของเขาส่วนใหญ่จะเป็นแนวการสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ
จึงไม่แปลกที่ทำไมถึงมีคนติดตามเขามากมาย แม้กระทั่งคุณ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า The Rock นักมวยปล้ำและนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกก็ติดตามเขาด้วยเช่นกัน
โดยเขามองเรื่องการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นว่า เป็นการกระทำที่เสียเวลามาก
เพราะทุกวินาทีที่เรากำลังคิดว่าคนอื่น ๆ มีเงินเก็บเท่าไร ขับรถอะไรอยู่ หรือใช้ของแบรนด์เนมอะไรบ้าง
จะทำให้เราสูญเสียเวลาที่จะสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้ตัวเราเอง หรือพัฒนาตัวเราเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้เวลาในโซเชียลมีเดียเพื่อเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น
คุณ Gary ก็ได้บอกว่า นี่เป็นจุดที่ทำให้เรากำลังเป็น “ผู้แพ้”
เพราะว่ากลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จ ที่เรากำลังอิจฉาอยู่นั้น
เขาคนนั้นอาจจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย
เพียงแต่เขาไม่ได้อัปเดต ชีวิตของเขาในช่วงเวลาที่กำลังลำบาก
ด้วยเหตุนี้เองถ้าเรากำลังศึกษาที่จะเป็นนักร้องอยู่ เราจึงไม่ควรเปรียบเทียบตัวเรากับ Justin Bieber
หรือถ้าเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เราก็ไม่ควรนำตัวเราไปเปรียบเทียบกับ Warren Buffett
เพราะการเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เหนือกว่าเรานี้
ก็อาจไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ เลยทั้งสิ้น อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกด้อยค่าลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เพราะทุก ๆ คนย่อมมีทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเองกันทั้งนั้น ถึงแม้เราอาจใช้เวลาที่จะประสบความสำเร็จช้ากว่าคนอื่นไปบ้าง
แต่บางทีการที่เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ก็คือความสุขอย่างหนึ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้
บางที การที่คนเรามีความต้องการที่จะรีบประสบความสำเร็จมากจนเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
เช่น บางคนเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่มีอายุเพียง 20 ปีต้น ๆ แต่มีความฝันที่จะมีเงินเก็บหลักล้านในเวลาอันสั้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ยากมากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทางที่ดีเราควรตั้งใจทำงานให้เต็มที่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และคอนเน็กชัน
แล้วถ้าเราอยากเป็นผู้ชนะล่ะ ต้องทำยังไง ?
คุณ Gary บอกเอาไว้ว่า วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะก็คือ
“เลิกสนใจกับความสำเร็จของคนอื่น ไม่ต้องสนใจว่าชีวิตคนอื่นจะมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว แต่ให้เดินตามทางของตัวเอง พยายามโฟกัสไปที่เป้าหมายของเรา และอย่าทำตามคนอื่นจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง”
ถ้าเรารักในการทำอาหารจีน แต่เห็นเพื่อนของเราประสบความสำเร็จจากการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น
ซึ่งถ้าเราสนใจกับความสำเร็จของเพื่อนคนนี้และหันไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นตามเพราะหวังที่จะประสบความสำเร็จเหมือนเขา
แทนที่เราจะเป็นร้านอาหารจีนในสไตล์ของเรา แต่เราก็เป็นได้เพียงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง สุดท้ายก็สู้ร้านอาหารญี่ปุ่นของเพื่อนเราไม่ได้อยู่ดี
ทางที่ดีก็คือ เราควรชื่นชมกับความสำเร็จของเพื่อนคนนั้น และพยายามพัฒนาสูตรอาหารจีนและการบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าเราไม่หยุดอยู่กับที่และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายแล้วแสงสว่างที่เราเฝ้ารออยู่ ก็จะส่องมาถึงเราในไม่ช้า
ท้ายที่สุด คนที่เราชนะนั้น ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่เป็นการที่เราเอาชนะใจตัวเอง ที่สามารถประสบความสำเร็จในทางเดินของเรา ถึงแม้ว่าทางเดินนี้อาจจะยาวกว่าทางเดินของคนอื่นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยความสุขในแบบของตัวเรานั่นเอง..
References
-https://www.cnbc.com/2019/03/19/
-https://www.famous-entrepreneurs.com/gary-vaynerchuk
ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลกับชีวิตของเรามาก นอกจากการติดต่อสื่อสารกันอย่างไร้พรมแดนแล้ว
ทุกคนยังสามารถอัปเดตเรื่องราวของตัวเราเอง ลงไปในสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน
บางคนที่ประสบความสำเร็จก็อาจจะอัปเดตเรื่องราวของพวกเขาผ่านรูปภาพตัวเองกับไลฟ์สไตล์ที่อู้ฟู่ สินค้าแบรนด์เนม หรือรถยนต์คันหรู ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดเลย
แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นค่านิยมของคนในสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบัน
ที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะต้องการรีบประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะมีชีวิตเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นการมีสินค้าแบรนด์เนม รถยนต์หรู หรือบ้านหลังใหญ่
ถึงขนาดที่เด็กจบใหม่บางคนที่กำลังติดตามชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ
กลับต้องพบเจอกับความผิดหวัง ที่ตัวเองจบมาทำงานได้เงินเดือนน้อยนิด
หรือยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ซึ่งแตกต่างกับชีวิตของคนที่เรากำลังติดตามอยู่
จนทำให้บางครั้ง เราต้องเบนเข็มจากความฝันของเรา และหันไปทำตามรูปแบบของคนอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จ
เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตในแบบคนเหล่านั้นบ้าง สุดท้ายแล้วเราก็จะทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา
หรือบางคนก็พยายามหาทางลัดเพื่อให้ตัวเองมีไลฟ์สไตล์ที่อู้ฟู่เช่นกัน
คุณ Gary Vaynerchuk ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์รีวิวไวน์อย่าง Winelibrary และผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์และเอเจนซีอย่าง VaynerMedia
ทั้งยังเป็น YouTuber ในช่องที่มีชื่อว่า GaryVee ที่มีผู้ติดตามอยู่มากกว่า 3 ล้านคน นอกเหนือจากนั้นยังมีคนติดตามเขาใน Facebook กว่า 3 ล้านคน และใน Instagram กว่า 8 ล้านคน
เนื้อหาในช่องของเขาส่วนใหญ่จะเป็นแนวการสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ
จึงไม่แปลกที่ทำไมถึงมีคนติดตามเขามากมาย แม้กระทั่งคุณ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า The Rock นักมวยปล้ำและนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกก็ติดตามเขาด้วยเช่นกัน
โดยเขามองเรื่องการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นว่า เป็นการกระทำที่เสียเวลามาก
เพราะทุกวินาทีที่เรากำลังคิดว่าคนอื่น ๆ มีเงินเก็บเท่าไร ขับรถอะไรอยู่ หรือใช้ของแบรนด์เนมอะไรบ้าง
จะทำให้เราสูญเสียเวลาที่จะสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้ตัวเราเอง หรือพัฒนาตัวเราเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราใช้เวลาในโซเชียลมีเดียเพื่อเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่น
คุณ Gary ก็ได้บอกว่า นี่เป็นจุดที่ทำให้เรากำลังเป็น “ผู้แพ้”
เพราะว่ากลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จ ที่เรากำลังอิจฉาอยู่นั้น
เขาคนนั้นอาจจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย
เพียงแต่เขาไม่ได้อัปเดต ชีวิตของเขาในช่วงเวลาที่กำลังลำบาก
ด้วยเหตุนี้เองถ้าเรากำลังศึกษาที่จะเป็นนักร้องอยู่ เราจึงไม่ควรเปรียบเทียบตัวเรากับ Justin Bieber
หรือถ้าเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เราก็ไม่ควรนำตัวเราไปเปรียบเทียบกับ Warren Buffett
เพราะการเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เหนือกว่าเรานี้
ก็อาจไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ เลยทั้งสิ้น อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกด้อยค่าลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เพราะทุก ๆ คนย่อมมีทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเองกันทั้งนั้น ถึงแม้เราอาจใช้เวลาที่จะประสบความสำเร็จช้ากว่าคนอื่นไปบ้าง
แต่บางทีการที่เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ก็คือความสุขอย่างหนึ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้
บางที การที่คนเรามีความต้องการที่จะรีบประสบความสำเร็จมากจนเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
เช่น บางคนเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่มีอายุเพียง 20 ปีต้น ๆ แต่มีความฝันที่จะมีเงินเก็บหลักล้านในเวลาอันสั้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ยากมากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ทางที่ดีเราควรตั้งใจทำงานให้เต็มที่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และคอนเน็กชัน
แล้วถ้าเราอยากเป็นผู้ชนะล่ะ ต้องทำยังไง ?
คุณ Gary บอกเอาไว้ว่า วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะก็คือ
“เลิกสนใจกับความสำเร็จของคนอื่น ไม่ต้องสนใจว่าชีวิตคนอื่นจะมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว แต่ให้เดินตามทางของตัวเอง พยายามโฟกัสไปที่เป้าหมายของเรา และอย่าทำตามคนอื่นจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง”
ถ้าเรารักในการทำอาหารจีน แต่เห็นเพื่อนของเราประสบความสำเร็จจากการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น
ซึ่งถ้าเราสนใจกับความสำเร็จของเพื่อนคนนี้และหันไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นตามเพราะหวังที่จะประสบความสำเร็จเหมือนเขา
แทนที่เราจะเป็นร้านอาหารจีนในสไตล์ของเรา แต่เราก็เป็นได้เพียงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง สุดท้ายก็สู้ร้านอาหารญี่ปุ่นของเพื่อนเราไม่ได้อยู่ดี
ทางที่ดีก็คือ เราควรชื่นชมกับความสำเร็จของเพื่อนคนนั้น และพยายามพัฒนาสูตรอาหารจีนและการบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าเราไม่หยุดอยู่กับที่และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายแล้วแสงสว่างที่เราเฝ้ารออยู่ ก็จะส่องมาถึงเราในไม่ช้า
ท้ายที่สุด คนที่เราชนะนั้น ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่เป็นการที่เราเอาชนะใจตัวเอง ที่สามารถประสบความสำเร็จในทางเดินของเรา ถึงแม้ว่าทางเดินนี้อาจจะยาวกว่าทางเดินของคนอื่นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยความสุขในแบบของตัวเรานั่นเอง..
References
-https://www.cnbc.com/2019/03/19/
-https://www.famous-entrepreneurs.com/gary-vaynerchuk