อย่ารีบตัดสินอะไร ถ้ายังมองภาพใหญ่ไม่ออก
24 เม.ย. 2021
อย่ารีบตัดสินอะไร ถ้ายังมองภาพใหญ่ไม่ออก | THE BRIEFCASE
“ในปีที่ผ่านมา ทั่วทั้งสหภาพยุโรป สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลงได้ถึง 17 ล้านตัน”
17 ล้านตัน น่าจะเป็นตัวเลขที่ดูเยอะมากสำหรับหลายคน
แต่ถ้าคุณรู้ภาพใหญ่ว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจก
ที่ทั่วโลกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศนั้น มากถึง 57,000 ล้านตันต่อปี..
พูดง่าย ๆ คือ 17 ล้านตัน คิดเป็นแค่ 0.03% ของภาพใหญ่ทั้งหมด
เมื่อรู้ว่าภาพใหญ่ของเรื่องนี้เป็นแบบนี้
คุณจะยังมองว่าตัวเลข 17 ล้านตัน เป็นตัวเลขที่มากสำหรับเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า ?
หรืออย่างเคสที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน คือ กรณีของบริษัท Alibaba ที่โดนปรับเงินครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์จีน มากถึง 18,230 ล้านหยวน หรือราว 88,000 ล้านบาท ในข้อหาผูกขาดตลาด
หลายคนเห็นข่าวนี้ในตอนแรก ก็คงตกใจและคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะตัวเลข 88,000 ล้านบาทนั้นมหาศาลมาก เทียบเท่าได้กับมูลค่าทั้งบริษัทของบางบริษัทเลยทีเดียว
แต่ภาพใหญ่ของเรื่องนี้คือ 88,000 ล้านบาท สำหรับ Alibaba นั้นดูเล็กน้อยมาก
เพราะเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งปี 2020 ของ Alibaba ที่ประมาณ 2,230,000 ล้านบาทแล้วนั้น ค่าปรับส่วนนี้ คิดเป็นเพียง 3.9% ของรายได้เท่านั้น
หรือหากเอาค่าปรับมาเทียบกับมูลค่าบริษัทของ Alibaba ที่ตอนนี้มีมูลค่าประมาณ 20,570,000 ล้านบาทแล้วนั้น ก็คิดเป็นไม่ถึง 1% ของมูลค่าบริษัท
เมื่อรู้ว่าภาพใหญ่ของเรื่องเป็นแบบนี้
หลายคนจะยังคงมองค่าปรับ 88,000 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องใหญ่ของ Alibaba อยู่ไหม ?
จากสองตัวอย่างนี้ ทำให้เราเห็นว่าการฝึกมอง “Big picture” หรือ ภาพใหญ่ ของเรื่องต่าง ๆ นั้น
เป็นอะไรที่สำคัญมาก และมันส่งผลต่อการตัดสินใจของเรามากด้วยเช่นกัน
เพราะการมองภาพใหญ่ของแต่ละเรื่องได้ชัดเจนนั้น จะทำให้เรา..
-ไม่ตระหนกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไป
อย่างเช่น กรณีของ Alibaba ที่โดนปรับเงินมหาศาล แต่ถ้าหากเรารู้ภาพใหญ่ของ Alibaba ว่ามีรายได้เท่าไร มูลค่าบริษัทเท่าไร เงินมหาศาลที่ว่านี้ ก็จะดูมีผลกระทบน้อยไปเลยสำหรับเคสนี้
อย่างเคสนี้ นักลงทุนในตลาดมองว่า แม้จะโดนปรับสูงถึง 88,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้และมูลค่าบริษัท
มากไปกว่านั้น การโดนปรับเงินครั้งนี้ ยังถือเป็นการยุติความกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่นักลงทุนกลัวกันมานานอีกด้วย ว่าอาจถูกรัฐบาลจีนเล่นงาน จนบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ก็เลยไม่น่าแปลกใจ ที่เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ราคาหุ้น Alibaba กลับปรับตัวสูงขึ้นในวันถัดมา แทนที่จะตกลงนั่นเอง
การมองภาพใหญ่ออกแบบนี้ มันจะทำให้เรารู้ว่า ขนาดของผลกระทบที่จะเกิด จะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ทำให้เราสามารถวางแผน ตัดสินใจ และรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ โดยไม่ตระหนกตกใจ หรือ Panic มากจนเกินไป
-ประเมินคุณค่า หรือให้มูลค่าของสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น
อย่างกรณีที่สหภาพยุโรปรายงานว่า สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีที่ผ่านมา ลงได้ถึง 17 ล้านตัน
สำหรับใครที่มองแค่ตัวเลขคร่าว ๆ และไม่ได้รู้ภาพใหญ่ของเรื่องนี้ ก็อาจพูดว่า
“พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขนาดนี้”
แต่ถ้าเราเข้าใจภาพใหญ่ของเรื่อง เราอาจเปลี่ยนคำชื่นชมนั้นเป็น
“พวกเขายอดเยี่ยมแล้วที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ แต่ความจริงที่เราต้องรู้คือ สิ่งที่พวกเขาทำได้นี้คิดเป็นเพียง 0.03% ของภาพใหญ่ ซึ่งถ้าอยากให้ยอดเยี่ยมกว่านี้ พวกเราก็ต้องเอาใจช่วยพวกเขาใน EU และร่วมด้วยช่วยกัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกับพวกเขาด้วย”
จะเห็นว่า การมองภาพใหญ่ให้ออกนั้น นอกจากทำให้เราไม่ตระหนกตกใจ เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้แล้ว ยังเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ ไปอย่างสิ้นเชิงได้เลย
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร
ลองถามตัวเราเองดูก่อนว่า “เราเข้าใจภาพใหญ่ของเรื่องนี้ ดีแล้วหรือยัง ?”
References
-https://www.cnbc.com/2021/04/12/alibaba-shares-jump-after-2point8-billion-fine-anti-monopoly-fine.html
-https://finance.yahoo.com/quote/BABA/
-https://www.euractiv.com/section/energy-environment/news/eu-plans-big-increase-in-green-gas-to-meet-climate-goals/
“ในปีที่ผ่านมา ทั่วทั้งสหภาพยุโรป สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลงได้ถึง 17 ล้านตัน”
17 ล้านตัน น่าจะเป็นตัวเลขที่ดูเยอะมากสำหรับหลายคน
แต่ถ้าคุณรู้ภาพใหญ่ว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจก
ที่ทั่วโลกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศนั้น มากถึง 57,000 ล้านตันต่อปี..
พูดง่าย ๆ คือ 17 ล้านตัน คิดเป็นแค่ 0.03% ของภาพใหญ่ทั้งหมด
เมื่อรู้ว่าภาพใหญ่ของเรื่องนี้เป็นแบบนี้
คุณจะยังมองว่าตัวเลข 17 ล้านตัน เป็นตัวเลขที่มากสำหรับเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า ?
หรืออย่างเคสที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน คือ กรณีของบริษัท Alibaba ที่โดนปรับเงินครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์จีน มากถึง 18,230 ล้านหยวน หรือราว 88,000 ล้านบาท ในข้อหาผูกขาดตลาด
หลายคนเห็นข่าวนี้ในตอนแรก ก็คงตกใจและคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะตัวเลข 88,000 ล้านบาทนั้นมหาศาลมาก เทียบเท่าได้กับมูลค่าทั้งบริษัทของบางบริษัทเลยทีเดียว
แต่ภาพใหญ่ของเรื่องนี้คือ 88,000 ล้านบาท สำหรับ Alibaba นั้นดูเล็กน้อยมาก
เพราะเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งปี 2020 ของ Alibaba ที่ประมาณ 2,230,000 ล้านบาทแล้วนั้น ค่าปรับส่วนนี้ คิดเป็นเพียง 3.9% ของรายได้เท่านั้น
หรือหากเอาค่าปรับมาเทียบกับมูลค่าบริษัทของ Alibaba ที่ตอนนี้มีมูลค่าประมาณ 20,570,000 ล้านบาทแล้วนั้น ก็คิดเป็นไม่ถึง 1% ของมูลค่าบริษัท
เมื่อรู้ว่าภาพใหญ่ของเรื่องเป็นแบบนี้
หลายคนจะยังคงมองค่าปรับ 88,000 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องใหญ่ของ Alibaba อยู่ไหม ?
จากสองตัวอย่างนี้ ทำให้เราเห็นว่าการฝึกมอง “Big picture” หรือ ภาพใหญ่ ของเรื่องต่าง ๆ นั้น
เป็นอะไรที่สำคัญมาก และมันส่งผลต่อการตัดสินใจของเรามากด้วยเช่นกัน
เพราะการมองภาพใหญ่ของแต่ละเรื่องได้ชัดเจนนั้น จะทำให้เรา..
-ไม่ตระหนกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไป
อย่างเช่น กรณีของ Alibaba ที่โดนปรับเงินมหาศาล แต่ถ้าหากเรารู้ภาพใหญ่ของ Alibaba ว่ามีรายได้เท่าไร มูลค่าบริษัทเท่าไร เงินมหาศาลที่ว่านี้ ก็จะดูมีผลกระทบน้อยไปเลยสำหรับเคสนี้
อย่างเคสนี้ นักลงทุนในตลาดมองว่า แม้จะโดนปรับสูงถึง 88,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้และมูลค่าบริษัท
มากไปกว่านั้น การโดนปรับเงินครั้งนี้ ยังถือเป็นการยุติความกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่นักลงทุนกลัวกันมานานอีกด้วย ว่าอาจถูกรัฐบาลจีนเล่นงาน จนบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ก็เลยไม่น่าแปลกใจ ที่เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ราคาหุ้น Alibaba กลับปรับตัวสูงขึ้นในวันถัดมา แทนที่จะตกลงนั่นเอง
การมองภาพใหญ่ออกแบบนี้ มันจะทำให้เรารู้ว่า ขนาดของผลกระทบที่จะเกิด จะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ทำให้เราสามารถวางแผน ตัดสินใจ และรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ โดยไม่ตระหนกตกใจ หรือ Panic มากจนเกินไป
-ประเมินคุณค่า หรือให้มูลค่าของสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น
อย่างกรณีที่สหภาพยุโรปรายงานว่า สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีที่ผ่านมา ลงได้ถึง 17 ล้านตัน
สำหรับใครที่มองแค่ตัวเลขคร่าว ๆ และไม่ได้รู้ภาพใหญ่ของเรื่องนี้ ก็อาจพูดว่า
“พวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากขนาดนี้”
แต่ถ้าเราเข้าใจภาพใหญ่ของเรื่อง เราอาจเปลี่ยนคำชื่นชมนั้นเป็น
“พวกเขายอดเยี่ยมแล้วที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ แต่ความจริงที่เราต้องรู้คือ สิ่งที่พวกเขาทำได้นี้คิดเป็นเพียง 0.03% ของภาพใหญ่ ซึ่งถ้าอยากให้ยอดเยี่ยมกว่านี้ พวกเราก็ต้องเอาใจช่วยพวกเขาใน EU และร่วมด้วยช่วยกัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกับพวกเขาด้วย”
จะเห็นว่า การมองภาพใหญ่ให้ออกนั้น นอกจากทำให้เราไม่ตระหนกตกใจ เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้แล้ว ยังเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ ไปอย่างสิ้นเชิงได้เลย
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร
ลองถามตัวเราเองดูก่อนว่า “เราเข้าใจภาพใหญ่ของเรื่องนี้ ดีแล้วหรือยัง ?”
References
-https://www.cnbc.com/2021/04/12/alibaba-shares-jump-after-2point8-billion-fine-anti-monopoly-fine.html
-https://finance.yahoo.com/quote/BABA/
-https://www.euractiv.com/section/energy-environment/news/eu-plans-big-increase-in-green-gas-to-meet-climate-goals/